บทที่ 4

2417 Words
หลี่ซูฮวากลับมาที่เรือนปีกซ้ายด้วยความรู้สึกที่พอใจเป็นอย่างยิ่ง การได้ลงไม้ลงมือกับแม่ครัว ทำให้นางรู้สึกโล่งสบายใจเป็นอย่างยิ่ง รุ่งเช้าวันต่อมา หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาแต่เช้า นางเดินไปที่สวนท้ายจวนเพื่อยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายเข้าที่เข้าทางเสียหน่อย ร่างกายนี้อ่อนแอบอบบางเกินไป โชคดีที่นางค่อยๆปรับสภาพได้ และหมั่นฝึกฝนออกกำลังกายบ่อยๆ ร่างนี้จึงแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เมื่อกลับมาถึงก็พบกับอาหารชุดใหญ่ที่ห้องครัวส่งมาให้ ทั้งเนื้อตุ้น โจ๊กที่ข้นจนเห็นเม็ดข้าว อีกทั้งยังมีผักสดอีกมากมาย หลี่ซูฮวาที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก หึ!!ไม่ทุบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยสินะ!! หลังจากอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อย คนของเรือนใหญ่ก็มาแจ้งแก่นางว่าให้รีบไปที่เรือนใหญ่ทันที หลี่ซูฮวาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะค่อยๆเดินไปที่เรือนใหญ่อย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อนางมาถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษดังแว่วออกมาจากในเรือนใหญ่ ผสมผสานกับเสียงสตรีน้อยนางหนึ่งที่ใสกังวานราวกับระฆังใบใหญ่ เมื่อหลี่ซูฮวาเดินเข้าไปเรือนใหญ่ ผู้คนที่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ห้องโถงกลางเรือนก็พลันมีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมาทันที "ซูฮวา มาแล้วหรือ มานั่งข้างๆปู่นี่มา" "เจ้าค่ะ" หลี่กวงเว่ยเอ่ยขึ้นมาก่อน ด้วยเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของหลี่ซูฮวา วันนี้ชินอ๋องนำของหมั้นมามอบให้หลี่ชิงเยียนถึงในจวน และยังจะมาขอถอนหมั้นกับหลี่ซูฮวาอีก เขาเองก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องนี้มากเท่าใดนัก หลี่ซูฮวาเดินเข้าไปทิ้งกายนั่งข้างหลี่กวงเว่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย นางปรายตามองบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อคมเข้ม ดวงตาที่ดูเย็นชาคู่นั้น จ้องมองมาที่นางอย่างไม่ใส่ใจ ชินอ๋อง เสิ่นเทียนเหยา เขาเป็นอดีตคู่หมั้นของนาง ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรงโปรดปราณท่านปู่เป็นอย่างยิ่ง จึงอยากเกี่ยวดองเป็นญาติกัน และได้หมั้นหมายนางกับเสิ่นเทียนเหยาปากเปล่าเอาไว้ ไม่ได้มีราชโองการใดใดเลยด้วยซ้ำ นี่จึงทำให้เสิ่นเทียนเหยาลำพองใจนึกอยากจะถอนหมั้นกับนางเมื่อใดก็ย่อมได้ เหอะ!!ใครสนกันเล่า นางก็ไม่ได้อยากเป็นชายาของเขาเสียหน่อย หลี่ซูฮวาละสายตาไปจากเสิ่นเทียนเหยา ก่อนจะสบสายตากับหลี่ชิงเยียน น้องสาวต่างมารดา หลี่ชิงเยียนส่งสายตาดูแคลนและเย้ยหยันมาให้หลี่ซูฮวาอย่างไม่ปิดบัง หึ!!ท่านอ๋องรักนาง ไม่มีวันรักพี่สาวต่ำช้าของนางอยู่แล้ว ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!! หลี่เทียนเหยาที่ได้เห็นใบหน้าสวยหวานของหลี่ซูฮวาไร้ซึ่งความรู้สึกใดใดก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ไหนแต่ไรมานางเอาแต่ส่งสายตายั่วยวนให้แก่เขา แต่เพราะนางอ่อนแอขี้โรคอีกทั้งยังโง่เขลา เขาจึงไม่สนใจนาง แต่เหตุใดวันนี้นางจึงดูงดงามกว่าปกติกันเล่า? ฮูหยินใหญ่ที่เห็นว่าหลี่ซูฮวามาถึงแล้ว จึงรีบเอ่ยปากขึ้นมาทันที "ทูลท่านอ๋อง วันนี้หม่อมฉันขอบพระทัยท่านอ่องยิ่งนักเพคะ ที่ทรงเมตตาหลี่ชิงเยียน" เสิ่นเทียนเหยาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มให้ฮูหยินใหญ่อย่างไม่ถือตน "เท่านี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับชิงเยียน นางเป็นสตรีที่งดงามเพรียบพร้อม อีกทั้งยังเก่งกาจรอบด้าน สตรีเช่นนี้ข้าคงมิอาจปล่อยให้หลุดมือไปได้" หลี่ชิงเยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย หลี่ซูฮวาที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นกำลังลอบบิดเบ้มุมปากอย่างดูแคลน "หวังว่าท่านราชครูคงจะเข้าใจใช่หรือไม่ หากข้าจะขอรับชิงเยียนเป็นชายาเอก" "กระหม่อมเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ" เสิ่นเทียนเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปมองหลี่ซูฮวาอีกครา อยู่ๆในใจของเขาก็รู้สึกคันยุบยิบขึ้นมา ยิ่งได้เห็นใบหน้าของนางที่ดูงดงามกว่าแต่ก่อน ใจของเขาก็รู้สึกสั่นสะท้านเกินจะทานทน "ส่วนเจ้าซูฮวา หากเจ้าไร้ที่พึ่ง ข้ายินดีรับเจ้าไปเป็นอนุของข้า" หลี่กวงเว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที นี่มิเท่ากับดูถูกหลานสาวของเขาหรอกหรือ เขาหันไปมองหลี่ซูฮวาคราหนึ่ง แต่กลับว่านางกลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับมิได้ใส่ใจเรื่องใดเลยแม้แต่น้อย "ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเมตตา แต่หม่อมฉันไม่อยากเป็นอนุของผู้ใดเพคะ หม่อมฉันยินดีเป็นสตรีแก่อยู่ในเรือน ดีกว่าต้องใช้ชีวิตร่วมกับบุรุษใจหยาบเพคะ ท่านปู่หากไม่มีสิ่งใดแล้ว หลานขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" ไม่รอคำตอบ นางก็ลุกขึ้นเดินออกจากเรือนใหญ่ทันที เสิ่นเทียนเหยากัดฟันกรอด นี่นางกล้าปฏิเสธเขาเชียวหรือ เขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่นางกลับกล้าฉีกหน้าเขา!! เมื่อไฟโทสะปะทุ เสิ่นเทียนเหยาจึงก้าวเดินตามนางไปทันที โดยไม่สนใจหลี่ชิงเยียนอีก "หยุดเดี๋ยวนี้!!ซูฮวา" หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้น จึงหันกลับไปมองเสิ่นเทียนเหยาด้วยสายตาดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง "มีสิ่งใดหรือเพคะ?" "เจ้าอย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย สตรีเช่นเจ้าข้ากล้าพนันว่าไม่มีบุรุษใดคิดเอาไปทำภรรยา!!" "แล้วอย่างไรเล่าเพคะ?" "หึ!!แต่งเป็นอนุของข้าซะ แม้จะไม่ได้เป็นภรรยาเอก แต่ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าอดอยาก อย่างไรเสียข้าจะแวะเวียนไปหลับนอนกับเจ้าบ้าง เจ้าคงจะพอใจ" เสิ่นเทียนเหยาต่อว่าหลี่ซูฮวาด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง หลี่ซูฮวายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะจ้องมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างรังเกียจ "หม่อมฉันไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับคนบ้าเพคะ ขอทูลลา อ้อ อีกอย่าง เราสองคนไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันแล้ว ขอพระองค์ทรงให้เกลียดหม่อมฉันด้วยนะเพคะ" หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนปีกซ้ายตามเดิม ยามนี้นางยังมีงานที่ต้องสะสางอีกมากมาย นั่นคือนางต้องส่งภาพวาดร่วมรักให้แก่ร้านหนังสือสราญรมย์ หลี่ซูฮวามีความสามรถพิเศษคือการวาดรูป เท่าที่นางศึกษาภาพวาดจากร้านหนังสือร้านนั้นมาก็ไม่ได้ถือว่าโดดเด่นมากเท่าใดนัก ออกจะเป็นท่วงท่าเดิมๆเสียมากกว่า หึ!!นางจะต้องเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกนิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงจัดการวาดภาพเหล่านั้นทันที ตกดึกหลี่ซูอวาก็แต่งกายเป็นชายนางปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดก่อนจะออกไปจากจวนตระกูลหลี่ นางมีนัดหมายกับเถ้าแก่ร้านสราญรมย์ ร้านหนังสือร่วมรักที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในต้าเฉวียน นางลองนำภาพวาดไปให้เขาดูคราก่อน เถ้าแก่ร้านเอ่ยปากชมว่าเป้นภาพวาดที่งดงาม ท่วงท่าก็เร่าร้อนเสียจนทนไม่ไหว นางต้องนัดหมายส่งสินค้าในตอนดึก เพราะตอนกลางวันนางไม่สะดวกเท่าใดนัก เมื่อมาถึงที่ร้านสราญรมย์ หลี่ซูฮวาก็นำหนังสือเกือบร้อยเล่มมามอบให้กับเถ้าแก่ร้านทันที "โอวว นายน้อยท่านมาแล้วหรือ" "อืม นี่เป็นหนังสือต้นฉบับร้อยแปดกระบวนท่า ข้าขายให้ท่านทั้งหมด" หลี่ซูฮวาแกล้งดัดเสียงเป็นบุรุษได้อย่างไร้พิรุธ เถ้าแก่ค่อยไรับสมุดภาพวาดเหล่านั้นมาเปิดดู ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความพึงพอใจ ไอหยา!!!ดูกลีบบุปผาสองกลีบนั่นสิ ช่างเหมือนจริงยิ่งนัก "พอใจหรือไม่?" "วันนี้มีแค่นี้หรือ?" "เกือบร้อยเล่มเชียวนะเถ้าแก่ ข้าใช้เวลาวาดตั้งหลายวันเชียวล่ะ มากกว่านี้ข้าคงวาดให้ท่านไม่ทัน" "นายน้อยจะคิดเท่าใด?" "หนึ่งหมื่นตำลึงขาดตัว" "ไอหยา!!มันจะไม่มากไปหรือ?" "ข้ารับรองว่าท่านจะขายได้เยอะเสียจนต้อนรับลูกค้าไม่ทันเชียวล่ะ" "จริงหรือ?" "จ่ายมา มิเช่นนั้นข้าคงต้องนำไปขายที่ร้านอื่น" "ไม่ได้!!หนึ่งหมื่นตำลึงข้าก็ยอมจ่าย รอข้าสักครู่" หลี่ซูฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ไม่นานนักเถ้าแก่ร้านก็นำตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมามอบให้กับนาง หลี่ซูฮวายื่นมือไปรับตั๋วเงินเหล่านั้นมาเก็บเอาไว้ด้วยความยินดี "นายน้อย หากมีลูกค้าถามว่าใครเป็นนักวาด จะให้ข้าบอกพวกเขาเช่นไร?" "บอกว่าข้าคือนักวาดเงามืดก็พอ" "นายน้อย สนใจค้าขายกับข้าหรือไม่ ท่านนำภาพวาดใหม่ๆมา ข้าก็จะแบ่งให้ท่านท่านเล็กๆน้อยๆ" "ครึ่งหนึ่งของยอดขาย!!" "ไอหยา!!" "ไม่รับปากข้าก็ไม่นำภาพวาดมาส่งให้เจ้า เห้อ ฝีมืออย่างข้า หากไปร้านอื่นก็จะต้องขายได้มากกว่าร้านเจ้าเป็นแน่" เถ้าแก่ร้านมีสีหน้าครุ่นคิดคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย "ตกลง" "ดี ไว้ข้าจะมาส่งภาพวาดอีก" หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบกลับจวนตระกูลหลี่ทันที รุ่งเช้าก็มีข่าวลือหนาหูว่าร้านสราญรมย์มีภาพวาดร่วมรักออกใหม่ ท่วงท่าเร่าร้อน ผู้คนต่างพากันไปแย่งซื้อเพื่อนำกลับไปลองทำกับภรรยาของตนที่จวน จ้าวเฉินอวี้ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก ต้าเฉวียนค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องเช่นนี้มานานแล้ว เขาจึงปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่หากมีบางสิ่งที่มากเกินไป หรือทำให้เกิดเหตุลวนลามเอาเปรียบสตรีเรื่องนั้นเขาก็ไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นเช่นกัน จ้าวเฉินอวี้เดินเข้าไปในร้านสราญรมย์ ก่อนจะซื้อหนังสือเล่มนั้นที่หลี่ซูฮวาเป็นคนวาดมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้ากลับจวนตระกูลจ้าวทันที เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลจ้าว เขาก็รีบเปิดหนังสือเล่มนั้นดูอย่างไม่รอช้า อยากจะรู้ยิ่งนักว่ามีอะไรดีมากมายกัน ผู้คนถึงแย่งชิงกันซื้อขนาดนั้น แต่ทว่าเมื่อเขาเปิดดูก็ถึงกับต้องตกตะลึง เหตุใดจึงงดงามเช่นนี้เล่า ใครเป็นคนวาดกัน!!ช่างเหมือนกับคนจริงไม่มีผิด ฝีมือเยี่ยมยอดไม่เบา อีกทั้งท่วงท่าก็ยังแปลกใหม่ แล้วยังมีบางท่าที่เขาไม่เคยเห็นอีกด้วย จ้าวเฉินอวี้กวาดตามองภาพวาดเหล่านั้นภาพแล้วภาพเล่า จนกระทั่งมาถึงภาพหนึ่ง ที่มีสตรีน้อยนางหนึ่งที่เรือนกายไร้ซึ่งอาภรณ์ใดใดปกปิด กำลังอ้าเรียวขางามออกจนกว้าง เผยให้เห็นกลีบกุหลาบสวยสองกลีบที่ชวนมอง ฉับพลันจ้าวเฉินอวี้ก็คิดถึงบั้นท้ายของหลี่ซูฮวาขึ้นมา บั้นท้ายของนางใหญ่มากช่างเย้ายวนเหลือเกิน บั้นท้ายยังขนาดนี้น กลีบ.....จะขนาดไหน!!จะเหมือนในภาพวาดหรือไม่? ให้ตายเถอะเขาจะทนไม่ไหวแล้ว!!! เมื่อคิดได้เช่นนั้นจ้าวเฉินอวี้จึงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด มือหนาใหญ่เลื่อนไปกอบกุมและสาวชักลำแท่งเอ็นร้อนของตนอย่างถี่ระรัว ปากก็ส่งเสียงครวญครางอย่างไม่ขาดสาย "ซูฮวา ซี๊ดดดด" ยิ่งคิดถึงใบหน้างดงามราวนางสวรรค์ของนาง จ้าวเฉินอวี้ก็รู้สึกหลงใหลเป็นอย่างมาก ตั้งแต่วันที่ได้พบนาง เขาก็ทำเช่นนี้แทบทุกวัน เขาไม่เคยหลงใหลเพ้อฝันถึงสตรีใดมาก่อนจนได้มาพบเจอกับนาง เหตุใดเขาจึงหลงใหลนางถึงเพียงนี้!!! "โอววว ซูฮวาาา ข้าไม่ไหวแล้ว อื้อออ!!" เขาเร่งจังหวะมือให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ปากก็ร่ำร้องเรียกนางมิหยุดหย่อน ไม่นานนักน้ำรักก็พุ่งกระฉูดออกมาจากลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ยาวของเขา จนเลอะเทอะเต็มพื้นไปหมด ท่านแม่ทัพจ้าวผู้เป็นบิดาที่เพิ่งกลับมาถึงจวน กำลังมุ่งหน้ามาที่เรือนของบุตรชายคนโต แต่เมื่อเข้ามาถึงเขากลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนปานจะขาดใจของจ้าวเฉินอวี้ ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น พลางลอบก่นด่าบุตรชายในใจ บัดซบ!!มันชักอีกแล้วลูกเวร!! เขารอจนกระทั่งเสียงเงียบลง จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที ภาพตรงหน้าทำให้เขาถึงกับทำหน้าไม่ถูก!! มารดามันเถอะ!! ยาวกว่าเขาสมัยหนุ่มเสียอีก จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นว่าผู้เป็นบิดาเข้ามาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าใดนัก ท่านพ่อก็ช่างวุ่นวายนัก มาตอนเขาทำเช่นนี้ตลอดเลย!!! "ท่านพ่อ" "เฉินอวี้ เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันเลอะเทอะเพียงใด?" "อีกเดี๋ยวพ่อบ้านคงจะมาเก็บกวาดขอรับ แต่ท่านพ่อช่วยบอกให้เขารอก่อนนะขอรับ ลูกวางแผนว่าอาจจะชักอีกสักรอบในไม่ช้านี้" แม่ทัพจ้าว "....." แม่ทัพจ้าวจ้องมองกล้ามแขนของบุตรชายที่ดูจะใหญ่ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ก็ลอบถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง "อาเฉิน เจ้าเบาๆบ้างเถิด เกิดมันเสียหายก่อนแต่งภรรยาจะทำเช่นไร อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ พ่อบ้านมาแจ้งข้า ว่าหลายวันมานี้เจ้ามิหยุดพักมือเลย" จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาคมก็ฉายแววเย็นเยียบ พ่อบ้านบัดซบ!!!คงจะอยากตายสิท่า!! "อาเฉิน" "ท่านพ่อมาพูดเพียงเรื่องนี้หรือขอรับ ลูกไม่ได้ทำสิ่งใดผิด นี่คือความพอใจของลูก เวลาท่านพ่อแอบไปทำลูกยังไม่เคยว่าสักคำ!!" "อาเฉิน!!" "ท่านพ่อทำลูกยังไม่ว่า!!" "ข้านานๆจะชักสักครา ไม่เหมือนเจ้า!!" แม่ทัพจ้าวเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเอ่ยวาจาเลอะเทอะไปเสียแล้ว จึงรีบถลึงตาใส่บุตรชายทันที ลูกเวร!! แต่ก็มีบางช่วงที่ข้าทำถี่ๆเช่นกัน บัดซบ!!จะมาสนทนาเรื่องการศึก เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD