บทที่5

1142 Words
ภาพของสามีที่มักจะควงใครต่อใครมาให้ได้เห็นเป็นภาพที่ทำให้คนไร้ตัวตนอย่างคะนึงนิจรู้สึกปวดใจทุกครั้ง แต่เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจให้ชิน ซึ่งเธอก็ทำได้แค่นี้จริงๆ วันนี้ก็เช่นกันที่เขาพาคู่ควงคนล่าสุดมาให้ได้รู้จัก ก่อนที่จะตบท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ต้องน้ำตาตกในเมื่อได้ยิน “ถ้าเข้ากันได้ ฉันจะขอเขาแต่งงานหลังหย่า คิดว่าไง!” นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่คำถามเสียทีเดียวเหมือนเขาจงใจบอกให้รู้ “แล้วนิดละคะ” “แล้วเธอเกี่ยวอะไรด้วย!” เป็นอีกครั้งแล้วที่คำตอบที่ได้รับทำให้เธอเจ็บปวด เพราะคำพูดเหล่านั้นมันบอกให้รู้ว่าสำหรับเขาแล้วเธอในตอนนี้ไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่า ‘ความวุ่นวายในชีวิต’ ที่เขาอยากกำจัดไปให้พ้นๆ แต่ที่ยังทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา “นิดขอโทษค่ะ” ท้ายที่สุดแล้วเธอก็พูดได้เท่านี้ ก่อนจะมองเขา ที่ค่อยๆเดินตรงไปหาผู้หญิงอื่นผ่านน้ำตาที่ค่อยๆ ไหล ครั้งหนึ่งเขาเคยรักเธอมาก แต่ตอนนี้เธอคือคนที่เขาเกลียดที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความตัดสินใจของเธอ เธอที่ทำลายความรักดีๆ ของเขา แล้วจะโทษใครที่ไหนได้อีก นอกจากตัวเอง! ปริญไม่ได้เจอหน้าแม่ตัวดีอีกเลยหลังจากวันนั้น วันที่ตั้งใจจะทดสอบความอดทนของอีกฝ่าย กระทั่งสองวันให้หลังที่หล่อนหายหน้าหายตาไปจนผิดสังเกต เดือดร้อนเขาต้องขับรถมาดูถึงสำนักงาน เพราะกลัวอีกฝ่ายจะมีแผนร้ายอะไรอีก “คะนึงนิจไปไหน!” และก็เป็นอย่างที่คิด หล่อนไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ประจำ นั่นทำให้เขารู้สึกหัวเสียที่ได้รู้ ซ้ำยังได้รู้เป็นคนสุดท้ายอีกด้วย “คุณนิดขอลางานสองวันค่ะ ไม่ได้บอกไว้ว่าลาไปไหน คุณลมมีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่าคะ ถ้ามี...ฝากพี่ไว้ได้นะคะ ถ้าคุณนิดกลับมาทำงานเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่บอกเธอให้ค่ะ” สมพรตอบไปตามที่รู้ ก่อนจะลอบมองเจ้านายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เพราะไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะมาถามหาผู้ช่วยคนสวยของเธอ ก็นับตั้งแต่เรื่องที่อีกฝ่ายสร้างสถานการณ์เพื่อจับเจ้านายของเธอแดงขึ้นมา แน่นอนว่าทุกคนต่างก็พากันรู้เรื่องนี้กันดี นั่นเพราะเจ้านายเป็นคนประจาน ‘เมีย’ ด้วยตัวเอง “ไม่มีครับ ขอบคุณมาก คุณพีชทำงานต่อเถอะ” คนถูกถามให้คำตอบก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสายหาแม่ตัวในทันทีที่พ้นสายตาสอดรู้สอดเห็นของพนักงานแต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังที่ทำให้หงุดหงิด ผู้หญิงบ้านั่นปิดเครื่องหนี! อีกด้านคนที่กำลังถูกคาดโทษโดยไม่รู้ตัวนั้นกำลังนั่งเผชิญหน้าอยู่กับใครคนหนึ่งในห้องสีขาวสะอาดตา ความว้าวุ่นใจที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายวันทำให้หญิงสาวตัดสินใจพาตัวเองกลับมาที่นี่...อีกครั้ง กลับมาพร้อมกับความรู้สึก ท้อแท้ สิ้นหวังเกินใจจะทน.. “คุณนิดครับ...” เสียงเรียกเบาๆ ของคนตรงหน้าทำให้หญิงสาวพาตัวเองออกมาจากความคิด ก่อนจะส่งยิ้มไปให้แทนคำพูดว่า ‘เธอยังไหว’ ผลจากเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ทำให้เธอต้องสูญเสียคนที่ดีที่สุดในชีวิตไปอย่างไม่มีวันเรียกกลับเท่านั้น มันยังทำให้เธอต้องกลายเป็นโรคซึมเศร้าจนต้องเข้ารับการบำบัดอย่างเงียบๆ โดยมีคุณหมอหรันย์เป็นหมอเจ้าของไข้ เขาดีกับเธอมาก ทั้งๆ ที่เธอ ไม่สมควรได้รับมันจากใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือความเห็นอกเห็นใจ “นิดนอนไม่ค่อยหลับค่ะ” น้ำเสียงและสายตาที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยนั้นทำให้คนได้เห็นเริ่มรู้สึกเป็นห่วง กี่ครั้งแล้วที่คนไข้ของเขามีสภาพแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ผู้ชายคนนั้นทำร้ายเธอ “เกิดอะไรขึ้นครับ” “เขาบอก...ว่าจะแต่งงานใหม่ทันทีที่เราหย่ากัน นิดควรทำยังไงดีคะหมอ...” คำตอบที่อยู่ในใจแน่นอนว่าย่อมต้องสวนทางกลับคำตอบที่คุณหมอหนุ่มส่งไปให้ในนาทีหลังจากนั้น เพื่อหวังจะช่วยรักษาคนไข้ ที่น่าสงสารของตัวเองให้หลุดพ้นจากความเศร้าเสียใจ แม้จะรู้ว่าคงช่วยบรรเทาอะไรได้ไม่มาก แต่เขาก็อยากช่วยเธออยู่ดี หลังจากได้รับคำแนะนำ พร้อมกับยาชนิดที่แรงขึ้นคะนึงนิจก็ขับรถคันเก่าของตัวเองกลับบ้าน บ้านซึ่งสำหรับใครหลายๆ คนอาจเป็นที่พักพิงยามเสียขวัญ แต่สำหรับเธอแล้วสถานที่ตรงหน้าแทบไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินที่เธออยากจะหนีไปให้พ้นๆ แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน... “หายหัวไปไหนมาทั้งวัน ผัวแกมานั่งรอตั้งแต่บ่าย!” คำบอกเล่าของบิดาส่งผลให้ใบหน้าอ่อนหวานหันไปมองที่โซฟาอีกฝั่งก่อนจะตกใจเมื่อพบเข้ากับร่างสูงใหญ่ของสามีที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่บอกให้รู้ว่าเขากำลังโกรธ แต่จะโกรธเรื่องอะไรนั้นเธอไม่รู้ เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็เหมือนจะทำให้เขาโกรธตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งที่เห็นอยู่นี้จึงถือเป็นเรื่องปกติ “นิดไปหาหมอมาค่ะ” “เป็นอะไรถึงต้องไปหาหมอ!” เป็นปริญที่ถามขึ้น สีหน้าไม่ได้ดูเป็นห่วงเป็นใยเท่าไหร่ ส่วนพ่อของเธอนั้นแทบไม่ต้องเดา เพราะท่านไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่าเธอจะเป็นตายร้ายดียังไง ต่อให้เธอขาดใจตายอยู่ตรงหน้า ท่านก็คงไม่ใส่ใจจะห่วง “ไม่สบายนิดหน่อยค่ะ” เธอไม่ได้เล่าถึงอาการป่วยให้ใครฟัง ไม่ว่าจะบิดา หรือคนตรงหน้า เพราะคิดเอาเองว่าคงไม่มีใครอยากรู้ และก็เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อเขาไม่ได้ถามอะไรต่อนอกจากลุกขึ้นแล้วเดินนำเธอออกมาจากบ้าน จนมาถึงรถเสียงเข้มถึงได้เอ่ยขึ้น “ขึ้นรถ!” “จะพานิดไปไหนคะ” เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว หากเป็นไปได้ก็อยากพักให้หายเหนื่อยเพื่อที่จะได้มีแรงกลับไปทำงานต่อในวันพรุ่งนี้ แต่เหมือนคำขอร้องผ่านสายตาจะใช้ไม่ได้ผลเลยต้องรีบพาตัวเองขึ้นรถ ก่อนที่มันจะถูกขับออกมาจากบ้านด้วยความเร็ว ไม่มีคำบอกเล่า หรือแม้แต่เสียงใดลอดผ่าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD