บทนำ
บทนำ
สรรพสิ่งในโลกล้วนแตกดับไปตามแต่อายุขัย ไร้สิ่งใดที่จีรังยั่งยืน ร่างกายมนุษย์แม้งดงามราวกับภาพวาด แต่เมื่อกาลเวลาผันผ่านความงดงามนั้นย่อมโรยรา ประดุจกลีบบุปผาที่หมดเวลาผลิดอกแย้มบาน ร่วงหล่นสู่พื้นดินจบสิ้นซึ่งความสุนทรีย์
ปลายทางของทุกดวงวิญญาณที่ละทิ้งจากกายหยาบ ย่อมเป็นเส้นทางน้ำพุเหลืองอันยาวไกล ดวงวิญญาณของหญิงสาวที่ตายตกมาพร้อมกับความอาฆาต ทอดมองสะพานที่มองเห็นอยู่ไกลลิบๆ ด้วยความทดท้อ
ยิ่งเดินทางเนิ่นนานเท่าใด ความทรงจำที่ฝังอยู่ก็จะยิ่งเลือนรางเจือจางลงไปเท่านั้น ทว่าหญิงสาวผู้นี้มิต้องการความเลือนรางใดๆ ทุกสั่งที่ได้รับรู้และสัมผัส นางต้องการที่จะจดจำมันไว้ ต่อให้ต้องตายตกอีกกี่ชาติภพ ก็ไม่ขอลบเลือนความทรงจำอันสุดแสนเจ็บปวดและขื่นขมนี้
วิญญาณสาวก้าวเดินบนเส้นทางที่ทอดยาวไกลสุดสายตา ต่อให้อยากจดจำเพียงใดแต่ก็ไม่อาจฝืนลิขิตฟ้า แม้นในใจจะคับแค้น ทว่าหากก้าวผ่านเส้นทางนี้ไปสู่สะพานที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า แม้อยากจะจดจำไว้เช่นไร ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง
ทว่าย่างเท้าไปได้เพียงสองก้าว ลมสายหนึ่งก็พัดผ่านมาจากที่ใดก็สุดจะรู้ บุปผาสีแดงฉานข้างทางไหวระริกยามต้องสายลม ดึงความสนใจของดวงวิญญาณสาวให้หันไปมอง
เมื่อครั้งยังมีชีวิต นางเคยได้ยินตำนานบทหนึ่งเล่าขานว่า ดอกปี้อั้นบานอยู่บนทางหวงเฉวียน กลิ่นหอมของมันมีพลังลี้ลับ ทำให้ผู้ตายจดจำเรื่องราวเมื่อครั้งยังมีชีวิตได้
ไม่รู้ว่าตำนานบทนั้นเป็นจริงหรือไม่ รู้ตัวอีกทีดวงวิญญาณสาวก็เด็ดบุปผาสีแดงฉานนั้นมาดมเสียแล้ว…
กลิ่นหอมแปลกประหลาด ผสานกับสายลมที่พัดผ่านมาอีกสายหนึ่ง ส่งผลให้ดวงวิญญาณสาวนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งก่อนสิ้นใจขึ้นมาได้
ทว่านึกขึ้นได้แล้วอย่างไร?
เมื่อข้ามสะพานไน่เหอไป นางยังต้องดื่มน้ำจากแม่น้ำลืมเลือนอยู่ดี
ทว่า...
พลันความคิดแปลกประหลาดความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ดวงวิญญาณสาวเด็ดบุปผาสีแดงฉานนั้นขึ้นมาอีกหลายดอก ก่อนจะนำพวกมันทั้งหมดใส่เข้าไปในปากแล้วกลืนกินราวกับเป็นขนมหวานเลิศรส...
นางก็อยากจะรู้นักว่า...ดอกปี้อั้นหนึ่งกำมือ พอจะสู้น้ำแกงยายเมิ่งหนึ่งถ้วยได้หรือไม่!