2 ตามล่า (2)
"อย่าให้กูเจอหน้ามึงอีก" ภูริชี้หน้าแบงค์เอาไว้ด้วยความโมโหจัดก่อนที่เขาจะจูงมือคนตัวเล็กเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
ขาเรียวเดินตามแรงจูงของภูริต้อยๆใบหน้าหวานก็มองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกมากมาย เธอกำลังสับสนและมึนงงว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเข้ามาช่วยเธอไว้ แล้วทำไมเธอต้องมากับคนที่ไม่รู้จักอย่างเขาด้วย
"อะ เอ่อ...คุณภูริคะ" เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเมื่อเขาพาเธอมาที่รถยนต์คันหรูของเขา
ภูริหันหน้ามามองเธอนิ่งก่อนจะปล่อยข้อมือเธอออก
"ขะ...ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพู่ไว้" เธอไม่รู้จะพูดอะไรเพราะตอนนี้มีแต่คำถามมากมายเต็มหัวไปหมด
"อืม"
"เอ่อ..." หญิงสาวเม้มปากแน่นเธอรู้สึกประหม่ากับสายตาของเขาอย่างมาก เธอรู้สึกดีที่เขาเข้ามาช่วยเธอไว้แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวเพราะสายตาเย็นชาของเขามันยากที่จะคาดเดาความรู้สึกจริงๆ
"ขึ้นรถ"
"คะ?" ภูริไม่ตอบเขาเพยิดหน้าไปที่รถยนต์ของเขาอีกครั้งเพื่อบอกให้เธอขึ้นรถ
"มะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ แค่คุณช่วยฉันไว้มันก็มากเกินพอแล้ว" หญิงสาวปฏิเสธทันที แค่เขาช่วยเธอไว้มันก็มากพอแล้วเธอนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้
หลังจากที่หมออนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลได้เธอก็บอกกับลุงและป้าว่าไม่ต้องมารับเพราะเธอต้องกลับหอพักเลยเนื่องจากวันถัดไปเธอมีเรียน อีกทั้งเธอก็ไม่อยากรบกวนท่านทั้งสองด้วย เพราะป้าต้องลางานประจำส่วนลุงก็ต้องหยุดงานอีกเธอเลยอาสาจะกลับเองเนื่องจากไม่ได้ลำบากอะไรนัก
"ขึ้นรถ" เสียงเข้มเอ่ยและมองเธอนิ่ง
"กะ...ก็ได้ค่ะ" ร่างบางเดินขึ้นรถสปอร์ตคันหรูของเขาไปด้วยความประหม่า ทั้งสีหน้าและท่าทางที่นิ่งเรียบของเขามันกลับทำให้เธอรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
รถยนต์คันหรูขับแล่นออกจากโรงพยาบาลไปในที่สุด ภายในรถตกอยู่ความเงียบที่ไม่มีใครพูดหรือเอ่ยคำใดออกมา มีแต่เพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆเท่านั้นแต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอผ่อนคลายจากคนข้างๆได้เลย
"ทำไมกลับคนเดียว" เสียงทุ้มเอ่ยขณะที่สายตายังคงจดจ้องกับเส้นทางตรงหน้าอยู่
"พู่อยากกลับเองน่ะค่ะ ถ้าให้ป้ากับลุงมารับก็ต้องลางานอีก พู่เกรงใจ" หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม เพราะอย่างน้อยคนข้างๆก็เปิดบทสนทนากับเธอบ้างแล้ว
เพราะเธอเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายและสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ได้เก่งเช่นกัน
"ให้ไปส่งที่ไหน"
"หอพัก MJ PLACE อยู่หลังมหาวิทยาลัย C ค่ะ^^ แต่คุณส่งพู่แค่หน้าปากซอยพอนะคะแค่นี้พู่ก็เกรงใจมากพอแล้ว"
"พู่?" สายตาคมหันมามองเธอเล็กน้อยเป็นเชิงคำถาม
"ฉันพู่กันค่ะ เรียกพู่เฉยๆก็ได้^^ อายุยี่สิปปีเด็กกว่าคุณห้าปีเองค่ะ"
"อืม ฉันภู..."
"คุณภูริ นักแข่งรถชื่อดัง อายุยี่สิบห้าปี มีรอยสักคู่ใจเป็นรูปกวางอยู่ที่แขนด้านซ้าย มีเพื่อนชื่อภูผาและภาคินที่มีรอยสักประจำตัวเช่นกัน คุณชอบ...อึก..." พู่กันเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาคมหันมามองเธอนิ่งซึ่งยากที่จะคาดเดาความคิดและความรู้สึกได้ เธอชะงักไปก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้
เธอรู้ว่าเขาเป็นคนพูดน้อยและค่อนข้างเก็บตัว การที่เธอล้ำเส้นหรือพูดมากเกิดไปมันก็คงทำให้เขารำคาญเธอเป็นแน่
"...ขะ...ขอโทษค่ะ" หญิงสาวก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสู้หน้า เธอกำมือตัวเองแน่นที่เผลอทำตัวแย่ๆออกไป
"เธอติดตามฉันอยู่หรอ" พู่กันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ประโยคนั้นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าจะเป็นคำพูดและท่าทางเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกแต่เธอก็รับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจเธอเลยสักนิด กลับกันเธอรู้สึกว่าเขาผ่อนคลายกับเธอเสียมากกว่า
"ใช่ค่ะ^^ แต่พู่ไม่ได้เป็นแฟนตัวยงขนาดนั้นหรอกนะคะ เคยไปดูพวกคุณสามคนที่สนามแข่งรถแค่สองครั้งเองเพราะเพื่อนลากพู่ไป..."
"...พอได้เห็นฝีมือของพวกคุณพู่ตกใจมากเลยค่ะ พวกคุณเก่งมากๆเลย ไม่แปลกใจเลยที่พวกคุณจะมีแฟนคลับเยอะขนาดนี้^^"
"หึ" รอยยิ้มที่มุมปากของภูริปรากฏขึ้น เขาถามเธอไปแค่ประโยคเดียวแต่เจ้าตัวกลับตอบมายาวพรืดยิ่งกว่าหนึ่งหน้ากระดาษเสียอีก
"พู่คิดว่าคุณจะดุหรือไม่ก็หยิ่งกว่านี้ซะอีก คุณใจดีมากๆเลยนะคะ ในสามคนระหว่างคุณภูริ ภูผา และภาคิน ฉันชอบคุณที่สุดเลยค่ะ^^"
"..." ภูริเงียบไปเขารู้ว่าสิ่งที่เธอจะสื่อคืออะไรแต่พอมาได้ยินประโยคแบบนี้กับผู้หญิงน่าตาน่ารักอย่างเธอมันก็ทำให้หัวใจที่แข็งแกร่งเย็นชาเหมือนกับก้อนน้ำแข็งก็หวั่นไหวได้เช่นกัน
"คุณนิสัยดีกว่าที่ฉันคิดนะคะ แถมยังหล่ออีกด้วย จริงๆคุณสามารถเป็นพระเอกละครได้เลยนะคะ..."
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังพูดพร่ำไปตามประสาอยู่นั้น ทางข้างหน้าซึ่งเป็นซอยแคบห่างจากตึกราและบ้านคนพอสมควร รถยนต์คันหรูขับเข้าไปก็พบว่ามีรถกระบะสีดำสูงจอดขวางทางอยู่พร้อมด้วยกลุ่มคนประมาณห้าหกคนที่ยืนราวกับดักรอเขาโดยเฉพาะ
เอี๊ยด!
"...อ๊ะ!" พู่กันหน้าทิ่มไปด้านหน้าเมื่อคนข้างๆเบรกจนตัวโยน ทำให้ศีรษะของเธอเกือบกระแทกกับด้านหน้ารถแต่โชคดีที่เอามือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บค้ำไว้ได้ทัน
ใบหน้าหวานเงยขึ้นหันไปมองคนข้างๆด้วยความแปลกใจก็พบว่าภูริกำลังจดจ้องที่ทางข้างหน้าด้วยความเคร่งเครียด
"เห้ย! นะ...นั่นมันพี่แบงค์..." พู่กันร้องขึ้นเมื่อคนที่ขวางทางไว้นั้นคือแบงค์และพรรคพวกของเขา พร้อมด้วยไม้หน้าสามและอาวุธอื่นๆครบมือทำให้คนตัวเล็กสั่นกลัวและเกิดความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เธอรู้ว่าแบงค์นั้นมีพรรคพวกเป็นอันธพาลมากมายแต่ไม่คิดเลยว่าจะเขานักเลงและกล้ามาหาเรื่องเธอในช่วงกลางวันแสกๆกลางเมืองแบบนี้
"หึ เหมือนหมาบ้าดี"
"อึก...ทะ...ทำยังไงดีคะ แจ้งตำรวจดีไหมคะ" ว่าแล้วพู่กันก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาด้วยความลนลาน มือเล็กพรางกดตัวเลขบนหน้าจอสัมผัสผิดๆถูกๆ
ภูริมองทางข้างหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่งมือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายตาต่อคนๆหนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวที่จะจัดการเรื่องให้เขาได้ในตอนนี้
(ว่าไง)
เสียงเข้มทรงอิทธิพลเอ่ยกับปลายสาย ภูริกดเชื่อมสายกับบลูทูธในรถยนต์คันหรูของเขาก่อนที่มือจะเข้าเกียร์เพื่อขับเดินหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
"เฮียช่วยหน่อยดิ"
(เรื่อง)
"โดนหาเรื่อง อยู่ถนนxx"
(อืม จะส่งคนไปจัดการให้)
สายถูกตัดไปก่อนที่รถยนต์สปอร์ตคันหรูจะแล่นเข้าไปหากลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
คนตัวเล็กสั่นสะท้านที่ตัวรถถูกกระชากไปอย่างรวดเร็วตามแรงเท้าที่เหยียบจนเกือบมิดไมล์
รถยนต์คันหรูขับเบี่ยงรถกระบะไปทางข้างๆด้วยความเร็วสูงสุดมือเล็กเกาะเบาะหนังไว้แน่นเนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่เคยดูเสียอีก!
"คะ...คุณ! พวกมันตามมา..." ใบหน้าหวานหันไปมองทางข้างหลังก็พบว่ารถกระบะคันนั้นขับตามเขามาติดๆ และดูท่าแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้แน่นอน!
"..." ภูริไม่ได้ตอบอะไรเขาเหยียบคันเร่งเพื่อหนีจากรถคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า...
ปัง!
"กรี๊ดดดด!"