เธอเอ่ยกับเขาหลังจากหอมแก้มชายหนุ่มทั้งสองข้าง และเพียงแค่นั้นยอดหน้าอกเขาก็แข็งเป็นไต มันตั้งชั้นชวนให้เธออยากทำบางสิ่งที่มากกว่านั้น อีกทั้งแก่นกายของเขาก็พองขยายจัด มันชี้โด่ล้ำหน้า และกำลังทำให้เธอจั๊กจี้ไม่น้อย
แต่โจวฟางจื่อก็ยังไม่อยากทำให้เด็กหนุ่มใจแตกไปเร็วกว่านั้น แน่นอนเธออยากกินเขา แต่มันต้องหอมหวานและถูกต้อง โดยไม่มีใครมาขัดขวาง อย่างนั้นถึงจะเรียกว่ากลืนได้ทุกหยาดหยดแบบไม่ตะคิดตะขวงใจ
ทว่าคนหนุ่มเลือดร้อนไม่เข้าใจ เขาลืมตาขึ้น และพยายามจูบเธอคืน
“อยากได้ฉันมากเหรอ”
คำถามของเธอ ช่างร้อนแรงเหลือเกิน
“มัดจำไง”
“เสี่ยวเกอ ฉันไม่ใช่คนดีนัก แต่ถ้าฉันจะเอานายจริงๆ ตอนนั้น รับรองได้ว่านางต้องไม่มีวันลืม แต่ตอนนี้... อดใจไว้ก่อน รอให้ฉันโสด ไร้พันธะ ถ้านายโตพอที่จะรับผิดชอบการกระทำของตนเองได้ ไม่เป็นลูกแหง่ ฉันจะไม่ใช่แค่นอนกับนาย แต่จะเป็นเมีย เป็นแม่ของลูก นายเข้าใจที่บอกไหม”
หัวสมองหวังเสี่ยวเกอขาวโพลนไปชั่วขณะ ไฉนเขาจะคิดเรื่องต่างๆ ไปไกลขนาดนั้น
“ผมเอ่อ ต้องมีลูกกับอาซ้อ เรื่องนั้น ผมทำได้”
“โถ ตอนนี้เอาเป็นว่า เวลาอยู่กันตามลำพัง ขืนยังเรียกฉันว่าอาซ้อ ใครกันจะกล้าจูบ และทำเรื่องที่มันลึกซึ้งกับนาย อีกอย่างเห็นฉันแก่หง่อมขนาดนั้นเลยเหรอ”
พอเธอเปิดโอกาส เขาก็สูดลมหายใจลึก แล้วเรียกโจวฟางจื่อ
“จื่อจื่อ... ผมเป็นของคุณตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกัน”
ความหวานจากคำพูดเขาทำให้โจวฟางจื่อขวยเขินจนได้ และเพื่อทำให้เขาซาบซ่านสักหน่อย เธอเลยเปิดโอกาสเย้าหยอกเขามากกว่าเดิม
“เมื่อกี้นายให้ฉันอม และเลียนิ้ว ตอนนี้ถึงทีนายบ้าง อ้าปากออกสิ”
เขาทำตามอย่างว่าง่าย แล้วเธอก็ส่งสองนิ้วเข้าไปในโพรงปากชายหนุ่ม ไล้ต้อนกวาดลิ้นเขา พร้อมคำรามออกคำสั่ง
“ดูดแรงๆ เดี๋ยวฉันจะครางให้นายเสร็จโดยไม่ต้องเอากัน”
หวังเสี่ยวเกอคิดว่าฟังคำสั่งนั้นไม่ผิด และเขาก็ทำตามอย่างไม่ขัดขืน ทั้งเลีย ดูดนิ้วเธอ แล้วเม้มแรงๆ จนโจวฟางจื่อส่งเสียงสูงๆ ต่ำๆ พลอยให้เขาปวดหนึบที่ปลายหัวหยักของตน
หวังเสี่ยวเกองุ่นง่ายหนัก หากบอกตามตรง เขาอยากช่วยตัวเองตอนนี้จะทำอย่างรุนแรง และก็ปล่อยน้ำอาบราดรดเรือนกายของโจวฟางจื่อ ทว่าดูเหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจสักเท่าไหร่
ด้วยขณะที่ทั้งคู่ต่างส่งแรงปรารถนาถึงกัน เสียงบีบแตรรถหน้าประตูบ้านก็ดัง เสียงดังกล่าวน่าแปลกใจ เพราะเรือนหวังยามนี้ไม่มีรถยนต์ ปกติก็จ้างรถลาก หรือรถเครื่องมาส่งของ หากต้องขนคราวละมากๆ ก็เป็นร้านเถ้าแก่ในตลาดที่ดูแลให้ ซึ่งเสียงดังกล่าวยังดังไม่หยุด หากไม่รีบออกไปดู คงเรียกให้เพื่อนบ้านลุกขึ้นมาดูแน่ๆ ยามนั้น โจวฟางจื่อจึงสำรวจเนื้อตัวตนเอง แล้วก้าวออกจากห้องน้องสามี โดยไม่สนใจว่าหวังเสี่ยวเกอ ทั้งหัวเสีย และค้างเติ่งกับอารมณ์ของบุรุษเพศ
“จื่อจื่อ... ทะ ทิ้งผมไปแบบนี้เหรอ”
เขาร้องตาม แต่เธอไม่ได้สนใจฟัง
ขณะที่ก้าวไปใกล้ประตูหน้าบ้านบานใหญ่ แวบหนึ่งหางตาเธอมองเห็นการเคลื่อนไหวยังเรือนหลักตรงกลาง แทนที่เธอจะรีบหันไปมอง แต่กลับทำเป็นไม่สนใจ หญิงสาวรู้ว่าช่วงนี้เธอตกเป็นเป้าสายตาของแม่สามี ซึ่งมันก็ดีไม่น้อยเพราะสิ่งที่วางแผนไว้ จะได้ง่ายขึ้น!
เสียงบีบแตรที่ดังติดต่อกัน เงียบลงพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องจากไป ตามมาด้วยการร้องอยู่หน้าประตูใหญ่ด้านนอก
“พี่ถิง สะใภ้โจว พวกลื้อหายหัวไปไหนหมด เร็ว... เปิดประตูที ใครก็ไม่รู้เอา อาหยวนมาทิ้งไว้กองขยะเนี่ย”
คนที่โวยวายเสียงดังในตอนนี้ก็คือป้าข้างบ้าน เธอชื่อเมิ่งเหยา อันที่จริงก็ปากร้าย สร้างความน่ารำคาญได้ตลอด แต่จิตใจดี ส่วนลูกสาวเธอมีสิ่งที่ไม่น่ารักอยู่เรื่องเดียวก็คือ แก่แดดนั่นเอง
“เร็วๆ ๆ เปิดประตู มาดูอาหยวนที ตายหรือยังเนี่ย ตัวมอมแมม เหม็นกลิ่นเหล้าไปหมด”
โจวฟางจื่อเปิดประตูหน้าบานคู่ออกไป ยามนั้น เธอตกใจสักหน่อย น้องรองของบ้านหวังนอนนิ่งอยู่บนพื้นใกล้ๆกับ ขยะข้างเสาไฟ
“เร็วซี สะใภ้โจว ยืนบื้ออย่างนั้น อยากให้คนตายเหรอ”
หญิงสาวกำลังคิดหาทางช่วยอีกฝ่าย และไม่ได้ผลีผลามเข้าไป ซึ่งการแสดงออกของเธอ ทำให้ทั้งเมิ่งเหยา กับคนอื่นที่ผ่านทางมาแปลกใจอยู่มาก
ปกติโจวฟางจื่อห่วงใยทุกคน หากเกิดเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวาน เกี่ยวกับชีวิตคนเช่นนี้ เธอจะปรี่เข้ามาดูโดยไม่ลังเล
“เหตุการณ์มันเป็นยังไง ใครเห็นบ้าง”
เมิ่งเหยาหันไปด้านหลัง ตรงนั้นมีลุงถีบสามล้อเก็บของกำลังจะเข้าบ้าน โผล่หน้ามาแล้วเล่าว่า
“รถคันใหญ่สีดำ ขับส่ายไปส่ายหน้า แล้วมาจอดที่หน้าบ้านคุณนายหวัง อั๊วดูอยู่ประเดี๋ยวเดียวก็มีผู้ชายสองคน หิ้วอาหยวนลงมา ตอนแรกมีผ่าห่อไว้ แต่จู่ๆ ก็ดึงออก เนื้อตัวเลยเหลือแค่ชุดแบบนี้แหละ”
ดวงตากลมโตมองไปยังหวังเจ๋อหยวน และถอนหายใจอย่างสมเพช อีกฝ่ายเป็นคนงามที่หาได้อย่าง แต่ไม่รู้จักเพิ่มมูลค่าให้ตนเอง ทำตัวเหลวแหลก แต่ไม่เป็นไรหรอก เมื่ออาซ้อคนใหม่มาอยู่ที่นี่แล้ว ทั้งน้องรอง น้องเล็ก(หวังเสี่ยวเกอ) จะต้องได้รับการเลี้ยงดูจากสองกำมือสวยๆ คู่นี้ พวกเขาย่อมสร้างเงินให้เธอเป็นกอบเป็นกำ
จากนั้นโจวฟางจื่อก็ก้าวไปนั่งยองๆ ข้างหวังเจ๋อหยวน
“อาหยวน... เธอจะมาตายที่นี่ ในสภาพน่ารังเกียจไม่ได้ ลุกขึ้น ฉันจะพาไปตรวจร่างกาย จากนั้นก็เอาคืนพวกที่มันทำให้เธอเจ็บ!”
หวังเจ๋อหยวนที่ทั้งเมา และมึนศีรษะมาก พยายามลืมตาขึ้น พอมองเห็นใบหน้าของโจวฟางจื่อก็ต้องขยี้ตาใหม่ เหตุใดหนอพี่สะใภ้ของเธอในยามนี้ ถึงได้ดูเปลี่ยนไป และเปลี่ยนไปในทางที่น่ากลัวเสียด้วย แต่เดิมเธอก็สวยอยู่หรอก แต่สวยและดูร้ายกาจแบบนี้ หวังเจ๋อหยวนนึกครั่นคร้ามใจเหลือเกิน ดังนั้นเลยโพล่งออกไปอย่างหมดเปลือก
“ไม่... ฉันจะไม่ไปไหน ที่นี่มันบ้านฉัน และพรุ่งนี้แกก็ย้ายของออกไปจากบ้านนี้ด้วย เพราะ...อีกไม่กี่วันพี่ใหญ่กำลังจะกลับมา”
สิ่งที่หวังเจ๋อหยวนบอกกับโจวฟางจื่อสร้างความตื่นเต้นให้เธอไม่น้อย โอ้... เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ รวดเร็วกว่าเดิมมาก นั่นคงเป็นเพราะเธอเปลี่ยนบทของตัวเองเสียใหม่ ทุกอย่างในนิยายเรื่องนี้จึงเดินหน้าแบบก้าวกระโดดนั่นเอง