“ไม่มีคนคุมเธอก็หนีสิ!! นึกเหรอว่าฉันรู้ไม่ทัน”
“สัญญา...สัญญาด้วยเกียรติที่ฉันมี ฉันจะไม่หนี...คุณไม่ต้องให้ใครคอยจับตาดูฉันขนาดนี้หรอก มันอึดอัดรู้ไหม?”
“ดูความประพฤติของเธอก่อนสิ...ทำให้ไว้ใจได้เมื่อไร ถึงเวลานั้นฉันจะทำตามที่เธอเรียกร้องเอง...อยู่แบบนี้ไปก่อนเถอะ...จนกว่าฉันจะวางใจ”
“อะไรอ่ะ ฉันไม่ใช่นักโทษนะ มาทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้”
“พูดเพราะๆ หวานๆ เป็นไหมหึ? ลองพูดดีๆ สักครั้งสิ...เผื่อฉันจะใจอ่อน” ชายหนุ่มพูดอย่างเป็นต่อ เขาเอนตัวลง พิงพนักโซฟากว้าง ยกมือขึ้นกอดอก เลิกปลายคิ้วขึ้นเหมือนท้าทายศินารากรายๆ
หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ จะต้องพูดคะ ขา กับคนอย่างเขาเนี๊ยะนะ แล้วต้องพูดยังไงล่ะ เธอไม่ชินเสียด้วย...
“ปล่อยฉันไปนะคะ”
ปลายนิ้วชี้ของฟาเบียนโบกสะบัดไปๆ มาๆ หลังจากเธอพูดจบ
“ไม่ใช่แบบนี้ ‘ฉัน’ ไม่เอา”
“โอ้ย!! คนไม่เคย จะให้คะ ขา จ้ะ จ๋า มันใช่ที่ไหนล่ะ” หญิงสาวโวยเสียงหลง
“ลองดูสิ...มันไม่ยากหรอก ฉันมีเวลาให้เธอตลอดชีวิต”
บ้าเหรอ... เขาพูดเหมือนกับว่าจะขังเธออยู่ในห้องนี้ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน เป็นปีๆ ตลอดชีวิตนี่ไม่ไหวมั้ง
“ปล่อยศิรินไปนะคะฟาเบียน ศิรินไม่อยากโดนขัง ศิรินอยากทำงาน ศิรินอยากกลับบ้าน”
“เธอคิดว่าคำหวานไม่กี่คำของเธอ จะทำให้ผมให้อภัยเธออย่างนั้นเหรอ ง่ายไปหน่อยไหม”
ฟาเบียนใจกระตุก ยัยบ้านี่พูดหวานจับใจ จนเขาร่ำๆ จะใจอ่อน แต่ต้องรีบยั้งใจไว้ แสร้งทำขึงขังตอกกลับไป เพื่อให้หล่อนรู้สึกสลดลงบ้าง แต่เขาก็อ่อนลงเยอะนะหากศินาราจับสังเกตคำพูดของเขาได้
มือเรียวเล็ก ยกขึ้นผลักอกของฟาเบียนแรงๆ เธอกระโจนทับร่างกายใหญ่ยักษ์ มือเรียวบางทุบไปตามอกกว้างเพราะสุดที่จะกลั้นอารมณ์เอาไว้!! เขาหลอกเธอ... เขาให้เธอพูดจาน่าเกียจเท่าที่เคยทำได้ แล้วก็มาตลบหลังเธอแบบนี้เหรอ คนบ้า!!
ตุ๊บๆ
ฟาเบียนพลิกตัวกลับแบบรวดเร็ว จนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน เมื่อรู้สึกตัวอีกที เธอก็ถูกโถมทับด้วยร่างกายใหญ่โตจนร่างกายแทบจะจมหายลงไปในผิวของโซฟา
“รังเกียจผมเหรอ รังเกียจที่จะอยู่กับผมแบบนี้หรือไง?”
“ปะ ปล่อย...คุณคิดจะทำอะไร” เสียงตื่นตระหนก แววตาไหวระริก
“ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะทำ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วนะสิ” ชายหนุ่มพูดจบ เขาโน้มตัวลงไปใกล้ๆ เขาหายใจแรงขึ้น เมื่อร่างบอบบางแสนละมุนละไม หล่อนขยับเสียดสีลุกลน จนความร้อนในร่างกายของเขา ทวีความรุนแรงขึ้นนับเท่าตัว
“ยะ อย่าทำแบบนี้เลย” หัวใจดวงน้อยเต้นเร่าๆ รังสีอันตรายแผ่ซ่าน จนเจ้าตัวรู้สึกหวาดหวั่น
“ไม่!! ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอเด็ดขาด ศิริน”
“อย่าค่ะ อย่า...”
จูบ!! จูบแรกของเธอถูกช่วงชิงไปจนได้ ด้วยคนที่มีแรงมากกว่า แต่ความหอมหวานที่ได้รับ มันทำให้ศินาราตัวอ่อน รสหวานหอมละมุนละไมบาดลึกลงไปในผิวกายจนชายิบ เธอสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ๆ หลังชายหนุ่มปลดปล่อยริมฝีปากตัวเองจนเป็นอิสระ เกือบหมดลมหายใจมะล่อมมะล่อ พอเป็นอิสระจึงรีบตะเกียกตะกายสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนที่จะสิ้นลมไปจริงๆ แต่แล้วเขาก็ประทับย้ำจูบหนักๆ ลงมาที่เดิม ...อีกครั้ง...เหมือนกับว่าฟาเบียนต้องการสูบวิญญาณของเธอออกไปจากร่างกายอย่างไร้ความปราณี จนศินาราตัวสั่นระริก เมื่อถูกกระแสธารพิศวาสสาดซัดเข้าใส่ ที่ทำได้ก็แค่ประคองสติ ไม่ให้ดับวูบลงไป เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้มันสุดที่จะต้านทาน
“ฟาเบียน...”
เสียงครางกระเส่าของใครคนหนึ่งดังขึ้น และศินาราถกเถียงอยู่ในใจ มันไม่ใช่เสียงของเธอหรอก เธอไม่สมควรทำเสียงน่าเกลียดแบบนั้น
“ฟาเบียน...” หญิงสาวยังคงเพ้อ เธอร้อนวูบ สลับกับเย็นเยียบ ทุกอย่างรอบตัวบางเบาเหมือนปุยนุ่น
“ต้องการอะไรคนสวย เธอต้องการอะไร?”
ฟาเบียนกระซิบเสียงแหบ...แนบริมฝีปากอิ่ม เขาอยากรู้สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจของศินารา เธอรังเกียจเขาจริงๆ หรือแสร้งทำ
“ไม่รู้ ศิรินไม่รู้”
หญิงสาวส่ายสะบัดใบหน้า เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจากฝ่ายตรงข้าม เธอแค่อยากให้เขาทำมากกว่าที่กำลังทำอยู่ อยากให้เขาโอบกอด อยากให้เขาแนบชิดมากกว่าเดิม...ร่างกายมันกระหายบางสิ่งบางอย่างจนร่ำๆ จะกระชากฟาเบียนให้เข้ามาใกล้ชิดมากขึ้นอีกด้วยซ้ำ
จู่ๆ ร่างของศินาราก็อ่อนยวบลง เธอเป็นลมเพราะถูกจูบ หัวใจทำงานหนัก และสมองปั่นป่วน หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ สมองจึงสั่งการ และปิดสวิตซ์ตัวเองลง
มือแข็งแรงยกตบเบาๆ ที่แก้มซ้ายขวา เขายกมือขึ้นอังที่ปลายจมูก ก่อนจะหัวเราะพรืดออกมาดังๆ
“เหอะๆ”
ยังมีผู้หญิงแบบนี้อีกเหรอ ผู้หญิงที่ถูกจูบ แล้วเป็นลม...
ชายหนุ่มตวัดช้อนเรียวขาเพรียว...เขาช้อนอุ้มศินาราเดินเข้าห้องนอน บรรจงวางเธอบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ตลบผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงหน้าอก กดปลายจมูกลงบนโค้งหน้าผากโหนกนูน แล้วจึงรีบถอยหลังออกมาจากห้องอย่างเร็ว เขาไม่อยากกลายเป็นปีศาจกระหายสวาทในสายตาของเธออีกครั้ง ยังมีเวลาที่จะค่อยทำความรู้จักกัน และเมื่อนั้นความหวานชื่นที่ได้รับจากกันและกัน มันน่าจะคุ้มค่ามากกว่า
ชายหนุ่มชะงัก ใจคอเขาจะเก็บเธอไว้แบบนี้จริงๆ เหรอ เขาจะเก็บเธอไว้อีกนานเท่าไร? หรือจนกว่าจะสูบความหวานจากเรือนกายเจ้าหล่อนจนเหือดแห้ง...ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ และฟาเบียนยังไม่ต้องการค้นหา เขาเดินโครงศีรษะออกไปจากห้องนอน แต่ก็ไม่ได้หนีห่างไปทางไหน ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าเอกสาร เขาล้วงแลบท็อปส่วนตัวออกมา ลงมือทำงานต่อในห้องโถงไม่ไกลจากห้องที่ศินารานอนหลับ...
มันเป็นความเงียบสงบ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเบาๆ เขาเหลือบมองประตูห้องนอนบ่อยครั้ง และอยากเห็นหญิงสาวเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
เฮือก!!
ศินาราสะดุ้งตื่น เธอฝันร้ายจนเหงื่อกาฬแตกซิกๆ เต็มใบหน้า สองมือยกขึ้นชูตรงหน้า เหลือบสายตามองหาไอ้ตัวน่าขยะแขยง และเมื่อไม่เห็นมันในสายตา จึงหันมาให้ความสนใจกับสถานที่ที่ตัวเองนั่งอยู่ ‘เตียงนอน’ ทุกสิ่งที่เธอหวาดกลัว มันเป็นแค่ฝันไป... เธอฝันเห็นพญางูตัวใหญ่ ไอ้ตัวร้ายนั่นโอบรัดเธอจนแนบแน่น หัวใหญ่โตของมันยื่นมาใกล้ๆ หน้าเธอ ลิ้นสองแฉกแลบแพล็บๆ ตรงหน้า แล้วไอ้งูบ้านั้นก็ฉกวูบเข้ามาใกล้ มันแนบปากน่าเกลียดของมันกับปากเธอ น้ำลายเหนียวๆ ไหลเยิ้มเมื่อไอ้งูบ้ากามนั่นบดขยี้ปากอิ่มของเธอหนักๆ มันทำหน้าตามีความสุขเสียเหลือเกิน จนเธอแทบจะกลั้นความขยะแขยงไม่ไหว ดวงตาเรียวรีจ้องมองเธอเป็นตาเดียว เหมือนกับว่ามันกำลังพิมพ์ภาพของเธออยู่ และมันจะตามติดหากเธอคิดหนี เธอหวาดกลัวสุดขีด!! แต่กลับไม่ยักกับกรีดร้อง ปล่อยให้ไอ้ตัวน่าเกลียดนั่น จ้วงจาบ หยามเหยียดเธอ มันจูบ และจูบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย จนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมานี่แหละ
หญิงสาวรีบยกมือขึ้นจับริมฝีปาก มันไม่ใช่อุปาทานแน่ๆ เธอรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอเห่อบวม เหมือนกับว่าพึ่งจะถูก ‘จูบ’ มาหมาดๆ
“อ้ายยย...” ศินารารีบซุกหน้ากับหมอนนุ่ม เธอร้องกรี๊ดๆ เมื่อความทรงจำย้อนกลับมา เธอถูกจูบจริงๆ ไม่ใช่จูบกับงูบ้ากาม แต่ถูกไอ้ผู้ชายเอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็บ้าๆ คนนั้นจูบ ฟาเบียน โดโรธีย์!!
หลังทำใจให้สงบอยู่นาน... ศินาราตัดสินใจออกจากห้องนอนจนได้ เพราะทนอุดอู้อยู่แต่ในห้องเงียบๆ ไม่ไหว เธอเอาผ้าเช็ดหน้าพับเป็นสามเหลี่ยม แล้วคาดใว้บนหน้าปิดริมฝีปากอิ่มที่เจ้าตัวอุปาทานว่ามันเจ่อบวม แล้วจึงย่องออกมาจากห้องนอนเงียบๆ เหลียวซ้าย มองขวาเพราะห้องโถงข้างหน้าเงียบเชียบผิดปรกติ จนเมื่อเดินมาถึงกลางห้องโถง จึงเผลอชะงักงัน เพราะเผลอสบตากับฟาเบียน เขาเงยหน้าขึ้นมาจากแลปท็อบ พรางขมวดคิ้วมองเธออย่างสนใจ จนเมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็แต้มเต็มปาก