บทที่ 5 ห้วงฝันอันสับสน 1

1440 Words
“ก็...ท่านปู่ทวดอย่างไรเล่าเจ้าค่ะ ท่านปู่ที่เป็นบิดาของบิดาของท่านพ่อ” เมื่อได้ยินในสิ่งที่บุตรสาวตัวน้อยเอ่ย หลานเหวินก็ถึงกับขนกายลุกชัน ท่านปู่ทวดที่หลานหลีเกอเอ่ยถึงนั้นเป็นผู้ใด? ขนาดเขาที่มีศักดิ์เป็นหลานของอีกฝ่ายยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า ด้วยเพราะว่าตอนที่หลานอวี้ผู้เป็นปู่ตายไปนั้น ตัวเขายังเป็นเพียงก้อนแป้งวัยไม่ถึงหนึ่งหนาวด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้เขาจะจดจำใบหน้าของผู้เป็นปู่ได้อย่างไร? “หลีเอ๋อร์ พ่อว่าวันนี้เรากลับกันก่อนเถิด” เพราะคิดว่าบุตรสาวตนเองอาจจะพูดจาเพ้อเจ้อ หลานเหวินจึงเลือกที่จะมองข้ามคำพูดของนางไป คิดเสียว่าอีกไม่กี่อึดใจหลานหลีเกอก็จะลืมคำพูดของตัวเอง ทว่าบุรุษวัยกลางคนกลับคิดผิด เพราะนอกจากบุตรสาวตัวน้อยจะไม่ลืมคำพูดของตัวเองแล้ว นางยังจัดแจงสั่งการว่าส่วนไหนของศาลาที่ควรซ่อมแซม ส่วนไหนที่ควรเปลี่ยนใหม่ อีกทั้งนางยังบอกกับผู้เป็นพ่อและพี่ชายอีกว่า ต่อไปศาลาเหลียนฮวาแห่งนี้ก็ยกให้เป็นห้องเรียนส่วนตัวของนาง “หลีเอ๋อร์ พี่ว่าวันนี้เรากลับกันก่อนเถิด หากจะปรับปรุงศาลาแห่งนี้ ต้องคิดให้รอบคอบ ศาลาแห่งนี้มีอายุมานานหลายสิบปี ไม่ง่ายเลยที่จะบำรุงหรือซ่อมแซม” หลานจิ้นหลี่เอ่ยเกลี้ยกล่อมน้องน้อยตน “พี่ใหญ่ ก่อนหน้าท่านก็รู้สึกถึงความผิดปกติของศาลาเหลียนฮวามิใช่หรือเจ้าคะ?” หลานหลีเกอเอ่ยถามพร้อมกับหน้ามองพี่ชายตน “...เจ้า” “ท่านปู่ทวดบอกเจ้าค่ะ ท่านปู่ทวดบอกว่าเขาพยายามหลายครั้งแล้วที่จะบอกพี่ใหญ่ว่าให้ซ่อมแซมและบำรุงศาลาแห่งนี้ แต่พี่ใหญ่จิตแข็งเกินไป ท่านปู่ทวดเลยมาบอกกับหลีเกอแทน” หลานหลีเกอเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย ทว่าคนเป็นพ่อกับพี่ชายนั้นหน้าถอดสีไปแล้ว สิ่งที่หลานหลีเกอเอ่ยออกมาเมื่อครู่คืออะไร? คือการที่นางบอกว่านางสามารถพูดคุยสื่อสารกับดวงวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วหลายสิบปีได้ใช่หรือไม่? แค่คิดว่าน้องสาวของตัวเองพูดคุยกับวิญญาณได้ ขนอ่อนในกายของหลานจิ้นหลี่ก็ลุกชันไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าดวงวิญญาณที่น้องสาวของเขาพูดคุยด้วยนั้น จะเป็นดวงวิญญาณของบรรพบุรุษของตระกูลก็เถอะ! “ได้ เช่นนั้นพ่อจะให้คนมาซ่อมแซมศาลาเหลียนฮวาแห่งนี้ตามที่เจ้าบอก” หลานเหวินตกปากรับคำออกไปหวังให้เรื่องจบ ด้วยตัวเขาไม่อยากปล่อยให้บุตรสาวรั้งอยู่ที่ศาลาแห่งนี้นานไปกว่านี้แล้ว “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วหลานหลีเกอก็ยิ้มแป้น ก่อนจะยอมเดินออกไปจากศาลาเหลียนฮวาแห่งนี้ตามการชักจูงของผู้เป็นบิดาไปแต่โดยดี “ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ช่วยอีก...ก็ตามไปที่จวนนะเจ้าค่ะ” หลานหลีเกอเอ่ยบอกกับดวงวิญญาณของบรรพบุรุษในใจ ก่อนจะหันกลับไปซบหน้าลงกับไหล่กว้างของบิดา เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนจากการเดินจูงมือนางเป็นการอุ้มนางแทน ถูกอุ้มก็ดีเหมือนกัน นางเริ่มรู้สึกเมื่อยและปวดขาขึ้นมาบ้างแล้ว คืนนั้นแม่นมเถารับหน้าที่มานอนเป็นเพื่อนหลานหลีเกอ ทว่าพอตกกลางดึกดวงจันทร์กลมโตแขวนลอยอยู่กลางท้องฟ้า ร่างท้วมของแม่นมวัยสี่สิบปลายๆ ก็หลับใหลเสียยิ่งกว่าสนิท ราวกับว่าอีกฝ่ายถูกวางยาสลบก็ไม่ปาน กระทั่งหลานหลีเกอลุกขึ้นมานั่งคุยกับเงามืดเงาหนึ่งอยู่เป็นนานสองนาง แม่นมเถาที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ก็ยังไม่ได้ยิน และไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวใดๆ “ที่แท้ท่านปู่ทวดก็รู้สึกผิดกับผู้หญิงคนนั้นหรือเจ้าคะ?” หลานหลีเกอเอ่ยถามเงาดำที่นั่งคุยกันอยู่ตรงปลายเตียงนอนของนาง หลังจากที่นางเอ่ยบอกกับดวงวิญญาณของบรรพบุรุษในใจ ว่าถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ช่วยอีกก็ตามมาที่จวน และอีกฝ่ายก็ตามมาที่จวนตามคำพูดของนางจริงๆ ซึ่งก็คือเงาดำที่นั่งอยู่ตรงหน้าของหลานหลีเกอในตอนนี้นั่นเอง เงาดำตนนั่นเล่าให้เด็กน้อยฟังว่าศาลาเหลียนฮวาแห่งนั้น เป็นสถานที่ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่สตรีนางหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เผลอไปทำร้ายนางเข้าเพราะความเห็นแก่ตัว และได้ฉกชิงเอาสมบัติของครอบครัวนางมาสร้างเป็นศาลาแห่งนั้น กระทั่งลมหายใจสุดท้ายใกล้หมดลง หลานอวี้จึงได้มาตระหนักรู้ถึงความผิดของตนในครั้งนั้น ทว่าเวลานี้ก็สายเกินกว่าที่เขาจะสามารถย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว... และเมื่อสิ้นลมหายใจ ดวงวิญญาณของเขาก็ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ ด้วยเพราะยังมีห่วงและบ่วงความแค้นที่ยังไม่ได้รับการให้อภัย ดวงวิญญาณของหลานอวี้พยักหน้ารับ “แต่หลีเกอว่าท่านปู่ทวดไม่ต้องกังวลใจไปหรอกเจ้าค่ะ กาลเวลาผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้ว สตรีผู้นั้นคงไปผุดไปเกิดนานแล้วไม่รู้กี่ชาติภพ หากหลีเกอเป็นนาง เมื่อตายไปแล้วหลีเกอก็จะไม่อาฆาตแค้นผู้ใดอีก” นอกเสียจากว่านางจะยังมีลมหายใจอยู่เหมือนในตอนนี้ ดวงวิญญาณของหลานอวี้พยักหน้ารับอีกครั้ง ทว่าอยู่ๆ ลำแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นรอบๆ กายของเขา จากดวงวิญญาณที่มีเพียงแค่เงาดำโอบคลุม ก็ค่อยๆ สว่างขึ้นเป็นรูปร่างและมองเห็นเป็นใบหน้ารูปลักษณ์อย่างชัดเจน หลานหลีเกอห่อปากกับความประหลาดที่ได้เห็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านางในเวลานี้คือสิ่งใดกัน? เหตุใดชาติภพนี้ของนางจึงได้พบเจอแต่เรื่องเหนือธรรมชาติดีแท้! ในขณะที่หลานหลีเกอกำลังตกอยู่ในอาการเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ดวงวิญญาณของหลานอวี้ก็พลันกระจ่างแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างในที่สุด ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปตัวเหลนสาวตัวน้อย เห็นดวงวิญญาณที่สถิตอยู่ภายในร่างกายของนางที่เป็นทายาทตระกูลหลานของเขา ว่าแท้ที่จริงแล้วนางก็คือสตรีที่เขาเคยปล้นชิงและทำร้ายเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คำพูดที่นางเอ่ยออกมาเมื่อครู่นี้ เป็นเสมือนการปลดปล่อยดวงวิญญาณของหลานอวี้ ที่จมปลักอยู่นานให้ได้รับการปลดปล่อยไปสู่เส้นทางที่ถูกที่ควร ไม่ต้องวนเวียนเป็นดวงวิญญาณอยู่ในโลกที่ไม่ใช่โลกของตนเองอีกต่อไป ที่แท้นางก็มาเกิดใหม่เป็นคนสกุลหลาน... หลานอวี้คิด ทว่าความคิดนั้นของเขากลับดังเข้าไปในหัวของหลานหลีเกอ ทว่ายังไม่ทันที่เด็กน้อยจะได้เอ่ยถามอะไร ดวงวิญญาณที่ยามนี้นางดูออกว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไรก็เลือนหายไปเสียก่อน “ดะ...เดี๋ยวก่อน!” หลานหลีเกอร้องตาม ทว่านอกจากผ้าม่านโปร่งบางที่ปล่อยลงมาปกปิดปลายเตียงแล้ว หลานหลีเกอก็มองไม่เห็นอะไรอีก... คำพูดนั้นของท่านปู่ทวดหมายความว่าอย่างไรกัน? อะไรคือที่แท้นางก็มาเกิดใหม่เป็นคนสกุลหลาน... หรือว่าชาติที่แล้วเขาจะรู้จักนาง? หลานหลีเกอตื่นเช้ามาด้วยสภาพที่ไม่ค่อยจะสดชื่นเท่าไหร่นัก เด็กหญิงไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางเมื่อคืนนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงความฝันหรือความจริงกันแน่... ก่อนหน้านี้นางเห็นดวงวิญญาณของหลานอวี้ท่านปู่ทวดของนางก็จริง ทว่าสิ่งที่พบเจอมาเมื่อคืนนั้นจะว่าเรื่องจริงก็ไม่ใช่ ความฝันก็ไม่เชิง เพราะภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นข้างกายของนางมีแม่นมเถานอนอยู่ข้างๆ ทว่าหลังตื่นขึ้นมานางกลับไม่เจอแม่เถาอยู่ในห้อง เส้นผมเส้นเดียวก็ไม่มีให้เห็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD