(ฟาส)
"สวัสดีค่ะคุณป้า" ฉันกดรับสายโทรศัพท์มือถือ ที่โชว์เบอร์ของผู้ใหญ่ที่ฉันรู้จักทันที คุณป้ามุนิลที่เป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉัน
"สบายดีนะหนูฟาส"
"สบายดีค่ะ แล้วคุณป้าละคะเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาหาแม่ที่บ้าน ฟาสคิดถึงค่ะ"
ฉันพูดตอบสายไป ตามด้วยคำห่วงใยของคุณป้ามุนิลที่พูดออกมา แล้วฉันก็รีบตอบก่อนจะถามคืนอย่างให้การเคารพ
"พอดีช่วงนี้ป้าไม่ค่อยว่างเลยจ๊ะ เอ้อ หนูฟาส..." เสียงของท่านพูดกับฉันด้วยความละมุน
"คะ?"
"...ป้าขอเข้าประเด็นเลยนะหนูฟาส" คุณป้ามุนิลเงียบไปสักครู่ แล้วจึงพูดขึ้นมา ส่วนฉันนั้นก็รอฟังอย่างตั้งใจ
"คุณป้ามีอะไรเหรอคะ?" ฉันย้อนถามด้วยความอยากรู้ เพราะอยู่ ๆ มันก็ทำให้ฉันไม่เข้าใจ ประเด็นอะไรที่คุณป้าต้องการจะบอก
"คือป้าอยากให้หนูมาช่วยงานของตาดิน ป้าเห็นว่าหนูเหมาะกับงานนี้"
"งานอะไรเหรอคะ?"
สิ่งที่คุณป้ามุนิลบอกเล่า ทำเอาฉันงงจนต้องย้อนถามออกไป จริงอยู่ว่าฉันในตอนนี้ยังไม่มีงานทำ แต่ว่าฉันก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังนะนอกจากแม่ หรือแม่จะเล่าเพลินจนลามมาถึงเรื่องราวของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครมาสงสาร แต่กับคุณป้ามุนิลท่านอาจจะหวังดี ซึ่งฉันก็เข้าใจ แต่กับคนอื่นนั้นฉันมองว่าไม่มีทาง ก็ฐานะทางบ้านของฉันไม่ได้มั่งมีเทียบเท่า แต่พวกเราก็ไม่เคยที่จะงอมืองอเท้าอยู่นิ่งเฉย
"ผู้ช่วยตาดินจ้ะ"
"........."
สิ่งที่ได้ยินฉันถึงกับเงียบครุ่นคิดทันที การที่ต้องไปเป็นผู้ช่วยลูกชายคนโตของป้ามุนิล ทำเอาฉันลำบากใจ เพราะว่าฉันไม่ค่อยชอบขี้หน้าของเขาสักเท่าไหร่ เขาขี้เก๊กเกินไป ฉันเคยเจอเขาตอนที่แม่พาไปหาป้ามุนิลเมื่อเดือนก่อน เขาแข็งอย่างกับก้อนดิน สีหน้าและรอยยิ้มก็แทบจะไม่มี ฉันไม่ค่อยชอบผู้ชายบุคลิกแบบนี้ เพราะฉันน่ะเป็นคนพูดมาก ฉันชอบพูด การพูดมันคือความสุขของฉัน ฉันไม่ชอบความเงียบที่มันอึมครึม ถ้าทำงานด้วยกันมีหวังฉันอึดอัดตายแน่ ๆ และนายแผ่นดินอะไรนั่นก็ดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าของฉันเท่าไหร่เหมือนกัน
"นะจ๊ะหนูฟาส ป้ามั่นใจในตัวหนูฟาสที่สุด และไว้ใจหนูเท่านั้น ที่จะช่วยงานลูกชายคนโตของป้าได้" ทำไมป้ามุนิลต้องอ้อนฉันด้วย ฉันยิ่งขี้ใจอ่อนต่อผู้ใหญ่
"คุณป้ามุนิลคะ คือฟาสว่า...."
"ตาดินเขาโอเคจ้ะ ป้าถามเขาแล้ว"
อย่างกับคุณป้ามุนิลอ่านความคิดฉันออก ตอบออกมาอย่างแม่นยำว่าฉันกำลังกังวลเรื่องอะไร
"มันจะรอดเหรอคะคุณป้า คือฟาสว่าแผ่นดินเขาดูไม่ค่อยชอบหน้าฟาสเท่าไหร่?" ฉันถามออกไปตามสิ่งที่คิด ก็รีบถามออกไปตรง ๆ เลยดีกว่า เผื่อว่าเราไม่สามารถร่วมงานกันได้ จะไม่ต้องมาเกิดความเสียหายกันทีหลัง
"รอดสิจ๊ะ ป้าเชื่อว่าหนูฟาสต้องทำได้ดีแน่ ๆ" คุณป้ามุนิลที่เคารพของฟาส ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันคะ ขนาดฉันเองยังไม่มั่นใจว่าจะร่วมงานกับลูกชายท่านได้เลยสักนิด เคมีของเราสองคนมันคนละโยชน์เลยนะคะ ยากมากที่จะเข้าขากันได้ งานนี้จะไม่เละเหรอ
แต่ฉัน ฟาส ฟ้าสิตางคุ์ เป็นคนจริงจัง เมื่อได้ทำอะไรแล้วสปิริตต่อการทำงานร่วมกับคนอื่นฉันมีมากพอตัว ฉันสามารถแยกแยะออกได้เสมอ หน้าที่กับความรู้สึกจะไม่เกี่ยวพันกันให้ฉันยุ่งเหยิงแน่นอน เรื่องนี้ฉันมั่นใจในตัวเองมาก
"ตกลงค่ะ ฟาสจะไปช่วยงานดิน"
"คุณฟ้าสิตางคุ์หรือเปล่าคะ?" ฉันเดินเข้ามาในบริษัทฯ เพียงก้าวขาเข้ามาถึงจุดประชาสัมพันธ์ ปากยังไม่ทันได้อ้าถาม พนักงานตรงจุดนั้นก็ทักท้วงทันทีด้วยรอยยิ้ม
"ค่ะ ทำไมรู้จักฉันละคะ?" ความสงสัยทำให้ฉันต้องถามออกไป
"พอดีคุณมุนิลสั่งไว้แล้วค่ะ" เจ้าหน้าที่ไขข้อสงสัยให้ฉัน
"อ๋อค่ะ" ฉันจึงฉีกยิ้มพยักหน้ารับ
"เชิญที่ชั้นแปดเลยนะคะ ห้องทำงานท่านประธานอยู่ฝั่งซ้ายมือ คุณออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้าย ก็เจอเลยค่ะ" เจ้าหน้าที่บอกฉัน
"ขอบคุณค่ะ...เอ่อ แล้วคุณแผ่นดินอยู่ไหมคะ?" ฉันยิ้มอีกรอบ พร้อมกับถามออกไปถึงบุคคลที่กำลังจะเป็นเจ้านายในอนาคต
"ท่านประธานยังไม่เข้ามาค่ะ น่าจะอีกสักพัก" เจ้าหน้าที่ให้คำตอบ พนักงานที่นี่ยิ้มสดใสกันจัง
"แล้วถ้าฉันขึ้นไปนี่จะโดนไล่ตะเพิดไหมคะ ฉันกลัวคุณแผ่นดินไล่ออกมา เขาน่ากลัวมากเลยนะคะในสายตาของฉัน" ฉันมองซ้ายมองขวา แล้วโน้มหน้ากระซิบกระซาบกับเจ้าหน้าที่คนเดิม
"เอ่อ....เอิ่ม...."
"เป๋นอะไรคะ คิดแบบฉันใช่ไหมล่ะ คุณแผ่นดินอะน่ากลัว แล้วก็ขี้เก๊กด้วย"
ฉันยังคงพูดต่อไป ต้องยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เพราะกลัวใครได้ยิน เพราะฉันกำลังเพลิดเพลินกับการนินทาถึงเจ้านาย ถามว่าฉันแคร์ไหม? ตอบได้ทันทีไม่มีทางแคร์จ้า
"คุณฟ้าสิตางคุ์คะ ดิฉันว่า....." เจ้าหน้าที่เหมือนดูจะไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่ แต่ฉันก็เข้าใจนะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันพูดเอง
"ไม่ต้องกลัวไปหรอกค่ะ ไม่มีใครได้ยินหรอก ฉันพูดเบามาก ๆ เราได้ยินกันแค่สองคน" ฉันก็ยังพูดต่อ แต่สีหน้าของเจ้าหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเลย เธอมองฉันแล้วก้มหน้าก้มตา บางครั้งก็เหลือตามองไปด้านหลัง...หรือว่า....
"ดิฉันขอตัวทำงานก่อนนะคะ" มีพิรุธมาก!
"เฮือก!!" แล้วความพิรุธของเธอก็ทำเอาฉันต้องหันกับหลัง
แต่มันไม่แค่นั้นสิ เมื่อคนตรงหน้าที่ยืนนิ่ง สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง วางท่าขี้เก๊ก จ้องมองหน้าของฉันนิ่ง ๆ จนทำให้ฉันต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"........" เขายืนนิ่ง และไล่สายตาที่แสนจะเย็นชามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาที่ฉันเดาไม่ได้เลยว่า เขามีความคิดอะไรอยู่ในหัว
"สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน" ฉันตั้งสติและรีบทักทายอย่างมีมารยาท ถึงแม้ว่าเราจะเคยเจอกันแล้วก็ตาม ตัวของฉันก็ยังสั่นและกังวลเมื่อเจอหน้านิ่ง ๆ นี้ เขาจะได้ยินที่ฉันเม้าเขาไหมนะ พอเห็นสายตาของเขาทำไมฉันถึงกลัวแปลก ๆ เหมือนแววตาของเขามีพลังอำนาจต่อความรู้สึกของฉัน
"...เรียกผมว่าท่านประธานเหมือนคนอื่น แม้ว่าคุณจะมาจากแม่ของผม ก็ไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น" เขานิ่งแป๊บหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่โคตรจะเย็นยะเยือก คำพูดที่เขาเบรกฉันหน้าทิ่ม
"ค่ะ" ฉันกัดฟันตอบเขา วางท่าดีนักคิดว่าหล่อตายล่ะ เจ็บใจ!! อย่าให้ฟาสได้แผลงฤทธิ์ แม่จะเล่นให้หลาบจำเลยเชียว
"ตามผมมา" นิ่งได้นิ่งดี นี่ถ้าไม่ขยับขาเดินฉันนึกว่าคนตาย ไอ้เก๊กฮวยเอ๊ย!
เขาเดินนำหน้าฉันไปยังลิฟต์ แล้วฉันก็เดินตาม มองข้างหลังฉันอยากสกัดขาเขาล้มจริง ๆ กล้าหักหน้าฉันต่อคนอื่น
พาเดินมาจนมีป้ายบอกว่าเฉพาะผู้บริหารเท่านั้น แต่ฉันไม่ใช่ผู้บริหารนี่นา เขาจะด่าฉันไหมถ้าฉันใช้ลิฟต์ร่วมกับเขา ไม่เอาดีกว่า กลัวไอ้เก๊กฮวยว่าให้อีก คิดได้ดังนั้นฉันจึงเลี่ยงมาอีกตัวที่อยู่ข้าง ๆ กัน
"ทำอะไร?" เขาถามเสียงเย็นมาก
"รอลิฟต์ไงคะ" แล้วฉันก็ตอบออกไปตาใส ก็แล้วไงล่ะก็ฉันรอลิฟต์จริง ๆ
"ไม่เห็นจะฉลาดอย่างที่แม่ผมบอกสักนิด" เขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วพูดขึ้นมา
"!!" ตกใจจนหันควั่บมองหน้า นี่ไอ้เก๊กฮวยด่าฉันโง่ปะวะ? เขาด่าฉัน!
"....." ด่าแล้วนิ่ง เขานิ่งมาก ฉันได้แต่กัดฟันอย่างเจ็บใจ หูยอยากจะฟาสคำพูดด้วยความเร็วแสงสาดใส่จริง ๆ เดี๋ยว ๆ วันนี้แหละฟาสจะฟาดให้แหลก เอาให้หนูหนวกแดกไปเลย แล้วนายจะจำฉันไปจนวันตาย
ไอ้เก๊กฮวยบูด!! นายเจอฉันแน่! ระวังตัวไว้ให้ดี
*****(4)