ท่านแม่ทัพจ้าวคร้านที่จะเถียงเรื่องไร้สาระกับบุตรชายของตนเสียแล้ว เขาจึงเอ่ยเข้าเรื่องราวในทันที
"อาเฉิน ยามนี้แคว้นไท่ชิงกำลังแห้งแล้งอย่างหนัก อีกทั้งยังมีเหล่าโจรป่าลงมาปล้นชิงเสบียงอาหารและของมีค่าของชาวบ้านอีกด้วย พ่อคิดว่าอีกไม่นาน ฝ่าบาทคงจะมีรับสั่งให้เจ้าเดินทางไปที่แคว้นไท่ชิงในเร็ววันนี้เป็นแน่"
จ้าวเฉินอวี้หยิบเสื้อคลุมมาสวมเอาไว้ ก่อนจะพยักหน้าให้ผู้เป็นบิดาเล็กน้อย แคว้นไท่ชิงตั้งอยู่ทางทิศเหนือของต้าเฉวียน เป็นแคว้นที่สงบสุขแต่ค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีโจรป่าชุกชุมอีกด้วย
"ลูกเข้าใจแล้วขอรับ แต่ไหนแต่ไรมา แคว้นไท่ชิงเองก็สงบสุขมาโดยตลอด ท่านอ๋องเสิ่นหยวนเองก็ทรงภักดีต่อต้าเฉวียนเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรเสียหากฝ่าบาทมีราชโองการลงมาเมื่อใด ลูกก็จะรีบเร่งไปช่วยพวกเขาปราบเหล่าโจรป่าแน่นอนขอรับ"
"อืม พ่อภูมิใจยิ่งนัก ที่เจ้าเจริญรอยตามพ่อเช่นนี้ ต่างจาก อาเฉียนยิ่งนัก"
ยิ่งคิดถึงจ้าวเฉียนเว่ย บุตรชายอีกคนของตน แม่ทัพจ้าวก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย จ้าวเฉียนเว่ยชมชอบการดื่มสุราและบรรเลงพิณ เขาเดินทางไปต่างแคว้นเพื่อชื่นชมธรรมชาติ ช่างไม่เอาไหนเอาเสียเลย!
"ท่านพ่ออย่าได้ต่อว่าอาเฉียนเลยขอรับ อาเฉียนเองปีนี้ก็มีอายุเพียงสิบห้าปี เขายังเด็กนัก"
"พ่อเข้าใจ เจ้าเองก็เช่นกันนะอาเฉิน ปีนี้อายุของเจ้าก็ยี่สิบปีเต็มแล้ว พ่อว่าเจ้ารีบแต่งภรรยาเสียเถิด พ่อว่าหลานสาวของแม่เล็กก็ดูไม่เลวเลยนะ"
"เรื่องแต่งภรรยาของลูกท่านพ่อมิต้องยุ่ง ลูกมีสตรีในดวงใจอยู่แล้ว ส่วนหลานสาวของแม่เล็ก ลูกไม่ต้องการรับนางมาเป็นภรรยา"
"อาเฉิน!!"
"เชิญท่านพ่อออกไปได้แล้วขอรับ ได้เวลาที่ลูกจะชักรอบที่สองแล้ว"
แม่ทัพจ้าวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถลึงตามองจ้าวเฉินอวี้ทันที ก่อนจะสะบัดชายเสื้อเดินจากไปอย่างไม่พอใจ!!
บัดซบ!!มันไปติดนิสัยหื่นกามเช่นนี้เหมือนใครกัน
เมื่อผู้เป็นบิดาออกไปจากห้องแล้ว จ้าวเฉินอวี้ก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ก่อนจะครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง
ตระกูลจ้าวของเขานั้น ท่านพ่อมีท่านแม่เป็นฮูหยินใหญ่ และมีฮูหยินรองอีกคน นั่นก็คือแม่เล็ก ภรรยาอีกคนที่ท่านพ่อยกย่องนางจากอนุขึ้นมาเป็นฮูหยินรอง เดิมทีนางเป็นเพียงสตรีม้าผอมที่ถูกขายเข้ามาเพื่อเป็นอนุ แต่เพราะนางใช้มารยาสารพัดมัดใจท่านพ่อได้ จึงได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินรองในจวนตระกูลจ้าว ยิ่งนึกถึงใบหน้าของ เสี่ยวฟาง หลานสาวของนาง เขาก็รู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
คิดว่าเขาไม่รู้หรือ แม่เล็กผู้นี้หวังจะให้หลานสาวของนางไต่เต้ามาเป็นภรรยาของเขา เพื่อจะได้ยึดอำนาจในจวนตระกูลจ้าวเอาไว้ในมือ
ฝันไปเถิด!!ข้าไม่มีวันยอมแต่งกับเสี่ยวฟางเป็นอันขาด
ข้าจะแต่งกับหลี่ซูฮวาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ยิ่งคิดถึงใบหน้าสวยหวานและเรือนร่างที่เย้ายวนของนาง ใจของจ้าวเฉินอวี้ก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ สตรีที่จะมาเป็นภรรยาของเขา จะต้องเก่งกาจ มิอ่อนแอ เห็นทีก็มีแต่นางเท่านั้นที่คู่ควรกับเขา
ยิ่งคิดท่อนเอ็นร้อนในร่มผ้าก็ยิ่งแข็งชูชัน เขาจึงจำต้องออกแรงมือให้ขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ผ่านไปชั่วครู่ จ้าวเฉินอวี้ก็รู้สึกเบาสบายกายเป็นอย่างยิ่ง เขาหยิบหนังสือสราญรมย์ขึ้นมาเปิดอ่านอีกรอบ ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์
เขาชักจะสนใจฝีมือเจ้าของภาพวาดผู้นี้เสียแล้วสิ เขาจะต้องตามหานักวาดผู้นี้ให้เจอ เพื่อจะให้ให้นักวาด มาวาดภาพของหลี่ซูฮวาสตรียอดดวงใจของเขา เขาจะได้เก็บภาพของนางเอาไว้เชยชมเฝ้าฝันในทุกๆค่ำคืน
"พ่อบ้านเฉียน"
"ขอรับคุณชายใหญ่"
พ่อบ้านเฉียนที่ได้ยินเสียงเรียกของจ้าวเฉินอวี้ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที เขาเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ของที่นี่ คอยรับใช้คนตระกูลจ้าวมาหลายสิบปี แม้จะแก่ชราลงไปไม่น้อย แต่ยังคงทำงานได้คล่องแคล่วเหมือนสมัยหนุ่มๆอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อพ่อบ้านเฉียนเข้ามาถึงในห้อง เขาก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง
"คุณชายใหญ่!!"
"มีสิ่งใด?"
"วันนี้ดูเหมือนกับว่า จะเยอะกว่าสองวันก่อนนะขอรับ"
"ข้าทำสองรอบ"
"โอ้ คนหนุ่มสาวนี่ช่างแรงดีไม่มีตก"
"รีบๆเก็บกวาดเสีย ข้าจะพักผ่อนแล้ว"
"เอ่อ จะให้บ่าวรออยู่ด้านนอกหรือไม่ขอรับ"
"รอสิ่งใดอีก?"
"เผื่อคุณชายใหญ่จะชัก..."
"ไสหัวไปถ้าไม่อยากตายตอนแก่!!"
จ้าวเฉินอวี้รู้สึกหงุดหงิดใจกับพ่อบ้านปากมากผู้นี้ยิ่งนัก จะมาสนใจเขาทำไมกัน ว่าเขาจะชักกี่รอบ บัดซบ!!!
ด้านหลี่ซูฮวานั้นนางกลับมาที่จวนตระกูลหลี่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอย่างมาก ตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึง มันมากมายเสียจนนางรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก
"คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว"
"กัวกัวเล่า?"
"เอ่อ อยู่ในห้องนอนของคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ"
"ให้อาหารหรือยัง?"
"เอ่อ บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ นั่นมันสุนัขล่าเนื้อนะเจ้าคะ!!บ่าวกลัว"
เหมยเหยากับแม่นมจางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว คุณหนูใหญ่ของพวกนาง อยู่ดีดีก็ไปเก็บสุนัขล้าเนื้อที่มีร่างกายสูงใหญ่มาเลี้ยงเอาไว้ พวกนางหวาดกลัวยิ่งนัก
หลี่ซูฮวารู้สึกขบขันทั้งสองคนเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะเดินไปที่โรงครัวและนำเนื้อสดชิ้นใหญ่ติดมือมาด้วย ป่านนี้กัวกัวคงจะหิวแย่แล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงรีบเดินกลับเรือนปีกซ้ายทันที
"กัวกัว ออกมาหาแม่เร็วลูก"
เมื่อหลี่ซูฮวาเอ่ยเรียกไม่นานนัก ก็ปรากฏร่างของสุนัขเพศผู้ตัวใหญ่ ที่คลานออกมาจากใต้เตียงของนาง ขนของมันเป็นสีดำออกน้ำตาล ดวงตาสีดำขลับของมันจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเดินเข้ามาทิ้งกายหมอบลงตรงหน้าของหลี่ซูฮวาอย่างเชื่อฟัง นางยื่นมือไปลูบหัวของมันอย่างรักใคร่ นางพบกับกัวกัวเมื่อหลายวันก่อน มันนอนขดตัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เหมือนกำลังได้รับบาดเจ็บ นางเองชื่นชอบการเลี้ยงสุนัขมาแต่ไหนแต่ไร แม้กัวกัวจะเป็นสุนัขล่าเนื้อแต่นางก็ดูออกว่าแท้จริงแล้ว มันน่ารักเพียงใด
นางไม่รู้ว่ากัวกัวไปพบเจอกับคนใจร้ายที่ใดเข้า จึงบาดเจ็บเช่นนี้ นางพยายามช่วยรักษามันอย่างสุดกำลัง จนกัวกัวหายดี และตั้งชื่อมันว่ากัวกัว ดูเหมือนเจ้าสุนัขล่าเนื้อตัวนี้ก็จะชื่นชอบชื่อที่นางตั้งให้ไม่น้อย ดูๆไปแล้ว มันคงจะเป็นสุนัขที่พ่อค้าต้าเฉวียนมีไว้เพื่อใช้เล่นการพนัน นางได้ยินมาว่าคนต้าเฉวียนชื่นชอบสุนัขล่าเนื้อยิ่งนัก พวกเขาจะชอบนำมันไปแข่งขันในสนามประลองกับสุนัขตัวอื่นๆ หากมันจัดการฆ่าคู่ต่อสู้จนตายได้ เจ้าของก็จะได้เงินก้อนใหญ่ติดมือกลับไป แต่ถ้าพ่ายแพ้ก็คงจะถูกเจ้าของทิ้งขว้างเอาไว้ไม่ใส่ใจใยดีมันอีก
กัวกัวคงจะพ่ายแพ้มาสิท่า จึงถูกทิ้งเช่นนี้!
ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เอาเถิดข้าจะเลี้ยงเจ้าเอง!
หลี่ซูฮวากำลังหยอกล้อกับกัวกัวได้ไม่นาน แม่นมจางก็มาแจ้งว่า ฮูหยินใหญ่สั่งให้นางไปพบที่เรือนใหญ่ในตอนนี้ หลี่ซูฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปทันที
เมื่อมาถึงที่เรือนใหญ่ นอกจากจะพบกับฮูหยินใหญ่แล้ว นางยังได้พบกับบุรุษใบหน้าหล่อเหลาผู้หนึ่งอีกด้วย
"คารวะท่านแม่"
"ซูฮวา นี่คือหลานชายของข้า มีนามว่า เฟิ่งหยู ข้าจะยกเจ้าให้เป็นภรรยาของเขา"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดใดออกมา นางพอจะเดาออกอยู่ก่อนแล้ว ว่าที่ฮูหยินใหญ่เรียกนางมา ย่อมมิใช่เรื่องที่ดีเป็นแน่ หึ!!รีบร้อนกำจัดนางเสียจริง ถึงขนาดต้องหาพรรคพวกมาช่วยเชียวหรือ?
เฟิ่งหยูที่ได้เห็นหลี่ซูฮวาใกล้ๆเช่นนี้ ไฟราคะของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที สตรีงดงามเช่นนี้มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยให้หลุดมือไป
"ซูฮวา อีกสองวันข้าจะจัดงงานแต่งให้เจ้ากับหลานชายของข้า หึ!!ยามนี้ท่านปู่ของเจ้ากำลังวุ่นวายกับงานในวังหลวง รอเขากลับจวนมาเมื่อใด ข้าจะบอกเองว่าเจ้าหนีตามหลานชายข้าไปแล้ว"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอออกมาอย่างดูแคลน เฟิ่งหยูที่เห็นเช่นนั้นจึงถือวิสาสะก้าวเข้ามาหานาง หวังจะโอบกอดนางเอาไว้ แต่ทว่าหลี่ซูฮวากลับเยี่ยงกายหลบเขาเสียก่อน
"น้องซูฮวา พี่จะเป็นสามีที่ดีของเจ้า ท่านน้า!!ข้าขอเข้าหอกับนางคืนนี้เลยได้หรือไม่ขอรับ!!"
เฟิ่งหยูหันไปเอ่ยถามฮูหยินใหญ่อย่างกระตือรือล้น ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจเป็นอย่างยิ่ง
"เอาเถิด!!ทำไมจะไม่ได้เล่า อย่างไรเสียนางก็หนีเจ้าไม่พ้น ข้าสั่งคนให้คุ้มกันจวนตระกูลหลี่อย่างแน่นหนาแล้ว"
หึ!!คิดจะหนีข้าหรือ ครานี้เจ้าหนีข้าไม่พ้นเสียหรอกหลี่ซูฮวา ทานปู่ของเจ้ายามนี้ก็แทบไม่มีเวลากลับจวน ตอยดูสิว่าใครจะมาช่วยเหลือเจ้าได้ทันเวลา!!! หากข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกไปเสียแล้ว พ่อสามีจอมลำเอียงผู้นั้น จะทำสิ่งใดได้ ฮ่าๆๆ
หลี่ซูฮวาจ้องมองฮูหยินใหญ่ด้วยสายตาที่ล้ำลึก นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา ทำได้เพียงกลับมารอที่เรือนปีกซ้ายอย่างไม่มีปากเสียง
แม่นมจางที่ได้ยินเรื่องราวเช่นนี้ก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ในใจนึกด่าทอฮูหยินใหญ่อำมหิตผู้นี้เป็นพันครั้ง
"คุณหนู ฮืออออ"
"เลิกร้องไห้สักที แล้วมาช่วยข้าแต่งตัว คืนนี้ข้าจะต้อนรับว่าที่สามีให้ถึงใจเชียวล่ะ"
หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ หลี่ซูฮวายังคงนั่งจิบชาร้อนอยู่ในห้องนอนอย่างไม่ใส่ใจสิ่งใดแม้แต่น้อย อีกไม่นานเฟิ่งหยูคงจะมาถึงแล้ว นางกำลังจะมีเรื่องสนุกๆให้กัวกัวทำแก้เบื่อแล้วสินะ
"น้องซูฮวา!!"
เฟิ่งหยูที่ยามนี้ร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว เจารอนับวันเวลาจนถึงมืดค่ำเพื่อจะได้มาเจอนาง ไฟราคะมันเผาไหม้จิตใจของเขาจนร้อนรุ่ม ยิ่งคืนนี้คิดว่าจะได้เชยชมสาวงาม กายของเขาก็ร้อนราวกับไฟเผา
"ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำรุนแรงกับเจ้า!!"
เฟิ่งหยูก้าวเข้ามาหาหลี่ซูฮวาอย่างรวดเร็ว เขาจับแขนของนางเอาไว้ ก่อนจะลูบไล้มันอย่างหลงใหล ผิวพรรณของนางช่างนวลเนียนละเอียดราวกับแพรไหมชั้นดี ท่านน้าช่างใจดีกับเขาเหลือเกิน ที่มอบภรรยาเช่นนี้ให้แก่เขา
คืนนี้เขาจะทรมาณนางจนต้องร้องขอชีวิต!!
หลี่ซูฮวายื่นมือเรียวสวยของนางไปลูบไล้ใบหน้าของเฟิ่งหยูอย่างยั่วยวน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หวานกังวานใสชวนฟังแต่ทว่ามันกลับแฝงเอาไว้ด้วยความเยือกเย็นแปลกๆ
"คืนนี้ข้าก็จะทำให้พี่เฟิ่งหยูจำข้าได้ไม่ลืมเช่นกันเจ้าค่ะ จำไปชั่วชีวิต"
"ซูฮวา"
"กัวกัว!!!!"
"โฮ่ง!"
สิ้นเสียงของหลี่ซูฮวา กัวกัวสุนัขล่าเนื้อตัวใหญ่ก็คลานออกมาจากใต้เตียง มันยืดเหยียดกายอย่างเกลียดคร้าน ก่อนจะเหลือบสายตาคมจ้องมองเหิ่งหยูอย่างไม่เป็นมิตร
เฟิ่งหยูเริ่มรับรู้ได้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เขาจ้องมองหลี่ซูฮวาอย่างเย็นชา
"เจ้าคิดจะทำสิ่งใด!!!"
"แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะทำสิ่งใดเล่า?"
เฟิ่งหยูรีบผลักหลี่ซูฮวาออกจากตัวทันที ก่อนจะวิ่งไปที่ประตู แต่ทว่าประตูกลับถูกปิดเอาไว้จากด้านนอก หลี่ซูฮวายกยิ้มอำมหิต นางเป็นคนสั่งให้แม่นมจางปิดประตูด้านนอกเอาไว้เอง หึ!!คุ้มกันจวนแน่นหนาอย่างนั้นหรือ โง่สิ้นดี!!
เขามีท่าทีตื่นกลัวเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่หลี่ซูฮวาเดินไปนั่งจิบชาร้อนอย่างสบายอารมณ์
"นังปีศาจ!!!"
"หึ!!ไปด่าท่านน้าของเจ้าสิ นางเป็นคนส่งเจ้ามาหาข้าเอง ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด ฮ่าๆๆๆ!!กัวกัว!! ลงมือ!!!"
สิ้นคำสั่งของหลี่ซูฮวา กัวกัวก็พุ่งกายเข้าหาเฟิ่งหยูทันที
"อ๊าส์!!!!!!!!"
มันฝังคมเขี้ยวลงบนใบหน้าของเฟิ่งหยูอย่างเต็มแรง ก่อนจะกัดกระชากฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเฟิ่งหยูจนขาดหลุดหลุ่ย หลี่ซูฮวาที่ได้เห็นเช่นนั้นก็วางถ้วยชาในมือลง ก่อนจะปรบมืออย่างชอบใจ
"ดีมาก เด็กดี กัวกัว กัดตรงนั้นสิ!!ตรงแท่งๆนั่นน่ะ!!"
"อย่า!!อย่า ซูฮวา ได้โปรด!!!อ๊าส์!!!"
กัวกัวใช้เขี้ยวแหลมคมกัดกระชากลำแท่งความเป็นชายของเฟิ่งหยูจนขาดสะบั้นหลุดออกมาทั้งลำ ช่างเป็นภาพที่หวาดเสียวไม่น้อย ก่อนจะคายมันลงตรงหน้าหลี่ซูฮวา กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลี่ซูฮวาต้องเปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายกลิ่น
"กัวกัว เอามาให้ข้าทำไม!!ข้าไม่เอา ทั้งเล็กทั้งสั้น!!"
เฟิ่งหยูในยามนี้ถูกกัวกัวจัดการเสียจนสะบักสะบอม เขาจ้องเสียแขนไปหนึ่งข้างจากการถูกสุนัขล่าเนื้อตัวนี้ฉีกทึ้งร่างอย่างอำมหิต
นี่มันนังปีศาจ!!!
หลี่ซูฮวาเดินเข้ามาใกล้ๆเฟิ่งหยู ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเย็นชา เฟิ่งหยูหวาดกลัวจนตัวสั่น ยามนี้เขามองนางเหมือนภูตผีร้ายอย่างไรอย่างนั่น
"อย่า อย่าทำข้า ข้ากลัวแล้ว!!"
"เอาเถิด ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก เจ้าอย่ากลัวไปเลย อีกครู่ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่เรือนใหญ่ เจ้าเพียงอย่ามายุ่งกับข้าอีก จำเอาไว้ คนที่คิดทำร้ายข้า ข้าไม่เคยปล่อยให้มันรอดสักราย!!"
เฟิ่งหยูพยักหน้าอย่างอ่อนแรง ยามนี้เลือดในกายของเขาแทบจะหมดสิ้นแล้ว เขาไม่เอาแล้ว เขาไม่อยากได้นางเป็นภรรยาแล้ว!!
หลี่ซูฮวาหันไปมองกัวกัว ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะมันอย่างเอ็นดู นับว่ามันยอมเชื่อฟังนางอย่างมาก แม้จะดุร้าย แต่หากนางสั่งให้มันหยุด มันก็ยอมหยุดแต่โดยดี ราวกับว่ามันเคยผ่านการถูกอบรมสั่งสอนมาก่อนหน้านี้
กัวกัวเองก็มองหลี่ซูฮวาเช่นกัน มันส่ายหางพลางสางเสียงครางหงิงๆ ออดอ้อนนาง นับแต่ที่นางช่วยชีวิตมัน มันก็รู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องภักดีต่อนาง