กลางยามอู่ (11:00-12:59) หม้อนึ่งฟักทองก็ถูกยกออกจากเตาหลังจากนึ่งจนสุกแล้ว เยว่ซินลองหั่นเป็นชิ้นชิมดูรู้สึกว่ารสชาติไม่ได้แย่ อร่อยกินได้ไม่ต้องทิ้ง หั่นเสร็จแยกเป็นสองจานให้เด็ก ๆ กินและแบ่งบ้านท่านปู่ท่งอีกหนึ่งจาน ลุกขึ้นเดินไปเรียกบุตรชายอยู่หน้าครัว
“เจ้าใหญ่ แม่ทำเสร็จแล้วเอาไปให้คนอื่นชิมดู”
“ขอรับ” มู่เฉินขานรับวิ่งเข้ามาในครัวด้วยรอยยิ้ม กลิ่นหอมเตะจมูกจนอดมองจานในมือมารดาไม่ได้
“จานนี้เอาไปให้บ้านท่านปู่นะลูก แม่จะทำอาหารก่อนค่อยนึ่งที่เหลือต่อ ใช้ช้อนเป็นใช่หรือไม่ เจ้าลองชิมดูก่อน” เยว่ซินตักยื่นให้บุตรชายให้ลองชิมดู นางไม่มั่นใจว่ารสชาติเช่นนี้จะถูกปากคนที่นี่จึงมีสีหน้ากังวลฉายออกมาให้มู่เฉินเห็น
“อร่อยขอรับ” มู่เฉินเอ่ยตามจริงทันทีที่นำเข้าปาก รสชาติเหมือนไข่ตุ๋นแต่อร่อยกว่ามาก กินกับฟักทองเหมือนกินข้าวเลย
ได้ยินเช่นนั้นมารดาก็โล่งอก ที่ให้พวกเขากินก่อนเพราะกลัวจะหิว ตอนนี้ตะวันจะเลยหัวแล้ว เด็ก ๆ ไม่รู้หิวหรือยังแต่นางนั้นหิวมากแล้ว ทำงานทั้งวันใช้พลังงานไปมากจะหิวก็ไม่แปลก
เด็กหนุ่มถือถาดสังขยาฟักทองฝีมือมารดามาที่ลานหลังบ้านด้วยความสุข นี่คืออาหารอร่อยในรอบสองปีที่เขาได้กิน เพราะมู่เฉินทำไม่เป็น ยามเทศกาลแม้ท่านป้าจางจะทำให้กินแต่ก็ไม่เหมือนยามท่านแม่ทำให้กิน วันนี้ยืนยันแล้วว่าไม่เหมือนกันจริง ๆ
เดินมาที่ลานหลังบ้านมาหาอีกสองคน พวกเขาเพียงนั่งพูดคุยกันเฝ้าน้องชายสองคนที่นั่งเล่นอยู่เท่านั้น ก่อนจะวางจานหนึ่งลงตรงหน้าจิ้งเกอ อีกจานยื่นให้อีกฝ่ายรับไปถือเอาไว้
“จานนี้ให้ท่านนำไปให้ที่บ้านท่านขอรับ”
“ขอข้าชิมก่อน เจ้าเหมือนเคี้ยวสิ่งใด นี่เจ้าได้กินก่อนข้าหรือ” จางจิ้งวางจานที่อาเฉินยื่นให้เอาไว้ก่อน ตอนนี้เขาอยากกินสิ่งที่ท่านน้าทำยิ่งนักว่ารสชาติจะเป็นเช่นไร ฟักทองแข็ง ๆ มันอร่อยหรือไม่ ทั้งสองหันมองคนถือมาเห็นอาเฉินทำปากเหมือนเคี้ยวสิ่งใดอยู่ก็เกิดความสงสัย
“ข้าเป็นลูกท่านแม่นี่” จางจิ้งกลอกตาอย่างนึกหมั่นไส้ ใช้ช้อนตักมากินดู แม้จะไม่ถนัดเพราะใช้ตะเกียบมาตลอดแต่ก็ไม่ใช่จะไม่เคยใช้ช้อน สองพี่น้องบ้านอันตักสังขยาฟักทองกินไม่นานก็ตาโตขึ้น
“อร่อยจริงด้วย หวาน ๆ และมีรสชาติไข่” ทุกคนหลับตาพริ้มรับรสชาติสิ่งที่ไม่เคยกินอย่างสุขใจ
“หอม หอมนัก” หลี่เฉียงและหยู่ถงเหมือนลอยตามกลิ่นมาที่ลาน รีบวิ่งไปล้างมือที่เปื้อนดินกลับมาหาพี่ชายด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ท่านแม่ทำเสร็จแล้วเหตุใดพี่ใหญ่ไม่รีบเรียกข้าขอรับ”
“พี่ชายพึ่งถือมา กำลังจะเรียกเจ้า มากินเถิด” มู่เฉินแจกจ่ายช้อนให้น้องชายด้วยความขบขัน บุรุษทั้งห้านั่งจ้วงสังขยาฟักทองกินด้วยความเอร็ดอร่อย
ฟักทองเหมือนจะมีรสชาติหวาน กินกับไข่ไก่แล้วอร่อยเข้ากันได้อย่างพิลึก จางจิ้งเองก็นั่งกินด้วยไม่ยอมนำไปให้ที่บ้าน แย่งพวกนี้กินเสียก่อนไม่เช่นนั้นกลับมาจะไม่เหลือให้กิน
“ท่านแม่จะทำอาหารก่อนค่อยนึ่งสังขยาฟักทองต่อ”
“เช่นนี้ชิ้นนี้เก็บไว้ให้ท่านน้า” ฮุ่ยเฟินกล่าวขึ้น ในจานเหลือสังขยาฟักทองหนึ่งชิ้นเล็ก ๆ ท่านน้ากินไปเพียงนิดเดียวแบ่งไว้ให้นางกินจะดีกว่า แม้ว่าอาถงและอาเฉียงจะมองตามตาไม่กระพริบทั้งที่กินไปมากกว่าผู้อื่น
“ได้”
“ข้านำไปให้ที่บ้านก่อน” กินจนหมดจึงขยับตัวได้ พี่ใหญ่ของกลุ่มวิ่งกลับบ้านพร้อมจานสังขยาฟักทองอันเลิศรสนำไปให้ทุกคนกิน
ด้านคนในครัวตอนนี้พึ่งทำแกงฟักทองใส่ไก่เสร็จกำลังตักใส่ถ้วย เนื้อไก่หนึ่งจินครึ่งกิโลกรัมหั่นเล็ก ๆ นำมาแกงได้เต็มหม้อขนาดกลาง เพราะคนมากนางจึงทำมาก ลองชิมดูแล้วรสชาติก็ไม่ได้แย่เท่าใด อาจเพราะเน้นที่รสชาติกะทิและพริกกระมัง อร่อยกินได้ไม่ต่างจากสังขยาฟักทองแม้เครื่องปรุงจะมีไม่มาก
จากนั้นก็นำปลาหมึกที่หั่นเป็นแว่นนำไปผัดจนสุกส่งกลิ่นหอมน่ากินเป็นอาหารอย่างที่สอง เยว่ซินตักใส่ถ้วยขนาดกลางแบ่งให้บ้านอันชิมด้วย หากอร่อยนางอาจจะทำขายก็ได้
“อาจิ้งไปแล้วหรือ น้าเรียกไม่ทัน มีอาหารอีกสองถ้วย”
“เช่นนั้นข้านำไปให้เองขอรับท่านน้า” ฮุ่ยเฟินวิ่งมาหาท่านน้ารับอาหารกลิ่นหอมอีกสองถ้วยไป ยิ่งได้กลิ่นท้องยิ่งร้องเสียงดังจึงรีบวิ่งเอาอาหารไปให้คนที่บ้านจะได้รีบกลับมากินข้าวพร้อมกับทุกคนที่นี่
“ขอบคุณอาเฟิน”
มู่เฉินเดินเข้ามาหามารดาในครัวเพราะเห็นว่านางเหมือนจะยุ่ง ท่านแม่จึงให้เขาตักอาหารใส่ถ้วยและนำหม้อข้าว จานชามออกไป ส่วนนางกำลังนึ่งฟักทองต่อ
ที่นึ่งนำมาวางซ้อนกันอีกชั้นเท่ากับว่านึ่งได้ครั้งละสี่อันแล้ว เยว่ซินล้างมือก็เป็นอันเสร็จ อาหารมื้อเที่ยงเป็นแกงฟักทองใส่ไก่และผัดปลาหมึก ของหวานย่อมเป็นสังขยาฟักทอง
เด็กหนุ่มยกถาดอาหารไปที่ลานหลังบ้านให้น้องชายเฝ้าเอาไว้ กลับมาหยิบถ้วยชามอีกรอบหนึ่ง ตอนนั้นทั้งแม่ก็จัดการในครัวเสร็จแล้วเช่นกันกำลังถือถ้วยใส่ข้าวและตะเกียบตามหลังมา
“ครั้งหน้าท่านแม่เรียกให้ข้ามาช่วยนะขอรับ”
“แม่ทำได้ อาจจะดูเหมือนยุ่งแต่จริง ๆ ไม่ยุ่งเลย ได้เข้าครัวแล้วมีความสุข”
“เช่นนั้นก็ดีขอรับ”
ทั้งหกคนนั่งล้อมวงกันที่ลานหลังบ้าน กลิ่นหอมของอาหารช่างเรียกท้องพวกเขาให้ร้องเสียมารยาทได้ดีเสียจริง ในมือทุกคนมีถ้วยข้าวและตะเกียบ มู่เฉินคีบอาหารให้มารดาก่อนคนแรก เยว่ซินจึงกินก่อนทุกคนจะได้เริ่มลงมือสักทีกลัวจะหิวมากกว่านี้
พอทุกคนได้ลองกินอาหารสองอย่างตรงหน้าก็ตาเบิกกว้าง อาถงกับอาเฉียงหลับตาพริ้มเพราะปลาหมึกอร่อยยิ่งนัก
“อร่อยทั้งสองอย่างเลยขอรับ ท่านแม่เคยนำสิ่งนี้ไปทำอาหารแต่มันเป็นรสขมและน้ำสีดำ” หลี่เฉียงเอ่ยบอกท่านน้าตามตรง แต่ที่ท่านน้าทำนั้นไม่ขมเลยทั้งยังอร่อย เขากินไปตั้งหลายคำก็ยังไม่ขม พี่ชายเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งแกงฟักทองกับไก่ยังอร่อยมากเช่นกัน
“เช่นนั้นประเดี๋ยวน้าจะบอกมารดาเจ้าเองดีหรือไม่”
“ขอบคุณท่านน้าขอรับ” ทั้งสามพยักหน้าจากนั้นก็ลงมือกินข้าวต่อ ข้าวมีให้เติมได้ตลอด จางจิ้งเป็นบุรุษตัวโต สูงและไหล่กว้างเหมือนเด็กมอปลายย่อมกินเก่ง นางเติมข้าวให้เขาสองรอบแล้ว มู่เฉินเองก็ไม่แพ้กัน คงเพราะทำงานหนักจึงหิวโหยเช่นนี้
มู่เฉินตักกินเองทั้งตักให้มารดาและน้องชายอยู่ตลอด อาหารท่านแม่อร่อยทั้งทำให้เขามีความสุข ปกติทำได้เพียงข้าวต้มและไข่ต้ม ผัดผักใส่เกลือแน่นอนว่ามันไม่อร่อย
แม้ท่านป้าท่านน้าจะบอกเขาว่านำของไปให้พวกนางทำให้ก็ได้แต่เขาก็เกรงใจเกินกว่าจะไปขอความช่วยเหลือทุกวัน วันนี้มีอาหารอร่อย ๆ ฝีมือมารดาของตนเองย่อมสุขใจทั้งพี่ทั้งน้อง
ยามเว่ย (13:00-14:59) กินข้าวเสร็จก็ช่วยกันเก็บ เยว่ซินให้อาถงและอาเฉียงนอนเล่นอยู่ลานด้านบน นอนไปนอนมาทั้งสองก็หลับ ส่วนนางจึงกลับมานึ่งฟักทองต่อ ไม่มีสิ่งใดต้องทำแล้ว เด็ก ๆ ช่วยนางล้างจานและหั่นฟักทองลูกที่นึ่งสุกแล้ว
แม้วันนี้จะอยู่แต่ในครัวหรือช่วยท่านน้าทั้งวันแต่จางจิ้งและน้องชายก็ไม่รู้สึกเบื่อ เหมือนได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ทั้งยังได้เล่นกับน้องชายด้วย
ยิ่งมู่เฉินนั้นเดินตามท่านน้าต้อย ๆ เหมือนลูกหมาก็ยิ่งขบขันเจ้าน้องชายคนนี้ ไม่ว่าท่านน้าจะหยิบจับสิ่งใดก็รีบเข้าไปช่วย คงเพราะกลัวนางจะเหนื่อยหรือถูกบาดแผลกระมัง แม้พวกเราจะผ่านการจับกระต่ายมาแล้วก็ตาม
ต้นยามเซิน (15:00-16:59) ทุกอย่างก็เสร็จ ฟักทองลูกใหญ่แปดลูกถูกหั่นเรียบร้อย แบ่งไว้กินด้วยสองชิ้น ให้บ้านอันอีกสองชิ้น นอกนั้นแจกจ่ายท่านลุงท่านป้า มู่เฉินนับดูแล้วได้บ้านละหนึ่งชิ้นพอดี
“ข้าพร้อมแล้วขอรับท่านแม่” หยู่ถงวิ่งตามพี่ชายมาโดยมีเฉียงเกอวิ่งตามมาด้านหลัง พวกเขาพึ่งตื่นล้างหน้าล้างตาเสร็จก็พร้อมออกไปแจกจ่ายสังขยาฟักทองแสนอร่อยของท่านแม่ให้ท่านลุงท่านป้ากินแล้ว
เยว่ซินพยักหน้าให้บุตรชายยื่นตะกร้าเล็ก ๆ ให้พี่ใหญ่ถือ ตะกร้าสามอันจางจิ้ง มู่เฉิน และฮุ่ยเฟินถือเช่นเดิม ให้อาถงและอาเฉียงทำงานแผนกวิ่งไปรับจานจากท่านลุงท่านป้ามาใส่ของหวาน เห็นว่าเด็ก ๆ จะแวะเอารถเข็นคันเล็กที่บ้านด้วยนางก็ตามใจพวกเขาจะจัดการกันเอง
“อย่าบาดเจ็บกันเล่า”
“ขอรับ” ทั้งห้าขานรับเดินตามกันออกไปจากบ้าน แดดไม่มีแล้วจึงไม่ร้อน เยว่ซินมองตามหลังลูกหลานอย่างสบายใจ ดีที่เด็ก ๆ เป็นคนดี คนในหมู่บ้านเองก็เป็นดี การมีสภาพแวดล้อมรอบตัวดีนับว่าเป็นบุญต่อสุขภาพจิตแล้ว
ส่งพวกเขาเสร็จก็กลับเข้าครัวอีกครั้ง ต้มกระดูกหมูและทำเส้นสดเอาไว้เตรียมทำก๋วยจั๊บเป็นอาหารมื้อเย็น
เรื่องการขายอาหารนั้นเยว่ซินยังไม่ตัดสินใจ ที่นี่ไม่มีตู้เย็น กะทิต้องคั้นสด แต่หากสังขยาฟักทองและผัดปลาหมึกนางย่อมคิดว่าสังขยาฟักทองทำง่ายกว่า
ปลาหมึกต้องไปซื้อ นำกลับมาทำความสะอาด หั่นและทำอาหาร ไหนจะข้าวอีก แต่หากมีเงินเช่าร้านก็อาจจะทำอาหารที่ร้านได้ แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่มี ตอนนี้ก็ต้องรอว่าสำหรับสังขยาฟักทองนั้นผู้ทดลองลงความเห็นว่าอย่างไร
นางกำชับให้ถามทุกคนด้วยว่าลองกินแล้วอร่อยหรือไม่ หากอร่อยสังขยาฟักทองอาจเป็นสินค้าแรกที่นางอยากจะขาย ไม่ได้หวังกำไรเป็นกอบเป็นกำ ขอเพียงได้รองเท้าใหม่ให้ลูกก็พอแล้วระหว่างที่กำลังคิดค้นวิธีจับปลาไหลจะได้รวยไว ๆ เสียที
มาแล้ว ขอโทษที่มาช้านะคะ วันนี้ห้าตอนเลย