"จะไปแล้วเหรอคะ" คะนึงนิจที่เพิ่งจะตื่น ยังคงอยู่ในชุดนอนตัวบาง เดินเข้าหาสามี ช่วยจัดเน็คไทด์อย่างเคย
"อืม คืนนี้คุณจะกลับดึกอีกรึเปล่า คุณแม่อยากเจอ"
"ค่ะ ช่วงนี้งานยุ่ง ฝากขอโทษท่านด้วยนะคะ" ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ที่ไม่ปกติ และพยายามทำอยู่ตลอดคือ ท่าทางที่เหมือนจะยั่วยวนเขาอยู่เนืองๆ
หน้าตัวเองที่กำลังแนบชิดซอกคอเขา เพราะความตัวเล็กกว่า หมายจะเริ่มซุกจูบปลุกอารมณ์ชายในยามเช้า
แต่ก็ถูกเบรกเสียหน้าหงาย เพราะเขาดันเบี่ยงหนี หันหลังให้และจัดการกับเทคไทด์ของตัวเองแทน อย่างรู้ทัน
"ฉันว่าจะกลับไปอยู่บ้านแม่สักพัก" กอดอกเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งเขาก็ดูไม่สะทกสะท้าน และเดินออกจากห้องไป
ประธีป คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งคู่อยู่กินกันมาเกือบจะยี่สิบปี พร้อมมีทายาทด้วยกัน ฐานะของแต่ละคนก็ทัดเทียม แต่ที่ทำให้คะนึงนิจไม่พอใจและไม่เคยพอ คือเรื่องบนเตียง
ก็อย่างว่าล่ะ เธอยังสวยและสาวกว่าวัย แถมความต้องการก็มากขึ้น แต่ด้วยสามีเป็นคนหัวโบราณ หรือเรียกได้ว่าเห็นแก่ตัว แต่นั่นก็เฉพาะเรื่องบนเตียง
เขาให้ความสุขเธอเหมือนคู่แต่งงานทุกคู่ แต่จะเน้นตัวเองมากกว่า เพราะเมื่อเขาเสร็จกิจ ก็จะปล่อยให้เธอนอนค้างเติ่ง รอบเดียวไม่มีรอบสอง
แถมที่อยากให้เขาทำคือการสัมผัส ลูบไล้ รวมไปถึงเร้าโลม แต่ก็ไม่เคยได้จากเขา
ซึ่งเธอเองก็ไม่กล้าจะพูดออกไป เพราะกลัวจะเสียหน้าที่ต้องเอามาเป็นประเด็นกับสามี
ดังนั้น จึงต้องหาทางออกในแบบของตัวเอง
เธอคิดว่ามันน่าจะปลอดภัยกว่าการไปเที่ยวสถานบันเทิงหรือซื้อผู้ชายแบบที่ใครๆ ทำ แถมเธอยังมั่นใจว่าจะไม่เป็นภัยกับตัวเอง
ไม่คิดว่าตัวเองนอกใจ เธอแค่นอกกาย เพราะสามีให้ความสุขไม่ได้ และคนที่ทำหน้าที่แทนก็เป็นผู้หญิง ไม่น่าจะผิดอะไร
หลังจากวันที่ถูกเจ๊หลินไล่ พนัสสรก็ปักหลักตั้งรกรากที่ร้านทำผมแทน ชั้นสองมีห้องพัก ไม่ได้เจอหน้าหล่อนเกือบอาทิตย์
"มาแต่เช้าเลยนะพี่จี๋" เด็กร้านกาแฟทักเธอ
"มาเช้าที่ไหนล่ะ พี่นอนนี่"
"อ้าว ทำไมล่ะ ทะเลาะกับเจ๊เหรอ" ถามออกมาด้วยใบหน้าฉงน
"เปล่าหรอก ขี้เกียจเดินทาง"
"อ๋อ ดีจัง" เผลอพูดออกมาแบบที่คิด เพราะเธอจะได้เจอหน้าคนที่แอบชอบตั้งแต่เช้าบ้าง
"ดีตรงไหนเนี่ย"
"เอ่อ พี่ พี่จี๋จะเอาโกโก้เย็นมั้ยจ้ะ เดี๋ยวหนูไปชงให้" เมื่อถูกจับได้ว่าดีใจออกนอกหน้าเกินไปจึงแสร้งเปลี่ยนเรื่อง
"เอาอเมริกาโน่ร้อนดีกว่า หวานๆ นะ"
"ได้จ้ะ"
สักพัก กาแฟที่สั่งก็ได้อย่างรวดเร็ว
"มันร้อนนะพี่จี๋" พูดไม่ทันขาดคำ พนัสสรก็รีบวางแก้วทันที ก็เธอดันสัมผัสที่ตัวแก้วอย่างจังๆ
ซึ่งก็ไม่แปลกที่เธอจะเผลอ เพราะคนไม่เคยดื่มของร้อน
ไม่รู้อะไรดลใจให้อยากดื่มกาแฟร้อน แต่นั่นคงมาจากเจ๊หลิน ทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน พนัสสรจะช่วยชงกาแฟดำใส่ถ้วย ทิ้งไว้ให้หล่อน เผื่อตื่นมา เจ๊หลินก็จะได้กินกาแฟร้อนแบบเย็นแล้วสมใจ
ก็แค่อยากลองรสชาติกาแฟ เหตุผลนี้สินะที่ทำให้หล่อนต้องรอจนกว่าจะหายร้อน จึงจะดื่มมัน
"ยิ้มอะไรเหรอพี่จี๋" อดสงสัยไม่ได้ เพราะคนที่ร้องเพราะความร้อนจากกาแฟเมื่อครู่กลับยิ้มออกมา
"เปล่าหรอก พี่แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วเจอกันนะ"
เดินออกจากร้านกาแฟ กำลังจะเปิดประตูเข้าร้านทำผม แต่ก็ต้องหยุดมือ และหันไปสนใจกับเสียงดังรบกวน
'ปิ้น ปิ้น' นั่นคือเสียงบีบแตรของรถหรู ซึ่งพนัสสรจำได้ดี ว่าเจ้าของนั้นเป็นใคร
"คุยกันหน่อยสิ" เสียงคะนึงนิจบอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
พนัสสรจึงจำต้องเปิดประตูเข้าไปนั่งข้าง รถปอร์ตสีแดงเคลื่อนตัวออกทันที
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" ถามเพราะไม่อยากเสียเวลานานกับหล่อน
"ดูรักงานจริงนะ มาแต่เช้า" เพราะนี่เพิ่งจะหกโมง คงจะแปลกไปหน่อย หากร้านทำผมธรรมดาจะเปิดเช้าตรู่ขนาดนี้
"คุณก็มาเช้าเหมือนกัน" ไม่วายย้อนใส่
"คืนนั้น เธอปิดร้านตั้งแต่หัววัน" หล่อนหมายถึงคืนที่ตั้งจะใจจะมาใช้บริการ หลังจากวีนแตกไปตอนเช้า
"ฉันมีธุระค่ะ" ตอบปัดๆ เพราะไม่อยากจะพูดถึง
"เหรอ"
"คุณจะมาแก้สีผมใช้มั้ยคะ ฉันจะได้โทรหาช่างประจำ มาทำให้" พนัสสรเข้าใจแบบนั้น หลังจากวันนั้น หล่อนหายไปเป็นอาทิตย์ แต่ที่กลับมาคงเพราะจะมาใช้บริการร้านทำผม
"ฉันแค่อยากจะรู้ ว่า เธอเลิกงานนั้นแล้วเหรอ"
"คะ? "
"เจ๊หลินบอกฉันน่ะ ว่าเธอไม่รับงานแล้ว"
"อ๋อ"
"น่าเสียดายนะ" หล่อนบอกแค่นี้ ทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบ จนคะนึงนิจวนรถกลับมาจอดหน้าร้านอีกครั้ง เพื่อนส่งพนัสสร
แต่ก่อนจะลงรถ เด็กสาวตัดสินใจหันไปหาหล่อน
"ฉันไม่รับงานที่ร้านค่ะ รับเฉพาะนอกสถานที่"
นั่นสร้างความพึงพอใจให้คนฟัง แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า
หล่อนตัดสินใจเหยียบคันเร่งออกจากหน้าร้านไป
พนัสสร ตัดสินใจเรื่องนี้ไม่นาน หลังจากออกจากบ้าน เธอก็มานอนที่ร้านทำผม เธอรู้ดีว่าเจ๊หลินไม่คิดจะมาไล่อีก จึงหน้าด้านอยู่เพราะไม่มีที่ไป
หนึ่งอาทิตย์ที่ออกมา ทั้งเธอและเจ๊หลินไม่ได้ติดต่อกัน และงานบริการที่หล่อนมักจะเสนอให้ ก็ขาดหายไปด้วย แต่เธอก็ไม่คิดสงสัย เข้าใจไปเองว่า ไม่มีลูกค้า
แต่วันนี้ลูกค้ากระเป๋าหนัก ดันมาบอกความจริงกับเธอเอง
และคำว่า น่าเสียดาย จากปากคะนึงนิจ ทำให้เธอไม่ลังเล คิดไปเองว่ามันคือคำเยินยอ
ซึ่งหากเจ๊หลินไม่รับงานให้ เธอก็จะรับงานเอง
"ตามฉันมา" คะนึงนิจสั่ง ก่อนจะลงรถ เดินนำเข้าบ้าน
พนัสสรทำตามอย่างว่าง่าย แต่สายตาพลันไปสะดุดอยู่กับเจ้าหมาโกลเด้นตัวใหญ่
เธอจึงไม่ลังเลที่จะเดินออกนอกลู่นอกทาง
"เจ้าหมาน้อย" เธอเพียงเรียกมัน แต่มันดูไม่ไหวติงกลับแหงนมองเธอด้วยใบหน้าฉงนแทน
พนัสสรรู้ว่าหมาพันธุ์นี้ไม่ได้มีนิสัยดุร้าย จึงลูบที่ศีรษะของมันเบาๆ และเลื่อนไปที่ลำตัว ทุกส่วนของมันแน่นปั้ก คงมาจากการเลี้ยงดูที่อุดมสมบูรณ์ แต่สักพักท่าทีมันก็เปลี่ยนไป
ดูเป็นมิตรขึ้น ส่งเสียงร้องอย่างดีใจ แถมกระดิกหางอีก ซึ่งพนัสสรมั่นใจว่าไม่ได้มาจากการหยอกล้อของเธอแน่ เพราะสายตาเจ้าหมาหันไปอีกทาง ยังไม่ทันจะหันไปดู
"ชอบหมาเหรอ" เสียงของคะนึงนิจ
หล่อนเพียงยืนกอดอกแยู่ข้างๆ
"ค่ะ มันน่ารักดี ของคุณเหรอคะ" เพราะเห็นท่าทางดี๊ด๊าแบบนั้นของเจ้าหมาเวลาที่เห็นหล่อน จึงทำให้คิดแบบนั้น
"ใช่ ฉันเลี้ยงมันมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ต้องเอามาฝากไว้บ้านแม่ เพราะสามีกับลูกสาวไม่ชอบ"
"อ๋อ... แล้ว มันชื่ออะไรคะ"
"คิตตี้" พนัสสรเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันกลับไปหาน้องหมา
"น้องคิตตี้" เธอเรียกมันซ้ำไปซ้ำมาพร้อมลูบตัวเจ้าหมาไปด้วยอย่างหยอกล้อ
"วันนี้จะมาอยู่สักกี่วันล่ะ" เสียงของหญิงสูงวัยเอ่ยทักคะนึงนิจจนพนัสสรต้องหันไปสนใจ
"สักพักค่ะ"
"คงจะนานสินะ แล้วพาใครมาด้วยล่ะ"
"น้องน่ะค่ะ น้องที่ทำงาน"
พนัสสรเดาเองว่าผู้หญิงสูงวัยคนนั้นคงเป็นแม่ของคะนึงนิจ เพราะดูจากท่าทางแล้วไม่ต่างกัน สงสัยความหยิ่งคงถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม แถมยังมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อืม ฉันก็จะไม่อยู่สองอาทิตย์ ไปปฏิบัติธรรมกับเพื่อนๆ แกก็เฝ้าบ้านล่ะ" เหมือนพูดออกไปอย่างนั้น ไม่ได้ดูจริงจัง เพราะไม่ได้คาดหวังอะไรจากลูกสาวอยู่แล้ว
พนัสสรรีบยกมือไหว้ทันทีที่หล่อนกำลังจะเดินหายไปขึ้นรถ
"เข้าบ้านสิ กาแฟที่เธอถืออยู่คงเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวฉันชงให้ใหม่" เธอสังเกตเห็นพนัสสรเอาแต่นั่งกุมถ้วยกาแฟตั้งแต่อยู่ในรถจนตอนนี้ ไม่มีวี่แววว่าเด็กสาวจะยกขึ้นดื่มสักนิด
"จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบดื่มกาแฟหรอกค่ะ" เอ่ยออกมาขณะถ้วยกาแฟหอมฉุย ควันลอยคลุ้งวางอยู่ตรงหน้าด้วยฝีมือของเจ้าบ้าน
"เหรอ งั้นก็ไม่ต้องฝืนหรอก"
แต่ด้วยความเกรงใจพนัสสรกลับยกถ้วยกาแฟดื่มและ
"โอ้ย! " แทบจะพุ่งพรวดกับรสชาติความขมและความร้อนแต่ก็ยอมกลืนมันลงคอ
ซึ่งต่างจากร่างกายที่ตอนนี้เปียกโชก เพราะดันปล่อยมือจากถ้วยกาแฟ
"ทำดีๆ หน่อยสิ เลอะเทอะหมดแล้ว"
"เดี๋ยวฉันเช็ดให้เองค่ะ" บอกพลางลุกขึ้น มองหากระดาษทิชชูใกล้มือ และคว้าหยิบมา พร้อมก้มลงเช็ดที่พื้น
"ไม่ต้อง! กระถิน มานี่ที" เธอเอ่ยเรียกเด็กรับใช้ในบ้านแทน และสั่งให้ทำความสะอาดบริเวณที่เปรอะเปื้อน
"ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อบนห้องสิ"
พนัสสรจำต้องเดินตามเจ้าบ้านขึ้นข้างบน
หล่อนยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของตัวเองสักพักก่อนจะหันมาหาเด็กสาว
"เธอน่าจะใส่ได้" พลางยื่นเสื้อเชิ้ตสีชมพูของตัวเองให้
"จริงๆ แล้วไม่เป็นไรก็ได้ค่ะ แค่ล้างน้ำก็พอ"
"เอาไปเถอะ ไม่ได้แพงอะไร" บอกแบบนั้นก่อนจะยัดลงไปในมือของเด็กสาว พร้อมไล่เข้าห้องน้ำ เพื่อเปลี่ยนเสื้อ
คะนึงนิจใช้ความคิดอยู่สักพัก ก็เดินไปที่ประตู กดล็อก พร้อมด้วยปิดผ้าม่านทุกบาน และนั่งลงรอที่ปลายเตียง โดยไม่ลืมถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตัวเองออก
ใจเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกหรือผิด เพราะก่อนหน้า เธอแค่ไปหาความสำราญนอกบ้าน แต่คราวนี้ เธอดันพาคนอื่นเข้าบ้าน และกำลังจะเริ่มมีความสัมพันธ์ทางกายกันบนเตียงของเธอ
แต่ถ้าจะให้คิดใหม่ หรือกลับตัวตอนนี้คงไม่ทันแล้ว เพราะความต้องการที่อัดอั้นอยู่ในอก บอกให้ไปต่อ
เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เห็นคะนึงนิจนั่งอยู่ปลายเตียง เด็กสาวก็รู้ทันที ว่าจะต้องทำอะไรต่อ
เดินเข้าหาหล่อน และนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า สัมผัสท่อนขาของเธอเพียงแผ่วเบา ก่อนจะแยกมันออก
วันนี้หล่อนใส่กระโปรงแสนสั้น และแถมท่านั่งแบบนี้ จึงทำให้เห็นถึงไหนต่อไหนโดยไม่ต้องเสียเวลาจินตนาการ
"แค่ภายนอกอย่างเดียวเหรอ" เสียงเด็กสาวถาม เพื่ออยากจะย้ำความต้องการของลูกค้า
"คุณไม่อยากให้ฉันเข้าไปข้างในตัวคุณบ้างเหรอ" ไม่ได้แค่พูดเพียงอย่างเดียว แต่กลับใช้มือตัวเองลูบไล้กอบกุมของสงวนของหล่อน ผ่านอันเดอร์แวร์
"ไม่ แค่ข้างนอกก็พอ" เธอตอบออกมาอย่างหนักแน่น
พนัสสรจึงต้องใช้มือตัวเองดึงรั้งขาของคะนึงนิจให้กระถดตัวมาใกล้ขึ้น จากที่นั่งบนปลายเตียง ตอนนี้เธอนั่งได้ไม่เต็มก้นนัก รู้สึกว่าก้นของตัวเองอีกครึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศ จึงจำต้องล้มตัวลงไปข้างหลัง ใช้ข้อศอกยันกายไว้เพื่อการทรงตัว
เด็กสาวจงใจรูดกระโปรงหล่อนให้พ้นกาย และไม่ลังเลที่จะก้มลงจูบเลียที่โคนขาหล่อนทั้งสองข้างจนเปียกชุ่ม
เป้าหมายต่อไปคืออันเดอร์แวร์ หล่อนโปรดปรานให้พนัสสรเลียกลีบกุกลาบของตัวเองเพียงเท่านั้น เด็กสาวจึงไม่รอช้า รีบมอบความสุขให้ทันที
ภายใต้ความอยากรู้อยากเห็น ก็ให้บริการเธอมาก็หลายครั้ง จนเรียกได้ว่าเป็นลูกค้าประจำ แต่ยังไม่เคยเห็นจุดอ่อนไหวของคะนึงนิจเสียที
พนัสสรจึงแกล้ง
"อื้อ อื้อ" เวลานี้คะนึงนิจควรจะเสร็จและเกร็งกระตุกตามที่ต้องการ แต่เหมือนอารมณ์ค้าง พอใกล้จะถึงฝั่ง เด็กสาวก็หยุดและเปลี่ยนตำแหน่ง จนรู้สึกขัดใจ
คิดไปเองว่าเพราะร่างกายตัวเอง ที่ห่างเซ็กส์
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" พนัสสรแสร้งถาม
"ทำไมฉันยังไม่เสร็จ"
"ถอดกางเกงในมั้ย" ถามออกมาหน้าตาเฉย
เมื่อเห็นว่าลูกค้าคิดนาน คงเพราะกำลังลังเล
"อ้อ คุณคงอายไม่กล้าให้ฉันเห็น"
"ถ้าถอดฉันจะเสร็จใช่มั้ย"
"ค่ะ"
"งั้นก็ ถอดเลย" บอกแบบนั้นก่อนจะทิ้งตัวลงนอนไปกับเตียงนุ่มๆ ของตัวเอง เพราะรู้สึกปวดเมื่อยแขน
จึงไม่เห็นสีหน้าของพนัสสร ที่กำลังแอบยิ้มกับอุบายเล็กๆ ของตัวเอง
นิ้วเรียวช่วยเกี่ยวอันเดอร์แวร์หล่อนออกช้าๆ และสิ่งอยากจะเห็นมาตลอดก็กำลังตะหง่านอยู่เบื้องหน้า
"รีบทำสิ" เพราะพนัสสรเอาแต่ใช้เวลาจ้องมองมันแบบไม่วางตา จนทำให้คนที่นอนอยู่ต้องส่งเสียงทัก
นั่นจึงทำให้เด็กสาวหลุดจากภวังค์ และไม่รีรอที่จะให้ความสุขคะนึงนิจจนสมใจ