Chapter 5
“ภพทำแบบนี้เพราะต้องการที่จะแก้แค้นพระพายใช่ไหม” พระพายกระชากเสียงถาม รู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง
“ไม่ใช่ ภพไม่เคยแค้นอะไรพระพายเลย พระพายเป็นคนที่มีบุญคุณช่วยเหลือภพเอาไว้ ไม่งั้นภพคงตายไปแล้ว”
“แค่นั้นเองเหรอ”
“ที่ผ่าน ๆ มาภพแค่อยากดูแลพระพายให้ดีเพื่อตอบแทนบุญคุณในครั้งนั้น ภพจึงหลงคิดไปว่ารักพระพาย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วภพคิดแค่ว่าพระพายคือเพื่อนที่ดีที่สุดเท่านั้น”
“ภพ!” พระพายรู้สึกรับไม่ได้
“ตอนพระพายปฏิเสธภพ ภพคิดว่าจะเจ็บหนัก ไปทำงานไม่ไหว กระสับกระส่าย ทุกข์ใจมาก ๆ แล้วก็อาจจะหันไปดื่มเหล้าให้ลืมทุกข์ แต่ภพก็ไม่ได้มีอาการแบบนั้น แค่รับรู้ว่าพระพายไม่ได้รักภพอย่างคนรัก แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
“ภพ ไม่จริง” พระพายร้องไห้ออกมา เธอสูญเสียเขาไปแล้วเหรอนี่ ผู้ชายดี ๆ ที่หายากยิ่งในชีวิต คนอื่นที่มาจีบเธอ รวยจริง การศึกษาดีจริง แต่ไม่มีใครดีเท่ากับแดนภพอีกแล้ว เธอโทร. หา เขาจะรีบมาก่อนเป็นคนแรก เขามาทันที เขาทิ้งทุกอย่างพร้อมที่จะมาหาเธอ แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้วผู้ชายดี ๆ ที่จะยอมทำเพื่อเธอทุกอย่าง
“ได้ยินแล้วนะชมพู ว่าอาภพรักแกคนเดียว อย่าเข้าใจอาภพผิดล่ะ” ประโยคนั้นของพบเพื่อนทำให้แดนภพลุกจากเก้าอี้ และพระพายหันขวับไปมองทางด้านหลัง
“เพื่อน ชมพู” แดนภพเรียกสองสาว เขามองสบตากับบัวชมพู แล้วอีกฝ่ายยิ้มให้เขาอย่างเข้าใจ เขาก็โล่งใจ
“อาภพพาชมพูไปส่งบ้านด้วยนะคะ แล้วก็คุยกันซะ ห้ามทะเลาะกันนะ” พบเพื่อนดันแผ่นหลังของคนทั้งคู่ออกไปจากบ้าน ก่อนจะหันมาหาอาสาวที่ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง
“อาพายทำอะไรคะ” พบเพื่อนหันมาคาดคั้นกับผู้เป็นอา
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”
“นี่คือเรื่องจริงค่ะอาพาย เชื่อเถอะค่ะ เพื่อนเป็นพยานได้ อาพายได้สูญเสียคนที่ดีที่สุดไปตลอดชีวิตแล้วค่ะ” พบเพื่อนย้ำให้อาสาวได้รับรู้
หลังจากวันนั้นพระพายก็ได้เห็นแดนภพกับบัวชมพูอยู่ด้วยกันเสมอ ทั้งวิ่งออกกำลังกายด้วยกัน ไปซื้อของด้วยกัน ไปดูหนังด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน ไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน
ส่วนเธอก็ไม่มีผู้ชายจริงใจด้วยสักคน ผู้ชายที่เข้ามาเหมือนจะดีแต่ไม่ดีจริง พระพายรู้สึกเสียใจที่เสียคนดี ๆ อย่างแดนภพไป แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“อาพายคะ เรียนจบแล้วเพื่อนขอไปทำงานที่ไร่ของอาภพนะคะ”
“เราจะทิ้งอาเหรอ”
“ทิ้งอะไรกันคะ อาพายก็มีงานทำ มีบ้านเป็นของตัวเอง”
“แล้วใครจะทำอาหาร ทำงานบ้านล่ะ”
“อาพายก็จ้างเอาสิคะ หรือไม่ก็ทำเอง”
“อาไม่เคยทำ”
“แต่เพื่อนโตแล้วเรียนจบแล้ว เพื่อนก็อยากมีชีวิตเป็นของเพื่อนบ้าง”
“เราจะทิ้งอาเหรอ”
“ไม่ได้ทิ้งจริงๆ ค่ะ แต่เพื่อนก็ต้องมีชีวิตของเพื่อน เพื่อนไม่สามารถอยู่กับอาได้ตลอดชีวิตหรอกนะคะ พ่อแม่เองพอลูกโตยังต้องให้ลูกไปเผชิญชีวิต หางานทำ เลี้ยงตัวเองเลยค่ะ อาพายมีบุญคุณกับเพื่อนมากๆ เพื่อนจะมาเยี่ยมอาพายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ รักอาพายนะ” พบเพื่อนกอดรัดอาสาวก่อนจะหอมแก้มประจบ
“แล้วบัวชมพูเพื่อนเราเขาจะไปทำงานที่ไร่กับเราด้วยเหรอ”
“ใช่ค่ะ เพราะว่าอาภพจะลาออกจากการเป็นอาจารย์ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่อย่างจริงจังแล้วค่ะ”
“ภพจะลาออกเหรอ เขารักอาชีพนี้มากนะ”
“อาภพบอกว่าชอบสอนหนังสือ แต่ก็รักไร่ของตัวเองมากเพราะเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ที่โน่นอากาศดี มีของกินทุกอย่างที่กินได้ แล้วบัวชมพูก็ชอบมากด้วย อาภพเลยยอมลาออกจากงานประจำไปเป็นชาวไร่เพื่อที่จะได้อยู่กับชมพูน่ะค่ะ”
“เหรอจ๊ะ” นี่แดนภพรักบัวชมพูมากขนาดลาออกจากงานประจำที่รักเชียวหรือ ถ้าเธอรับรักแดนภพในวันนั้น เขาก็คงยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอเหมือนกัน
“แล้วสองคนนั่นจะแต่งงานกันตอนไหนเหรอ”
“ยังไม่มีแพลนนะคะ เห็นว่าอยากไปเที่ยวรอบโลกกันก่อน แต่คงจะจดทะเบียนสมรสกันไว้ก่อนน่ะค่ะ เพราะอาภพให้ผู้ใหญ่มาทาบทามสู่ขอชมพูแล้ว” ประโยคนั้นทำให้พระพายทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง
“อาพายไม่เป็นอะไรนะคะ ชีวิตคนเราต้องก้าวเดินต่อไปค่ะ สิ่งที่เสียไปแล้วเรียกคืนไม่ได้ เวลาวารีไม่เคยรอใคร อาพายก็ยังมีบ้าน มีงาน มีเงิน และมีเพื่อนนะคะ ถึงอาพายจะไม่แต่งงาน เพื่อนก็สัญญาว่าจะมาเยี่ยมอาพายบ่อย ๆ ถึงจะมีครอบครัวแล้วก็ตามทีค่ะ”
พระพายมองบ้านหลังใหญ่อันแสนเงียบเหงา หลานสาวไปทำงานไม่นานก็ควงแฟนหนุ่มมากราบ และมีแพลนจะแต่งงานกัน เธอก็อายุมากขึ้นทุกที
ในขณะที่อีกหลายปีต่อมา แดนภพกับบัวชมพูเพิ่งเข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งทั้งสองมีลูกด้วยกันแล้ว เพราะตกลงกันว่าอยากแต่งงานตอนที่มีลูกเป็นสักขีพยานด้วย
พระพายเดินเข้าไปในงานแต่งงานในไร่แล้วรู้สึกใจหาย เพราะว่าคนที่ต้องอยู่เคียงคู่แดนภพน่าจะเป็นเธอไม่ใช่บัวชมพู
ทั้งสองแต่งงานกันเธอก็อายุสี่สิบล่วงและตอนนี้ก็หาแฟนยากมาก เลยไม่คิดจะหาแฟนอีก เคยลองตัดสินใจคบผู้ชายที่มาจีบดูเพราะเลือกมาตลอด ไม่เคยลองคบกับใครจริงจัง ปรากฏว่าเธอก็เจ็บหนัก เพราะไม่รู้เรื่องความรักดีพอ เสียทั้งตัวเสียทั้งใจ แล้วพออายุมากขึ้นหนุ่ม ๆ ที่คบด้วยก็อายุมากกว่าเธออีกหลายปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อหม้ายหรือเป็นผู้ชายที่ไม่มีผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนเอา เพราะผู้ชายดี ๆ แต่งงานกันไปหมดแล้ว
ส่วนจะคบเด็กอายุน้อยว่าก็ต้องเอาใจ แล้วก็อยากมีลูกกัน แต่เธอไม่สามารถมีลูกได้ เลยต้องเลิกรากันไป บางคนอายุสี่สิบอาจจะมีลูกได้อีก แต่ก็ไม่ทุกคนยิ่งอายุเยอะยิ่งมีลูกยาก
“พาย” เสียงเรียกคุ้นเคยอบอุ่นทำให้พระพายยิ้ม แดนภพยังเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มหูเสมอ
“สวัสดีค่ะอาพาย”
“ยินดีด้วยนะทั้งสองคน”
“มาถ่ายรูปกันก่อนค่ะอาพาย” พบเพื่อนมาดึงอาสาวมาถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวและครอบครัวของตัวเอง ซึ่งตอนนี้พบเพื่อนแต่งงานกับเจ้าของไร่ข้าง ๆ แดนภพและมีทายาทแล้วหนึ่งคนเป็นลูกสาวคนสวยให้ชื่อว่าพระแพง
ซึ่งพระพายเห่อหลานค่อนข้างมาก เพราะตัวเองก็นึกอยากมีลูกและมีสามีที่ดีเหมือนกัน แต่ก็หมดโอกาสนั้นไปแล้ว คนดีหายากพอ ๆ กับผู้ชายดี ๆ หายาก และผู้ชายก็เป็นประชากรที่เหลือน้อยแล้วนั่นเอง
“อาพายดูเสียดายอาภพนะคะ” บัวชมพูพูดกับสามีเมื่อเห็นสายตาของพระพาย
“หึงอาเหรอ”
“ไม่ได้หึงหรอกค่ะ เพราะรู้ว่าอาภพไม่ได้คิดอะไรกับอาพายแล้ว แต่หวงจังค่ะ ไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาคิดอะไรกับอาภพค่ะ”
“ดีใจจังเมียหวง” แดนภพหอมแก้มสาวฟอดใหญ่
“อยากให้หวงเหรอคะ”
“อยากให้หึงให้หวง เพราะอยากให้เมียรักแบบนี้ไปตลอด” เขาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
เสร็จสิ้นงานแต่งเขาก็อุ้มเธอขึ้นห้อง ก่อนจะไปอาบน้ำด้วยกันและมานอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง
“อยากมีลูกอีกสักคน”
“สองคนแล้วนะคะ”
“ไม่อยากมีเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ แต่อาภพเลี้ยงไหวใช่ไหม” เขาเลี้ยงลูกเป็นหลัก แดนภพเป็นผู้ชายที่ดีมาก รักครอบครัว
“คนอุ้มท้องคือชมพู คนเลี้ยงลูกก็ต้องเป็นอาสิครับ” เขาจุมพิตริมฝีปากหวานหยดของภรรยา ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักกี่ปี เขาก็ยังคงรักเธอเสมอไม่เคยเปลี่ยน แต่เพิ่มความผูกพัน ที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ความปรารถนาดีที่มีให้แก่กันเข้าไปด้วย
“อาภพทำไมต้องน่ารักแบบนี้ด้วยคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ชมพูรักอาภพเหลือเกินแล้วค่ะ” เธอจุมพิตเขาอย่างดูดดื่ม ก่อนจะยินยอมพร้อมใจไปกับเขาในค่ำคืนแสนหวานนั้น และหลับในอ้อมแขนของเขาอย่างเป็นสุข
...จบ...