ภูผาไม่พูดอะไร ก้มตัวลงมาจับชญานินทร์พาดบ่าหน้าตาเฉย ก่อนเดินขึ้นบันไดหน้าตาเฉย ไม่สนใจอาการดิ้นรนหนีของหญิงสาว
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณภู ช่วยด้วย!”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังโหวกเหวกโวยวายดังลั่นภายในตัวบ้าน ชญานินทร์ร้องให้คนช่วยจนแทบหมดแรง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอเลยสักคน มือบางยกขึ้นทุบตีทั้งไหล่ทั้งหลังของภูผาอย่างรุนแรงเพื่อให้ชายหนุ่มปล่อยเธอลง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอพยายามดิ้นรนเท่าไร ชายหนุ่มก็ยิ่งจับเธอเอาไว้แน่น
ตุ๊บ!
“โอ๊ย!”
“คนบ้า ไอ้คนแก่โรคจิต โยนหนูโรสลงมาทำไม เจ็บนะ” ชญานินทร์ถึงกับเจ็บจนพูดไม่ค่อยออก เงยใบหน้าหวานขึ้นต่อว่าภูผาอย่างกระท่อนกระแท่น เพราะยังจุกกับการถูกโยนลงมา แล้วก็ยิ่งตกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อร่างสูงใหญ่โน้มลงมาผลักเธอให้นอนราบลงไปกับเตียงกว้าง “ทะ...ทำอะไรน่ะคุณภู”
“ก็ทำอย่างว่าไงล่ะหนูโรส อยากใส่ไอ้ชุดบ้านี่มายั่วฉันเองนะ อย่ามาโทษกัน”
“หนูโรสไม่ได้ใส่มายั่วคุณภู ตอนนี้ปล่อยหนูโรสไปได้แล้ว ถ้าทำอะไรหนูโรสนะ หนูโรสจะฟ้องคุณแม่”
“ฉันไม่สนใจหรอกหนูโรสว่าเราใส่ไอ้ชุดบ้าๆ นี่ไปยั่วใคร เพราะตอนนี้เราอยู่กับฉัน ฉันสรุปเองเลยล่ะกันว่าเราใส่มายั่วฉัน และฉันก็ไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ แน่”
“คุณภู!”
“ช่วยไม่ได้นะหนูโรส เราทำให้ฉันเป็นแบบนี้เอง”
ใบหน้าคมสันก้มลงมาสบตาดวงตากลมโตที่จ้องมองเขาอย่างตกใจ ร่างบางเริ่มประท้วง มือทั้งสองข้างถูกมือหนาจับรวบตรึงไว้เหนือศีรษะ ริมฝีปากหนาก้มลงมาบดขยี้เรียวปากบางอย่างเอาแต่ใจ ไม่ทันที่ชญานินทร์จะได้ร้องคัดค้าน ปลายลิ้นก็สอดแทรกลงมาอย่างลึกล้ำ กดจูบหนักแน่นและกลายมาเป็นจูบดูดดื่มแสนหวานซาบซ่าน ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้ภูผาสะท้อนหวั่นไหวได้เท่าครั้งนี้ การจูบครั้งนี้ทำให้เขาปั่นป่วน หวั่นไหว หรือเป็นเพราะเขารักผู้หญิงคนนี้กันแน่ ความรู้สึกก็เลยหอมหวานเต็มไปด้วยความสุข จูบนั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานละมุนไปทั่วแนวริมฝีปากบางนั้น หยอกเย้าแต่ไม่จาบจ้วงมากนัก
ขณะมือหนาโอบกอดลูบไล้ไปทั่วร่างกลมกลึงทุกๆ สัมผัสอย่างทะนุถนอม กระแสความร้อนวูบวาบแผ่ออกมาจากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวเธอ ทั้งส่วนเว้าส่วนโค้งทรวงอกที่อวบสมบูรณ์ ก่อนจะเลื่อนลงมาผ่านหน้าท้องและสะโพกกลมกลึง ต้นขาที่โผล่พ้นกระโปรงมา ชญานินทร์ไม่เคยมีประสบการณ์กับอารมณ์หวาบหวามไหววูบแบบนี้ พอถูกสัมผัสจับต้องแบบนี้ก็เคลิบเคลิ้มหวั่นไหวตามอย่างไม่รู้ตัว
เสียงครางในลำคอทั้งของเขาและชญานินทร์เล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา ระหว่างที่มือหนาลูบไล้เคล้าคลึงร่างบางในอ้อมกอดช้าๆ ก่อนที่มือหนึ่งจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อด้านหน้า ไฟปรารถนาที่แอบซ่อนถูกปลุกขึ้นมาจนชญานินทร์อ่อนระทวยแก้มนวลแดงระเรื่อ หญิงสาวรู้สึกหวั่นไหวไปกับสัมผัสนั้น ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยอมภูผาขนาดนี้ แต่ส่วนลึกของเธอผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอรัก ภูผาพอใจกับอาการตอบสนองนั้น เขาลุกขึ้นจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะล้มลงมาทาบทับร่างกลมกลึงสมบูรณ์แบบของชญานินทร์ เขาจับทรวงอกคู่งามนั้นอย่างหลงใหล มันดูใหญ่จนเกินตัว
ขนาดว่ามือเขาใหญ่แล้วยังจับของเธอไม่หมดเลย เขาผ่านผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่เคยมีใครมีขนาดหน้าอกเท่าเธอเลยสักคน ทั้งภูผาและชญานินทร์ยังคงหลงอยู่ในวังวนของความปรารถนา โดยหลงลืมไปเลยว่าสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นมันเป็นแค่ความใคร่หรือเพราะความรักกันแน่
เสียงโทรศัพท์ดังซะลั่นห้อง ส่งผลให้ทั้งคู่ถึงกับสะดุ้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองชญานินทร์ก่อนหันไปมองเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองด้วยความไม่พอใจ ใครกันบังอาจมาขัดขวางความสุขของเขา
ชญานินทร์ได้สติก็ตอนนี้เอง ก้มลงมองสภาพของตัวเองก็แทบร้องไห้ บนตัวเธอไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น มันถูกถอดออกตอนไหนทำไมเธอถึงไม่รู้ตัว หันไปมองภูผาแล้วก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อเห็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มก็มีสภาพไม่ต่างไปจากเธอเลย มือบางควานหาผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างที่เปลือยเปล่าด้วยความตกใจ พยายามก้มหาชุดชั้นในกับเสื้อและกระโปรง
ภูผาก้มลงมองหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏบนหน้าจออย่างสงสัย คนรักเขาโทรมามีเรื่องอะไรกัน กดรับก่อนจะถามปลายสายออกไปว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับศศิ” ทันทีที่ปลายสายตอบกลับมาภูผาถึงกับตกใจ ก่อนพูดต่ออีกสองสามคำก็ตัดสาย นึกเป็นห่วงคนรักทันที หันมาสบตากับร่างบางบนเตียงก่อนพูดขึ้นว่า
“หนูโรสรอฉันอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวฉันกลับมา”
“คุณภู จะไปไหนค่ะ” ชญานินทร์เอ่ยถามอย่างกระดากอาย ยิ่งเห็นสภาพตัวเองและชายหนุ่มแล้วก็ยิ่งอายหนักเข้าไปอีก
“ศศิเขาโดนรถชน ฉันต้องรีบไปเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะรีบกลับมานะ” พูดได้แค่นั้นภูผาก็ก้มลงมาเก็บเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนเดินออกมาด้วยสภาพที่แต่งกายเรียบร้อยแล้ว
ชญานินทร์มองดูจนภูผาเดินออกไปจากห้องจนลับตาแล้ว เธอถึงกับสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ภูผาทิ้งเธอไปในสภาพแบบนี้ ถึงเธอไม่ได้มีอะไรกับภูผาถึงขั้นนั้น แต่อย่างน้อยเธอและชายหนุ่มก็มากันเกือบครึ่งทางแล้ว เธอมันโง่เองที่ยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้ แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าไม่ว่าเธอทำยังไงภูผาก็ไม่มีทางรักเธอหรอก แค่รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนนั้น ชายหนุ่มก็ทิ้งเธอไปทันที เธอมันโง่ งี่เง่า เขาไม่มีทางรักเธอหรอกชญานินทร์ ผู้หญิงคนนั้นเขาสำคัญกว่าเธอ เธอก็แค่เด็กที่เขารับมาอุปการะเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักเขา
เสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ครั้งนี้เธอคงต้องตัดใจจากผู้ชายคนนี้เสียที เลิกรักคนที่เขาไม่รักเธอสักที กี่ปีแล้วที่เธอรักผู้ชายคนนี้ รักทั้งที่รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะครอบครอง ผู้ชายคนนี้อยู่สูงเกินไป สูงจนเธอเอื้อมไม่ถึง แล้วทำไมเธอถึงยังดิ้นรนที่จะรัก รักเพราะเขาเป็นคนดี อบอุ่น เป็นสุภาพบุรุษ เปรียบเสมือนพ่อที่มีแต่ความรักความห่วงใยมอบมาให้ แต่ความรู้สึกที่ชายหนุ่มมอบมาให้นั้นมันก็แค่ความรักแบบพ่อหรือแบบพี่ชายเท่านั้น ไม่ใช่รักแบบชายหญิง
แต่เธอสิกลับรักภูผาในแบบชายหญิง รักมานานหลายปีนับตั้งแต่เจอชายหนุ่มเมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านภิวัฒน์เกรียงไกรเสียอีก รักในความอบอุ่น ยิ้มเก่ง สุภาพ รักทุกอย่างที่เป็นเขา ชญานินทร์นั่งทบทวนตัวเองอยู่นาน เธอรักภูผาแบบไหนกันแน่ ที่เธอพูดว่ารักเขา แล้วเธอรักเขาจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเธอรักในความหล่อเหลา หลงในบุคลิกที่เธอเห็น แค่แอบปลื้มอย่างที่เพื่อนสนิทเธอบอกไว้อย่างนั้นหรือ
“ตัดใจเสียทีเถอะ แกจะทรมานตัวเองไปถึงไหนชญานินทร์ ผู้ชายคนนี้เขามีคนที่คู่ควรมากกว่าแก ตัดใจซะที อย่าให้หัวใจแกต้องทรมานไปกว่านี้เลย”
ชญานินทร์พึมพำออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นอย่างเจ็บปวด เธอเหวี่ยงผ้าห่มให้พ้นตัว ก่อนลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ เธอคงต้องตัดใจจากภูผาเสียที เธอไม่อยากเจ็บอีกแล้ว แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่าเธอไม่ค่าพอที่จะทำให้ผู้ชายอย่างภูผา ภิวัฒน์เกรียงไกร หันมารักได้หรอก ตัดใจเสียตอนนี้เธอจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับมัน
อีกต่อไป
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...