บทที่ 3 มารดาปลอดภัยแล้ว

2246 Words
ยามเช้าบ้านตระกูลอันเป็นปกติสุขเช่นทุกวัน ตื่นเช้ามาบุตรชายคนโตและสะใภ้ใหญ่ก็เข้าป่า บุตรชายคนรองและสะใภ้รองอยู่ช่วยงานตนที่เรือน ชายชรายามนี้อายุหกสิบแล้ว เป็นหมอชราในหมู่บ้าน และอยู่ห่างจากบ้านอาเฉินเพียงสามหลังเท่านั้น หลานชายทั้งสามคนของตนจึงสนิทสนมกับบ้านผิงนัก มือเหี่ยวย่นหยิบตะกร้าสมุนไพรที่สะใภ้รองล้างให้มาตำ ตอนนี้ใกล้จะครบเดือนแล้ว ต้องตำสมุนไพรขัดฟันเอาไว้ใช้ ทั้งเอาไว้ขายและให้อาเฉินอาถง พวกเขาเหลือกันเพียงสองคนเท่านี้ตั้งแต่มารดาหายไป สองปีที่ผ่านมานั้นมีเขาและชาวบ้านช่วยเหลือ ตอนนี้อาฟางเองก็กำลังแบ่งข้าวสารและไข่เอาไว้มอบให้อีกฝ่ายยามที่นำฟืนมาขายให้ แต่ไม่รู้เหตุใดวันนี้จึงสายกว่าทุกวัน “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ช่วยอาซินด้วยขอรับ!” เสียงตะโกนดังจากหลังบ้านหากแต่ดังมากพอที่ชาวบ้านจะได้ยินถึงสามบ้าน อ้ายเสินวิ่งนำหน้าภรรยาและท่านป้าที่กำลังพยุงคนเจ็บมาที่นี่เพื่อเรียกบิดาหน้าตาตื่น ไม่นานท่านพ่อก็ออกมาจากเรือน “ผู้ใดเป็นอันใด” ชายชราเอ่ยถามเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของบุตรชายและคนด้านหลัง แม้สายตาจะเริ่มฝ้าฟางแต่สีแดงฉานเช่นนั้นย่อมต้องเป็นเลือดอย่างแน่นอน “เยว่ซินขอรับ มารดาหลานท่าน ตกหน้าผา” บุตรชายเอ่ยจบชายชราก็ตาเบิกโพลงในทันที หมู่บ้านนี้มีเยว่ซินอยู่ผู้เดียวคือสะใภ้บ้านผิงที่หายไปเมื่อสองปีที่แล้ว เหตุใดจึงมาตกหน้าผาที่นี่ได้ “รีบนำนางมาเร็วเข้า” ร่างโชกไปด้วยเลือดถูกนำเข้าไปนอนบนเตียงโดยไม่นึกห่วงว่าพื้นบ้านจะมีแต่กลิ่นเลือด ลู่ฟางวิ่งมาปูผ้าบนเตียงให้พี่สะใภ้ใหญ่และท่านป้านำคนเจ็บนอนลงโดยมีบุรุษช่วยท่านปู่เตรียมสมุนไพรและอุปกรณ์รักษาบาดแผล หลังจากนั้นชายชราก็ไล่ทุกคนออกไปเว้นเสียแต่ลูกสะใภ้ที่เป็นสตรีเป็นผู้ช่วยเขา “ฮืออ” อาถงเดินตามพี่ชายออกมารอด้านนอกปล่อยน้ำตาไหลพรากด้วยความกังวล แม้จะจดจำมารดาไม่ได้นักแต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีความทรงจำเลย ยิ่งเห็นว่าท่านแม่มีเลือดเต็มตัวยิ่งทำให้เขากลัวใจจะขาดว่าท่านแม่จะจากเขาและพี่ใหญ่ไปอีกครั้ง มู่เฉินก็ได้แต่กอดปลอบน้องชายทั้งดวงตาแดงก่ำ พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ เขาเป็นพี่ใหญ่ หากร้องไห้ตามอาถงผู้ใดจะปลอบน้องชายกัน ข้างกายสองพี่น้องมีจางจิ้ง ฮุ่ยเฟิน และหลี่เฉียงหลานชายทั้งสามของท่านปู่ท่งที่พึ่งกลับจากเล่นกับสหายนั่งปลอบโยนมู่เฉินและอาถงด้วยความสงสาร พวกเขาเคยเล่นกับมู่เฉินบ่อย ๆ แต่ช่วงหลังมานี้อีกฝ่ายต้องทำงาน นาน ๆ ครั้งจึงจะพาน้องชายมากินข้าวที่นี่ ได้เล่นกันสักเค่อสองเค่อ วันนี้ท่านน้าเยว่ซินกลับมาแล้วก็อดดีใจกับพวกเขาไม่ได้ ท่านลุงท่านป้าในหมู่บ้านที่ทราบข่าวก็มานั่งรอด้วยอย่างใจจดใจจ่อ แคร่สองอันหน้าบ้านเต็มไปด้วยชาวบ้านและเด็ก ๆ ท่านป้าที่ช่วยพยุงเยว่ซินกลับไปอาบน้ำอาบท่า ล้างเลือดที่ติดตัวจึงได้เรียกคนอื่น ๆ มาที่นี่ ไม่คิดเลยว่าที่อาถงบอกแก่นางว่าฝันถึงท่านเทพ วันนี้ท่านเทพจะมอบมารดาคืนบ้านตระกูลผิงจริง ๆ เช่นนั้นก็หมายความว่าเทพเทวดาอาจจะนำพานางกลับมาที่นี่ให้เด็ก ๆ เห็น พวกเขาเชื่อเช่นนั้น ผิงเยว่ซินที่ผู้ใดก็คิดว่าตกตายไปแล้ววันนี้นางกลับมาหาบุตรชายทั้งสองของนางจนได้ แม้จะบาดเจ็บแทบสิ้นลมหายใจก็ยังได้พานพบกันแล้ว ไม่รู้ว่าเดินทางรอนแรมในป่ามานานเท่าใด ชาวบ้านหลายคนจึงหลั่งน้ำตาตามพวกเขาด้วยความสงสาร กลัวว่าท่านปู่ท่งจะรักษานางไม่ได้ ได้แต่นั่งรอพร้อมเด็ก ๆ อยู่เช่นนั้นไม่มีผู้ใดปริปากพูดสักคำ สองปีที่ผ่านมาทั้งสองลำบากกันมาก พวกนางเองก็ไม่มีเงินมากเช่นกัน ทำได้แค่สลับกันจ้างงานอาเฉินคนละวันแล้วแบ่งข้าวและอาหารให้กิน ยามล่าสัตว์มาได้ก็ทำเนื้อตากแห้งแบ่งเขาทั้งสองได้ครั้งละกำสองกำ เด็กน้อยกลายเป็นลูกหลานที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้านไปแล้ว กว่าหนึ่งชั่วยาม (สองชั่วโมง) หมอชราก็เดินออกมาจากบ้านด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬหากแต่เขากลับมีความสุขยิ่งนัก รักษาคนป่วยมาทั้งชีวิตไม่เคยรู้สึกภาคภูมิใจกับความสามารถของตนเองมากเพียงนี้ หากวันพรุ่งนี้ตายไปก็คงตายตาหลับแล้วกระมัง “นางปลอดภัยแล้ว มีเพียงแผลตามตัวเท่านั้นท่านน้าเจ้ากำลังทำแผลให้ ปู่จะให้ยาแก้ช้ำในให้เจ้าไปต้มให้มารดากินที่เรือน” “เฮ” ทุกคนร้องออกมาอย่างโล่งใจ หลายคนถึงกับร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก โล่งใจและดีใจที่นางปลอดภัย มู่เฉินกระพริบตาหลายครั้งไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมาพลางดึงเสื้อเช็ดน้ำตาให้น้องชาย เด็กน้อยทั้งยิ้มทั้งร้องไห้กอดเขาไม่หยุด “พี่ใหญ่ ท่านแม่ไม่ตายแล้ว” “อื้อ พี่รู้” สองพี่น้องโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจท่ามกลางรอยยิ้มของทุกคน “ข้าดีใจกับเจ้าสองคนด้วย” “ขอบคุณท่านลุงท่านป้าขอรับ” เด็กหนุ่มยิ้มออกมาตามความรู้สึก ช่างเป็นภาพที่ชาวบ้านแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่ารอยยิ้มอาเฉินเป็นเช่นไร วันนี้ได้เห็นอีกครั้งเป็นบุญตานับว่าดียิ่งนัก “เช่นนั้นลุงกับป้ากลับไปบ้านก่อน หาของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเป็นของต้อนรับมารดาเจ้ากลับบ้าน ลุงจะไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านด้วยไม่รู้ท่านลุงกลับมาจากในเมืองหรือยัง” “ใช่ ๆ รอประเดี๋ยว” ทุกคนรีบกุลีกุจอออกจากบ้านท่านปู่ท่งไปเพื่อหาของมารับขวัญนางกลับบ้าน อย่างน้อยข้าวสักกำรวมกันก็คงพอกินได้หลายมื้อมิใช่หรือ ดีกว่าไม่ช่วยกันเลย ท่านลุงท่านป้าออกไปแล้ว ท่านลุงเสินก็ออกไปยืมรถเข็นที่หน้าหมู่บ้านมาให้ ด้านนอกจึงเหลือเพียงสองพี่น้องและท่านปู่ที่กำลังล้างไม้ล้างมืออยู่ หยู่ถงปาดน้ำตาด้วยรอยยิ้ม ดึงแขนพี่ชายเดินมาที่ประตู เด็กน้อยทั้งสองคนยืนมองท่านแม่อยู่เช่นนั้นเงียบ ๆ ไม่รบกวนท่านป้า ตอนนี้ท่านป้าพึ่งผลัดเปลี่ยนชุดให้มารดากระมัง “ไปดูมารดาเจ้าเถิด นางกำลังหลับอยู่” น้ำเสียงใจดีเอ่ยบอกเด็กๆ ลู่ฟางเป็นภรรยาของฮุ่ยซิว บุตรชายคนรองของท่านปู่ท่ง ย่อมเคยสนิทสนมกับเยว่ซินมาหลายปี นางช่วยทำแผลและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนเจ็บเสร็จแล้ว เผื่อพวกเขาอยากจะไปนั่งเฝ้ามารดา เป็นอย่างที่คิด สองพี่น้องเหมือนรอคอยคำพูดนี้จากปากนางมาตลอด พยักหน้าหงึกหงักรีบถอดรองเท้าขาด ๆ เดินเข้าไปในบ้านทันที เดินไปนั่งมองมารดานอนหลับเงียบ ๆ ลู่ฟางมองแล้วก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ ขอบคุณสวรรค์จริง ๆ ที่คืนมารดาให้แก่พวกเขา มู่เฉินพาน้องชายมานั่งเงียบ ๆ มองมารดาอยู่นาน อาถงเองก็มองหน้าท่านแม่เช่นกัน ความทรงจำแทบไม่มีว่าท่านแม่หน้าตาเป็นเช่นไร ยิ่งท่านพ่อยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง วันนี้ได้เห็นแล้ว ท่านแม่งดงามอย่างที่พี่ใหญ่บอกจริง ๆ ด้วย “หนึ่ง สอง” “อย่าให้ถูกแผลท่านแม่เล่า ท่านแม่จะเจ็บ” มู่เฉินเอ่ยเตือนน้องชายที่กำลังชี้นิ้วนับจำนวนแผลตามร่างกายมารดาอยู่ อาถงพยักหน้าเข้าใจนับต่อเงียบ ๆ ไม่ทันได้มองว่าเบื้องหลังนั้นมีคนแอบดึงแขนเสื้อมาเช็ดน้ำตาอยู่หลายครั้ง มู่เฉินอยากร้องไห้แต่ไม่กล้า ทั้งดีใจและสงสารท่านแม่ที่มีแผลมากมายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าต้องเดินทางมานานเท่าใด ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาไปอยู่ที่ไหน เขาเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะได้ท่านแม่กลับคืน แม้ทุกวันจะคอยปลอบใจตนเองมาตลอดว่ามารดายังไม่ตายจนกว่าจะได้พบศพ แต่ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่านางตกตายไปแล้วเสียแปดส่วน คิดว่าเราสองคนจะเหลือกันแค่นี้ไปตลอด ไม่คิดเลยว่าท่านเทพจะมอบสิ่งล้ำค้าให้พวกเขาอย่างที่บอกเอาไว้จริง ๆ ด้านนอกนั้นสะใภ้บ้านอันทั้งสองคนกำลังทำอาหาร ทั้งทำเผื่อครอบครัวเยว่ซินด้วย ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มประดับอยู่ มิใช่เพียงเด็กทั้งสองคนกระมังที่มีความสุข ผู้คนทั้งหมู่บ้านก็ดีใจเช่นกันที่นางกลับคืนหมู่บ้านของเรา เยว่ซินอายุเท่ากับลู่ฟางนั่นคือยี่สิบห้า นางเป็นสตรีที่มีจิตใจดี ตบแต่งกับพี่ชายห่าวอู๋ก่อนจะมีอาเฉินออกมาวิ่งเล่นในปีต่อมา เยว่ซินเป็นสตรีจากเมืองหลวง ยามพบกันคราแรกนั้นนางเหมือนเทพธิดาตัวขาว ๆ สวมชุดสว่างและสะอาด ชาวบ้านไม่กล้าพูดคุยกับนางเพราะคิดว่าขุนนางจะใจร้าย แต่เยว่ซินคือสตรีที่ดีผู้หนึ่ง เป็นภรรยาที่ดี เป็นเพื่อนบ้านที่ดี และเป็นมารดาที่ดีจวบจนวันสุดท้ายของนาง คนไม่เคยทำงานต้องออกจากบ้านไปหางานทำ ไม่คิดว่าไม่นานจะเกิดเหตุร้ายกับนางและหายไปในที่สุด ช่างเถิด ๆ วันนี้นางกลับมาแล้ว เช่นนั้นลู่ฟางจะทำอาหารสุดฝีมือเพื่อต้อนรับสหายก็แล้วกัน “นี่ไข่” “เจ้าค่ะท่านพี่” นางรับไข่ไก่จากสามีที่พึ่งไปซื้อมานำมาทำอาหารเพิ่ม ปกติยามอาเฉินทำงานเสร็จจะได้เงินไปซื้อไข่กลับบ้านไปทำอาหารให้อาถงกิน วันนี้ในกระบุงของเจ้าตัวไม่มีสิ่งใดเลย มีฟืนสองมัดเท่านั้นคงจะทำหล่นระหว่างทางหมด จะเอาเงินที่ไหนซื้อไข่กิน ผู้คนแยกย้ายกันแล้ว ท่านปู่ก็ไปอาบน้ำ สะใภ้ก็อยู่ในครัว เด็กบ้านอันทั้งสามก็ไปกับอ้ายเสินเพื่อยืมรถเข็นทั้งซื้อของเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มด้วย ปล่อยให้เด็กน้อยนั่งเฝ้ามารดาอยู่เช่นนั้นไม่มีผู้ใดไปรบกวน “อือ” เสียงแผ่วเบาออกมาจากคนหลับอยู่ หลับใหลไปกว่าหนึ่งชั่วยาม เปลือกตาเยว่ซินก็เปิดขึ้นพร้อมกับสติที่กลับมาเช่นกัน ภาพตรงหน้าเหมือนจะอยู่ในบ้านแล้วมิใช่ป่า ความเจ็บตามร่างกายเหมือนจะลดลงไปมากแล้วไม่รู้สึกว่ากำลังจะตายอีกรอบ “ท่านแม่” เสียงเล็กเอ่ยเรียกให้เยว่ซินหันไปมอง ทันทีที่นางได้เห็นดวงตาแดงก่ำของทั้งสองคน หัวใจพลันรับรู้ถึงความคิดถึงโหยหาของเยว่ซินอีกเสี้ยวจิตที่อยู่ในกายนาง จางเยว่ซินเองก็รู้สึกเหมือนได้เจอครอบครัวอีกครั้งทั้งที่เราไม่เคยพานพบกันเลย “อาถงหรือ อาเฉิน พวกเจ้าสบายดีหรือไม่” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถามบุตรชายทั้งน้ำตา เด็กสองคนนี้หากพบเจอในโลกก่อนคงเป็นคนแปลกหน้ากัน นางไม่รู้จักพวกเขา พวกเขาไม่รู้จักนาง แต่บัดนี้เยว่ซินกลายเป็นสตรีที่มีเสี้ยววิญญาณของเยว่ซินคนก่อนหลอมรวมเข้าด้วยกัน เท่ากับว่าเราสามคนแม่ลูกพานพบกันอีกคราอย่างสมบูรณ์แล้วโดยที่นางมิใช่คนแปลกหน้าหรือวิญญาณอื่นไกลสักดวงหลุดมาที่นี่ มู่เฉินเห็นน้ำตามารดาแล้วต้องเบือนหน้าหนีกลัวจะร้องไห้ตาม เอื้อมมือสั่นเทาจับมือขาวเนียนของนางด้วยความคิดถึง “ข้าและอาถงสบายดีขอรับท่านแม่” “ใช่ขอรับ” อาถงพยักหน้าตามพี่ชาย ทั้งยิ้มอวดฟันเล็ก ๆ ให้มารดาดูอีกด้วย “แม่กลับมาแล้ว ขอโทษเจ้าที่หายไปตั้งนาน” ทั้งสองพยายามฟังเสียงแหบพร่าก่อนจะพยักหน้าดีใจ มู่เฉินหยิบผ้าเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้มารดาอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อจากนี้พวกเขาจะมีมารดาแล้วใช่หรือไม่ มารดากลับมาแล้ว ช่วงแรกยืดหน่อยนะคะ รายละเอียดเยอะมากค่ะ เดี๋ยวไรท์วาดรูปอธิบายเพิ่มด้วยน้า ทุกคนคงคิดถึงการวาดภาพของไรท์อยู่แน่ ๆ 5555555
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD