ตอนที่ 16

3764 Words
ฌาร์มกลับถึงบ้านหลังบิดาและศิตา ซึ่งพร้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่เมื่อเห็นพันธุดาเดินเข้ามาทักทายทำให้รอยยิ้มของศิตาจางไป บิดาของ ฌาร์มเองแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นพันธุดามากับฌาร์ม หลังจากที่เลิกรากันไปนานพอสมควร “ยังไงกัน พ่อตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า” ชัชวาลพูดขึ้น “ไม่มีอะไรค่ะ พ่อ หนูกลับมาตามตื้อพี่ฌาร์มอยู่ แต่ยังไม่ใจอ่อน” พันธุดาบอกแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สังเกตท่าทางการดูแลเอาใจใส่ที่บิดาของ ฌาร์มมีให้กับศิตาน่าอึดอัดอยู่เหมือนกัน ฌาร์มเดินไปหยิบเบียร์มาเผื่ออดีตคนรักที่ยิ้มและทำปากคล้ายจูบให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ “ดื่มไหมครับ คุณซีน” ชัชวาลถาม “ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ” “เราน่ะ อย่าเยอะนะ ขับรถจะโดนจับเอา” ชัชวาลบอกกับพันธุดา “เมาไม่กลับค่ะ พ่อ ขออนุญาตไว้เลยนะคะ” ฌาร์มยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรและดูแลเอาใจใส่พันธุดาเหมือนที่เคยทำ ชัชวาลยิ้มๆ มองดูลูกสาวที่ท่าทางดูมีความสุขดีหรือบางทีความรักอาจจะหวนกลับมาอีกครั้ง “ก็ดีนะ พ่ออนุญาตดื่มได้เต็มที่เลย” บทสนทนาจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไปส่วนใหญ่เป็นชัชวาลกับพันธุดา ซึ่งขยันหาเรื่องมาทำให้ท่านยิ้มและหัวเราะได้เสมอ นั่นเป็นเสน่ห์ที่ครั้งหนึ่งฌาร์มเคยหลงใหล เพราะพันธุดาเข้ากับคนได้ง่าย บิดาและมารดาเอ็นดูพันธุดาอยู่มาก ฌาร์มยิ้มจางๆ เมื่อบรรยากาศพาให้คิดถึงมารดาขึ้นมา แต่ที่นั่งตรงที่ท่านเคยนั่งกลายเป็นที่นั่งของศิตาไปเสียแล้ว ฌาร์มเดินเข้ามาในห้องครัว เพื่อจัดผลไม้ออกไปให้พันธุดาแต่เมื่อหันมาเห็นศิตาเข้า จึงยิ้มจางๆ และจัดผลไม้ต่อไป “แพทน่ารักดีนะ เข้ากับครอบครัวฌาร์มได้ดี” ศิตาเข้ามายืนข้างๆ และช่วยปอกผลไม้ “คุณซีนก็เข้ากับครอบครัวเราได้ดี” ฌาร์มพูดขึ้น “ซีนว่า ซีนกลับไปอยู่บ้านดีว่า” ศิตาบอก “อีกไม่นานก็ย้ายเข้ามาใหม่ ห้องนอนใหม่” “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ศิตาพูดเสียงอ่อยๆ “มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” ฌาร์มเอามืออ้อมมาทางด้านหลังของศิตาเพื่อหยิบผลไม้ทำให้ร่างกายเบียดชิดกันเล็กน้อย ศิตาหันมามองสบตาและจ้องเขม็งเพราะรู้ดีว่า โดนเด็กยั่วเข้าให้อีกแล้ว จูบที่ทาบทับทำให้ ฌาร์มตกใจ “อย่าคิดนะว่าจะยั่วอยู่ได้ฝ่ายเดียว อย่าให้ถึงทีซีนมั่งก็แล้วกัน” “แบบนี้ไม่เรียกยั่วนะ ถึงเนื้อถึงตัวเกินไป” ฌาร์มพูดคล้ายดุ “แล้วขยับริมฝีปากทำไม” ศิตาชวนทะเลาะ แต่ไม่ได้ส่งเสียงดังนักเกรงว่าคนที่อยู่ข้างนอกจะได้ยิน “ก็ตกใจ ใครจะคิดล่ะ” “อย่ามาทำพูดดี หยิบผลไม้ก็ไม่ได้ต้องแบบนั้นไหม เดินมาหยิบดีๆ ก็ได้” ศิตาพูดต่อว่าอีก “อ้าวก็คนมันขี้เกียจเดิน ต้องทำงานเดินดูแลลูกค้าทั้งวัน ก็ต้องมีเมื่อยกันบ้าง คุณซีนไม่เดินหนีไปล่ะ” ฌาร์มพูดต่อล้อต่อเถียง จนน่าหมั่นไส้ “นี่ๆ ลีลาเยอะนักนะ” ศิตาหยิกเข้าให้ที่แขน แต่ฌาร์มไม่กล้าร้องเสียงดังทำเพียงแค่เอี้ยวตัวเล็กน้อย “อย่าทำแบบนี้ให้แพทเห็นนะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่า เรามีอะไรกันอีกอย่างคืนนี้ต้องนอนเตียงเดียวกันสามคนด้วยนะคะ” ฌาร์ มอมยิ้มยักคิ้วให้แล้วยกจานผลไม้ออกไปด้านนอก “ยายชามข้าว มันน่านักนะ” ศิตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่เมื่อฌาร์มเดินหายไปก็ยิ้มออกมา เพราะความน่ารักของฌาร์มถึงแม้ว่าจะกวนไปบ้างแต่ก็ทำให้มีความสุข โดยเฉพาะริมฝีปากเรียวบางที่ตอบรับสัมผัสเล็กๆ ไปเมื่อสักครู่ ศิตาอาบน้ำก่อน ตามด้วยพันธุดาจอมป่วนในความรู้สึกของศิตาและสุดท้ายคือเจ้าบ้าน แขกที่เพิ่งมาหัวเราะคิกคักเมื่อแทรกตัว เข้าระหว่างกลางศิตากับฌาร์ม รายหลังยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่า พันธุดาตั้งใจมาป่วนแต่ไม่รู้ว่าจะไปทำให้ศิตารำคาญไหม “อิจฉาคุณซีน” พันธุดาพูดขึ้น แล้วหันไปมองทางศิตาทีทางฌาร์มทีซึ่งทั้งสองคนเริ่มพลิกตัวหันหลังให้ “แหมทีงี้มานอนหันหลัง รู้นะว่าวันอื่นน่ะ หันหน้าให้กันใช่ปะล่ะ” “พี่ฌาร์มหันมาทางนี้สิ” พันธุดาสะกิดฌาร์มที่หันมาทันที ชะเง้อมองไปทางศิตาเล็กน้อย คนที่สะกิดทำปากขมุบขมิบ “ยังจำวันแรกที่พี่ฌาร์มพามานอนที่ห้องนี้ได้เลย ตื่นเต้นมาก” “พี่ฌาร์มน่ะ เวลาอยู่ตามลำพังขี้อ้อนสุดๆ” พันธุดาไม่ได้หันไปมอง ศิตาแต่แอบขำแบบไม่มีเสียง เพราะรู้ดีว่าหากหันไปมีหวัง คงได้โดนบีบคอตายคามือแน่ “เสียดายเนอะมีพี่ก้าวเป็นคู่แข่ง แต่จะแข่งกันแบบยุติธรรม ถ้าเลือกใครก็คนนั้นแหละ” พันธุดาพูดไปเรื่อย ฌาร์มยิ้มกับความ แสบของพันธุดาที่อยากแกล้งศิตา “มากอดมาจะได้หยุดพูดเสียที พี่ชักง่วงแล้วล่ะ” ฌาร์มยิ้มที่พันธุดาแกล้งขยับตัวเข้าหาให้แรงกว่าปกติ เพื่อจะได้สะเทือนไป ถึงศิตา “อุ่นเหมือนเดิมเลยเนอะ” พันธุดาไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของฌาร์มทั้งหมดเป็นการพูดเพื่อให้คนที่นอนหันหลังเข้าใจผิดคิดว่าฌา ร์มกอดจริง “ฝันดีนะ พี่ฌาร์ม” เสียงหอมดังฟอดใหญ่ทำให้ศิตาถึงกับจิกผ้าห่มเอาไว้แน่น แต่พยายามข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ฌาร์มส่ายหน้ามองดูพันธุดาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หอมที่มือตัวเองอีกครั้งทำเสียงดังมากกว่าเดิมและสองสาวยิ้มให้กันก่อนจะหลับตาลง เช้าวันใหม่ศิตาหลับๆ ตื่นๆ แต่เมื่อหันไปดูสองสาวที่นอนอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนหายไปแล้ว ศิตามองดูนาฬิกาถึงได้รู้ว่า ตัวเองตื่นสายไม่รู้สึกตัวเลยว่า ฌาร์มกับพันธุดาออกไปตั้งแต่เมื่อไร ศิตาเดินไปเปิดม่านดูรถยนต์ของทั้งสองก็ไม่อยู่แล้ว ฌาร์มมาอยู่ที่ห้องเสื้อของศิตารับประทานอาหารเช้ากับก้าวหน้า ซึ่งหัวเราะคิกคักยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อฟังเรื่องราวจอมป่วนที่ขอตัวกลับไปนอนต่อที่บ้าน ศิตาลงมาซื้อเครื่องดื่มพอดี จึงเห็นเข้าแต่ทำเป็นไม่ได้สนใจอะไรเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ให้ก้าวหน้าซึ่งพนมมือไหว้ทักทายเหมือนทุกวัน ไม่ยอมชายหางตามองฌาร์มเลยสักนิด เสียงหัวเราะที่ได้ยินทำให้ศิตารู้สึกหงุด หงิดซึ่งอาการคงตกค้างมาตั้งแต่เมื่อคืน ยิ่งเช้านี้มาเห็นหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับก้าวหน้าอีก แก้วที่ถืออยู่จึงถูกบีบจนบู้บี้กาแฟที่เอ่อล้นออกมาจึงหกรดไปที่เสื้อจนสัมผัสเข้าที่ผิวรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอยู่เหมือนกัน มือของคนที่นำผ้าเช็ดหน้ามาช่วยซับให้ทำให้ศิตาเงยหน้ามองดู ทั้งๆ ที่จากมือที่เห็นอยู่ ศิตารู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร “ไม่ต้องหรอก ซีนจัดการเองได้” ก้าวหน้ามองดูอยู่ห่างๆ ก่อนจะยื่นกระดาษชำระให้กับศิตา น้ำเสียงที่ได้ยินทำให้ก้าวหน้ารู้ได้ เลยว่า สิ่งที่คิดว่าจะบีบให้น้าซีนยอมเปิดใจและเปลี่ยนใจไม่น่าจะได้ผล อาจจะทำให้เครียดมากขึ้นกว่าเดิมอีก ก้าวหน้าสังเกตจาก อาการและท่าที ถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฌาร์ม แต่เมื่อยามที่อีกคนเข้าใกล้ก็จะแสดงอาการออกมาไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุผล คือ อะไร หากรักชอบฌาร์มทำไมถึงไม่พูดกันตรงๆ ว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้ไปเป็นว่าที่แม่เลี้ยงแทนที่จะเป็นคนรัก “น่าจะต้องไปล้างตัวทายาด้วยก็ดีนะคะ น้าซีน” “เดี๋ยวน้าจัดการเอง ขอบใจนะ” ศิตารีบเดินหนีไป ฌาร์มหันมามองสบตากับก้าวหน้าซึ่งพยักหน้าให้รีบตามไป “น้าซีนมียาอยู่ที่ห้องนั่นแหละ” ฌาร์มยิ้มแล้วรีบเดินตามไปทันที ฌาร์มเดินตามเข้าไปในห้องน้ำและปิดล็อคเอาไว้ เดินเข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ ซึ่งศิตากำลังเช็ดไปที่ผิวบริเวณโดนกาแฟร้อนหกใส่ แต่เมื่อเห็นฌาร์มเลยปล่อยชายเสื้อลงมาเหมือนเดิม ฌาร์มเดินเข้าไปโอบจากทางด้านหลัง โดยมองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ศิตายืน นิ่งฌาร์มขยับตัวเล็กน้อยหน้าอกจึงเบียดชิดเข้ากับแผ่นหลัง สองสาวมองสบตากับผ่านกระจกเงา ศิตาอยาก จะดึงช่วงเวลาเอาไว้ให้เนิ่นนาน เพราะถึงแม้จะอยู่บ้านเดียวกัน แต่ความเหินห่างที่พยายามแสดงออกให้กันทำให้รู้สึกห่างไกลมากเสียกว่าการอยู่คนละที่เสียอีก ชายเสื้อของศิตาถูกฌาร์มดึงขึ้นจนเห็นรอยแดง ผ้าเช็ดหน้าจึงค่อยๆ สัมผัสไปที่ผิวบริเวณที่มีรอยแดง ซึ่งทำให้ศิตารู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยจึงเบียดตัวเข้าหาฌาร์มที่ขยับตัวให้แนบชิดขึ้นอีก “แสบมากหรือเปล่า” ฌาร์มถาม “นิดหน่อย” ศิตาบอก “ยาอยู่ที่ไหนคะ ฌาร์มจะไปเอาให้” ฌาร์มถามศิตา ซึ่งเมื่อพูดคุยกันดีๆ รวมถึงน้ำเสียงของความห่วงใยทำให้ศิตาพูดดีด้วยเช่นกัน ฌาร์มกลับมาในเวลาไม่นานนักและทำเหมือนเดิมซึ่งเข้าสวมกอดจากทางด้านหลังและค่อยๆ ทายาให้โดยมองผ่านกระจก “ขอบคุณนะ” ศิตาบอกและเอามือลูบไล้เบาๆ ไปที่แขนของคนที่กอดกระชับอยู่ “ถ้าไม่ใช่พ่อ ฌาร์มจะทำทุกทางให้ได้ซีนคืนมา” ฌาร์มจ้องเขม็ง “ซีนรับปากอะไรไว้ ซีนต้องทำอย่างที่รับปากเหมือนกัน” “เราอยู่ร่วมบ้านกันได้จริงๆ หรือ ถ้าสถานะเปลี่ยนไป” ฌาร์มถามแล้วเริ่มมีน้ำตารื้น แค่คิดก็เจ็บปวดแล้ว แต่เหนืออื่นใดก็ พยายามหาเหตุผลเพื่อจะช่วยให้ตัวเองเจ็บปวดน้อยลง ศิตายิ้มจางๆ และเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมาและค่อยๆ หันหลังกลับมาเพื่อโอบกอดปลอบโยนฌาร์มเอาไว้ “ซีนควรบอกกับพ่อฌาร์มไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น” ฌาร์มกอดกระชับเอาไว้ให้แน่นขึ้นอีก เพราะคนที่สะอื้นจนตัวโยนทำให้รู้ได้เลย ว่า ศิตากักเก็บความเสียใจเอาไว้ไม่น้อยไปกว่าฌาร์ม อาจจะไม่ใช่เพราะสถานะแต่เป็นการพูดจากระทบกระเทียบกันมากกว่า “ฌาร์มรู้นะว่าคงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซีน แต่บางทีฌาร์มก็ควบคุมความรู้สึกไม่ได้ โกรธเวลาซีนใกล้ชิดกับพ่อ บอกไปก็ไม่มี ประโยชน์อะไรหรอก พ่อเลือกซีน พ่อคิดถูก ซีนเป็นผู้หญิงที่ดีและเหมาะจะอยู่เคียงข้างว่าที่รัฐมนตรีในวันข้างหน้า” ฌาร์มรู้สึกผิดที่คงเป็นต้นเหตุให้ศิตาไม่สบายใจดูได้จากแก้วที่ถูกบีบจนบุบเลยเป็นสาเหตุให้เกิดรอยแดงที่ตัว “แต่รู้ใช่ไหมว่าข้างในนี้เป็นของใคร บางทีเวลาก็พาเรามาเจอกันช้าไปว่าไหม” ศิตายิ้มทั้งน้ำตาและค่อยๆ จุมพิตปลอบโยน ฌาร์มและหัวใจของตัวเองด้วยเช่นกัน “เราสองคนจะไม่บอกอะไรพ่อทั้งนั้น ปล่อยให้เรื่องของเราค่อยๆ จางไป ฌาร์มรู้ว่าซีนทำได้” ฌาร์มพูดด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่น และพยายามยิ้มให้กับศิตาที่มีน้ำตาพร่างพรูออกมามากกว่าเดิม “จบอย่างถาวร หมายความอย่างนั้นใช่หรือเปล่า ไม่ต้องมีเยื่อใยอะไร ไม่ต้องรู้สึกอะไร” ศิตาถามแล้วทุบไปตามเนื้อตัวของ ฌาร์มที่ดึงตัวมากอดเอาไว้ “ฌาร์มทำตามสิ่งที่ซีนเลือก พ่อชอบซีนมากนะ วันหนึ่งก็อาจจะมีใครสักคนมาช่วยซับน้ำตาฌาร์มเองแหละ เพราะยังเด็กอยู่ เลย ซีนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าฌาร์มน่ะยังเด็กอยู่ เจ็บนิดเจ็บหน่อยเดี๋ยวเจอคนสวยๆ ก็หายเองนั่นแหละ” ฌาร์มพยายามยิ้มสวยๆ ให้ “ทำไมต้องมาเจอความรักตอนรักไม่ได้ด้วยนะ” ศิตาพูดเพียงแค่นั้นคำว่ารักที่ได้ยินถึงแม้จะได้พูดออกมาตรงๆ แต่ฌาร์มเข้าใจในทุกคำพูด ก้าวหน้าเห็นศิตาร้องไห้เดินกลับไปที่ห้อง จึงรีบไปดูฌาร์มที่ยังคงยืนนิ่งงั้นร้องไห้อยู่ ก้าวหน้าเข้าไปโอบกอดปลอบโยนเอาไว้ เวลาดูเหมือนจะเดินช้าเสียเหลือเกินในความโศกเศร้า ความรักบางทีก็น่ากลัวจนเกินไป ก้าวหน้าคิด เพราะรู้สึกได้จากคนที่กอดเอาไว้ แน่น และกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอด ศิตาแวะมาหาพี่สาวซึ่งก็คือ มารดาของก้าวหน้า เมื่อรับรู้เรื่องราวจากลูกสาวทำให้รู้สึกเป็นห่วง แม้ศิตาจะเคยผ่านการคบหามาสองสามครั้งแต่ไม่เคยถึงกับมีอาการอย่างที่ก้าวหน้าเล่าให้ฟัง ทุกครั้งจะเก็บเงียบและปล่อยมันผ่านไปไม่มีอาการโศกเศร้าเสียใจมากนัก จนกลับมาเป็นปกติถึงได้จะมาบอกเล่าถึงการเลิกรา ตลอดมาที่ได้รับรู้คนรักของศิตาเป็นผู้หญิง แต่ข่าวคราวที่ได้รับจากก้าวหน้าคนเป็นพี่สาวไม่เคยระแคะระคายเรื่องของชายวัยกลางคน จนกระทั่งเห็นข่าวเมื่อวันก่อนยังคิดว่าคงเป็นเพียงการถูกจับคู่โดยสื่อมวลชนเสียมากกว่า “ผอมไปนะ เราน่ะ” “งานยุ่งเลยทานอาหารไม่ตรงเวลา ว่าแต่พี่ทรายเถอะมีอะไรคะ” “ได้ยินว่าจะแต่งงาน ซีนไม่คิดจะบอกพี่หรอกหรือ” “บอกแน่ค่ะ แต่ตั้งใจว่าจะรอให้แน่นอนก่อนจะมาเรียนให้ทราบเลยทีเดียว” ศิตาบอกและเริ่มคิดว่า ก้าวหน้าคงจะมาบอกเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะมากน้อยขนาดไหนยังไม่มั่นใจนัก “ถ้ามันเกี่ยวกับงาน แล้วทำให้ซีนไม่มีความสุข เงินทองของนอกกายที่มีอยู่ก็มากมายอยู่แล้วไหม ถ้าต้องแบกรับภาระคนอื่น โดยเฉพาะลูกน้อง ซีนต้องรักตัวเองด้วยนะ ถ้าจะต้องทำเพื่อใครแล้วไม่มีความสุขคน ที่จะทุกข์มีอีกหลายคนอย่างน้อยก็พี่แล้วก็ หลานอีก รักคนไหนก็ต้องคนนั้น ถ้าเขารักเรา มันไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยนะ ซีน” ทรายพูดหว่านล้อมและอธิบายสุดท้ายพูดเหมือน เป็นการต่อว่ากลายๆ “ซีนเจ็บคนเดียวดีกว่าค่ะ อีกสักพักเด็กคนนั้นคงเติบโตขึ้นและก้าวเดินไปข้างหน้ากับใครบางคนที่จะเข้ามา ฌาร์มเป็นเด็กดี” ศิตายิ้มๆ เมื่อได้พูดชมฌาร์มให้พี่สาวฟัง “ซีนยังไม่เคยเจอรักแท้ และถ้าเด็กคนนั้นมีความรักที่แท้จริงให้แต่ซีนปล่อยไป ทั้งชีวิตซีนจะไม่พบเจออีกเลยนะ พี่เตือนไว้ ชื่อ เสียง หน้าตา เกียรติยศ เงินทอง พี่เชื่อว่าซีนหาได้ ความรักแบบที่เด็กคนนั้นมีให้ พ่อเขาจะให้ซีนได้เหมือนลูกอย่างนั้นหรือ” ศิตาเชื่อ ว่าไม่มีวันที่จะลืมฌาร์มได้ “พี่ทรายพูดเหมือนรู้จักฌาร์มเลย” ศิตาถาม “พี่เชื่อสายตาซีน ถ้าซีนรักพี่เชื่อว่าเด็กคนนั้นเป็นคนดีแน่” ฌาร์มเข้ามาที่ร้านแต่เช้าเหมือนเดิม โดยพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แป๋วแหววยิ้มแป้นให้ ฌาร์มยิ้มตอบแต่คงไม่เป็นปกติสักเท่าไร เพราะลูกน้องคนสนิททำหน้าฉงนสนเท่ห์ทันที “ไปเที่ยวสักสองสามวันไหมพี่ เผื่อจะสดใสขึ้น หนูอยู่โยงให้ได้ตลอดและจะรายงานความคืบหน้าตลอดสามเวลา ถ้าพี่ฌาร์มไว้ ใจหนู” แป๋วแหววบอกแล้วเดินตามฌาร์มเข้าไปด้านใน ซึ่งเห็นยกเครื่องพิมพ์ดีดที่เคยเอาไปเก็บไว้พักใหญ่และตอนนี้คงได้ออกมาส่งเสียงรบกวนลูกค้าเหมือนเดิม “ไม่ดีกว่า ไม่น่าไว้ใจนะ เราน่ะ จู่ๆ จะให้ไปเที่ยว” ฌาร์มยิ้มน้อยๆ “โหย งั้นก็ตามใจ ปากขนาดนี้คงไม่เป็นไรมากแล้วล่ะ” แป๋วแหววรู้สึกดีที่มีการต่อล้อต่อเถียง เพราะเข้ามาตอนแรกดูเงียบๆ ทำให้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก แต่เมื่อเริ่มได้ยินเสียงพิมพ์ดีดทำให้แป๋วแหววหัวเราะรู้สึกเหมือนบรรยากาศเก่าๆ หวนกลับมาอีกครั้ง “เดี๋ยวก็โดนลูกค้าด่าอีกนะ พี่ชามข้าว” แป๋วแหววรำพึงออกมาเบาๆ ไม่ทันไรเหตุการณ์ก็เหมือนเวียนมาอีกครั้ง แค่คนๆ นั้น เปลี่ยนไปเท่านั้นเอง แป๋วแหววยิ้ม เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งมายืนชะเง้อชะแง้มองดูฌาร์มที่ไม่ได้สนใจใครเอาเสียเลย “คุณคะ เอาไอ้นี้ไว้ใช้นะ จะได้ไม่รบกวนคนอื่นที่เขาต้องการความเงียบ” หญิงสาวในชุดสูทสีเข้มเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านที่ยัง คงจิ้มพิมพ์ดีดทำทีเป็นไม่ได้ยิน ลูกค้าคนนั้นจึงยื่นมือไปปิดแป้นพิมพ์เอาไว้ “ถ้าไม่หยุดครั้งหน้าจะเอากระดานชนวนมาฝากนะ” เสียงเข้มๆ และมือที่เอื้อมมาปิดที่แป้นพิมพ์ดีดทำให้ฌาร์มยิ้ม แอบนึกถึงใครบางคนจึงเงยหน้ามามองสบตากับหญิงสาวนัยน์ตาคม “เอาละเว๊ย” แป๋วแหววแอบลุ้น เพราะสองสาวมองสบตากับอยู่ครู่หนึ่ง ฌาร์มยิ้มๆ ทำท่ากวนๆ “รอกระดานชนวนเลยค่ะ อย่าลืมเอามาฝากนะคะ” ฌาร์มอมยิ้ม หญิงสาวคนนั้นยิ้มเช่นกัน แต่จะว่าไปดูๆ อายุน่าจะมากกว่า ฌาร์มอยู่มากเหมือนกัน แป๋วแหววคิดเลยทำหน้าที่ผู้ดูแลร้านที่ดี “อย่าไปสนใจเลยค่ะ ไม่ค่อยปกติเท่าไร” แป๋วแหววยิ้มให้ลูกค้า “ถึงว่า คนปกติคงไม่ทำกัน” หญิงสาวคนนั้นบอก เมื่อเห็นใกล้ๆ ทำเอาแป๋วแหววตกตะลึงในความสวย มิน่าฌาร์มถึงจ้องอยู่นานพอดูคงอาการเดียวกับตัวเอง แป๋วแหววคิด “เดี๋ยวหนูแอบขโมยขนมจากเจ้าของร้านมาปลอบขวัญนะคะ” “จะโดนเล่นงานเอานะคะ ขอกาแฟดำเข้มๆ ก็พอค่ะ เอ่อหนูหรือเปล่าหลานสาวคุณนุชน่ะ” หญิงสาวคนนั้นถามขึ้น แป๋วแหวว อมยิ้มเพราะรู้ดีว่าเจ้านายโดนเข้าให้แล้วไปกวนใส่คนรู้จักของน้านุชมีหวังโดนเอ็ดแน่ “คนนู้นค่ะ” แป๋วแหววหัวเราะบุ้ยใบ้ไปทางฌาร์มที่หันมามองพอดี ลูกค้าสาวหันไปยิ้มๆ ให้ฌาร์ม น้านุชแนะนำให้ฌาร์มรู้จักกับวิมาดา ซึ่งชัชวาลพามาช่วยงานและวิมาดาจะเป็นหนึ่งในบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ฌาร์มยิ้มเจื่อนๆ และพนมมือไหว้ วิมาดาหัวเราะเล็กๆ “ลืมไปก็แล้วกันเนอะ” วิมาดาพูดขึ้นทำให้น้านุชแปลกใจ “ไว้หาเสียง ฌาร์มจะไปช่วยเป็นการไถ่โทษก็แล้วกันค่ะ” ฌาร์มยิ้ม “ยังไงกันเรา พ่อไม่ไปช่วย แต่จะไปช่วยคุณวิ” น้านุชพูดแหย่ “ไม่ค่อยคล้ายท่านเท่าไรนะคะ น่าจะสวยเหมือนคุณแม่” วิมาดาพูดชมอ้อมๆ แต่แอบจ้องมองศิตาอยู่บ่อยครั้ง “ค่ะ สวยเหมือนแม่” น้านุชพูดชม “ถ้าฌาร์มสวย คุณวิก็เป็นดาราได้เลยค่ะ ออร่าแรงมาก” “เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังนะ เราน่ะ เรียกพี่วิ หรือน้าวิ ก็ได้นะ เรียกคุณแล้วเดี๋ยวคอพี่จะตั้งเมื่อยแย่” วิมาดายิ้มให้กับสาวสวยที่ ยิ้มอายๆ เมื่อได้ยินการพูดแหย่เล่น นักการเมืองที่ไม่ถือเนื้อถือตัวน่าจะดีกับช่วงเวลาหาเสียงเพราะไม่ดูเป็นการหลอกลวงสร้างภาพ ฌาร์มปล่อยให้น้านุชทำงานและพูดคุยกับวิมาดาจากที่พอจับใจความได้คงเป็นเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งที่อีกไม่นานคงจะเริ่มออกเดินพบปะประชาชน ถามถึงทุกข์สุขและปัญหาที่ประชาชนมีเพื่อนำมาเป็นนโยบายในการหาเสียง “กาแฟดำ ไม่น้ำตาล เพราะคุณเขาหวานอยู่แล้วเนอะ พี่ชามข้าว” วิมาดายิ้ม เมื่อได้ยินพนักงานของร้านเรียกฌาร์มว่า ชามข้าว “ชื่อน่ารักดีนะ ชามข้าว” น้านุชหันมายิ้มให้ฌาร์มที่โดนหยอกล้อ “เอาที่พี่วิสบายใจเลยค่ะ” ฌาร์มตะโกนบอก แต่ไม่ได้ดังนักคนได้ยินเงยหน้ามาส่งยิ้มสวยๆ ให้ “เอาไว้วันหนึ่งถ้าสนิทกัน พี่จะหาชื่อเฉพาะให้นะ” คำพูดที่ได้ยินทำเอาน้านุชยิ้ม เพราะเป็นพูดหยอดหลานสาวแบบเนียนๆ ซึ่ง คนฉลาดอย่าง ฌาร์มคงพอจะทราบอยู่บ้าง “คุณนุชว่า เรื่อง พรบ.คู่ชีวิตคนรักเพศเดียวกัน มีโอกาสจะเป็นไปได้ไหมคะ” ฌาร์มตั้งใจฟังทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่วิมาดาถามน้า นุช “ถ้าช่วยกันผลักดัน ก็น่าจะได้นะคะ แต่แค่ไหนคงต้องไปสู้กันอีกหลายยกและไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าไร แต่นุชเห็นด้วยนะ เรื่องนี้” น้านุชบอกกับวิมาดา “พี่ฌาร์มที่รัก ไปทะเลกัน” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาตั้งแต่เปิดประตูร้านเข้ามา แต่เมื่อมองเห็นน้านุชและผู้หญิงอีกคนซึ่งดู เหมือนคุยงานกันอยู่ พันธุดาจึงรีบพนมมือไหว้ทันที น้านุชแนะนำให้วิมาดากับพันธุดาได้รู้จักกัน “ทะเลที่ไหนคะ” วิมาดาถามพันธุดา “พัทยาค่ะ ใกล้ๆ ขับรถแป๊บเดียว” พันธุดายิ้มให้กับคนที่รอยยิ้มดูมีเสน่ห์ตอนแรกเห็นยังคิดว่าเป็นดาราเสียอีก “ไปกันกี่คน พี่มีคอนโดสองห้องนอน เผื่อสนใจ” วิมาดาบอกทำเอาพันธุดาตาลุกวาวรีบเข้าไปอ้อนฌาร์มทันที “ไปนะ ไปซ่อมในนี้กัน” พันธุดาเอามือจิ้มไปที่หน้าอกด้านซ้ายของ ฌาร์ม ซึ่งวิมาดาเห็นเข้าพอดี “สองคนเนี่ยน่ะ” ฌาร์มถาม “พี่ก้าวด้วย เดี๋ยวไปบังคับขู่เข็ญเอา” พันธุดาบอก “ไปด้วยกันไหมคะ พี่วิ” ทุกคนนิ่งงันไป เมื่อได้ยินฌาร์มเอ่ยปากชวนวิมาดา แม้แต่พันธุดาเองยังแปลกใจ “เอาล๊ะเว๊ย เริ่มก่อนด้วย” พันธุดายักคิ้วหลิ่วตาให้กับแป๋วแหวว “ก็ดีนะ ได้พักผ่อน” น้านุชบอกกับวิมาดาที่ทำท่าคิด “สี่คน สองห้องพอดีเลย” วิมาดายิ้มให้ฌาร์มที่พนมมือไหว้จู่ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมือไม้ถึงได้เกะกะนัก “โอ๊ย พี่ก้าวกับแพทก็แย่สิ แค่คิดก็แพ้แล้ว” พันธุดาหัวเราะคิกคักแต่รู้สึกดีที่ดูเหมือนว่า อดีตคนรักไม่ได้ปิดประตูหัวใจ เพราะ เริ่มแย้มๆ โดยเป็นฝ่ายเริ่มรุกก่อนเสียด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD