“ลงมาสิ ถึงแล้ว” เสียงเข้มพูดขึ้น อย่างสะใจ ยิ่งเห็นความหวาดกลัวในดวงตากลมโตของชญานินทร์ รู้สึกสะใจยังไงก็ไม่รู้ เขารู้แต่ว่านี่คือโทษที่เธอควรจะได้รับ
“คุณภูพาหนูโรสมาที่นี่ทำไม” ชญานินทร์ถามภูผาอย่างหวาดกลัว หันไปมองรอบๆ ก็ได้แต่ตกใจ นี่เธอหลับในรถจนไม่รู้เลยหรือไงว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน
“หนูโรสจะกลับบ้าน คุณภูพาหนูโรสกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“รีบกลับไปไหนล่ะหนูโรส ฉันบอกแล้วไงว่าฉันพาเธอมาทำไม” เขาบอกอย่างเย้ยหยัน
“หนูโรสไม่อยากฟัง หนูโรสจะกลับบ้าน”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะหนูโรส แล้วก็ลงมาซะดีๆ”
แล้วก็เปิดประตูรถลงมารอชญานินทร์อย่างหัวเสีย เขาอุตส่าห์ทนขับรถมาตั้งไกล พยายามไม่มองสิ่งที่มันล่อตาล่อใจ อดทนกับความต้องการของตัวเองที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในตอนนี้ ภูผายืนมองชญานินทร์อย่างอดทน และเริ่มรู้ตัวเองว่าความอดทนนั้นเริ่มหมดลงเสียด้วย แล้วนั่งทำหน้าทำตาเศร้าเหมือนร้องไห้ จะมาโทษเขาได้ไง อยู่ๆ ดีดันมาแต่งตัวแบบนี้ออกไปนอกบ้าน ไม่คิดบ้างหรือไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขนาดเขายังคิดลึกเลย แล้วคนอื่นไม่คิดได้ยังไง แถมยังมีน่ามาตอบแบบกวนตีนบาทาเขาอีก
“ก็ใส่มายั่วคุณภูนี่แหละค่ะ พอใจหรือยัง”
แค่ได้ยินประโยคนี้เขาก็แทบอยากกระโดดขย้ำให้แหลกคามือ แต่ก็ยังอดดีใจไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็ใส่มาเพื่อเขา แต่ก็นั่นแหละไม่รู้ว่าเธอพูดจริงแค่ไหน หรืออาจแค่โกรธเลยพูดไปแบบนั้น หรือว่าเธอคิดแต่งตัวแบบนั้นไปเพื่อคนอื่น คิดได้แค่นี้ก็หน้ามืดตาลายเพราะอารมณ์หึง
“ลงมาเดี๋ยวนี้นะหนูโรส”
“หนูโรสไม่ลง หนูโรสจะกลับบ้าน พาหนูโรสกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะคุณภู ไม่งั้นหนูโรสจะฟ้องคุณแม่”
“ถามหน่อยสิหนูโรส จะฟ้องคุณป้าว่ายังไง ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ”
“มีก็แล้วกัน พาหนูโรสกลับบ้าน หนูโรสไม่อยากอยู่ที่นี่ แล้วอย่ามาบอกให้หนูโรสลงจากรถ หนูโรสไม่ลงหรอก”
“ไม่ลงแน่ใช่ไหมหนูโรส”
“ใช่” เธอบอกอย่างเสียอารมณ์ “หนูโรสจะกลับบ้าน” แค่นั้นเองภูผาก้มตัวลงมาใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปใต้ร่างบางก่อนจะดึงออกมาจากรถ พร้อมกับกอดกระชับร่างบางแนบอก ใช้เท้าข้างหนึ่งเขี่ยประตูรถให้ปิด ก้มลงมองร่างบางในอ้อมกอดที่ตอนนี้กำลังจะอ้าปากต่อว่าเขา
“อย่าโวยวาย ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“คุณภูปล่อยหนูโรสลงเดี๋ยวนี้นะ มากอดหนูโรสแบบนี้ทำไม” เสียงหวานต่อว่าอย่างหวาดกลัว
“ปล่อยไปทำไม บอกแล้วไงว่ามากับฉันดีกว่าไปมหาลัย”
“คะ...คุณภูจะทำอะไรหนูโรส ไม่งั้นจะร้องให้คนช่วยจริงๆ นะ”
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าที่นี่มันเป็นที่ส่วนตัว ไม่มีใครเขามาสนใจหรอก” ภูผาบอกอย่างอารมณ์ดี ก้มลงมองร่างบางในอ้อมกอดแล้วก็ต้องถอนหายใจ เพราะตอนนี้เสื้อตัวเล็กที่ชญานินทร์ใส่อยู่มันเผยให้เห็นทรวงอกงามนะสิ สงสัยกระดุมมันน่าจะหลุดตอนที่เขาอุ้มเธอขึ้นจากรถ
ชญานินทร์สบตาภูผาอย่างแปลกใจ ก่อนก้มลงมามองว่าชายหนุ่มมองอะไรอยู่ แต่พอเห็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายมองอยู่เป็นหน้าอกของเธอ ชญานินทร์ถึงกับยกมือบางขึ้นมาปิดตาคมคู่นั้นด้วยความตกใจ
“หลับตาเดี๋ยวนี้เลยนะคุณภู ตาบ้า จ้องอยู่ได้”
“อ้าว ก็เราใส่ชุดนี้มาเพื่อยั่วฉันเองนะ คราวนี้อย่ามาบ่น” เขาตอบอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้เห็นแค่นี้อีกประเดี๋ยวเขาต้องเห็นให้ได้มากกว่านี้ ยอมรับอย่างเต็มใจเลยว่าตอนนี้เขาตบะแตกไปแล้วจริงๆ จัดการเรื่องนี้ให้จบก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน มีเมียเด็กมันเสียหายตรงไหน เขาแก่แล้วไง อยากมีเมียเด็กก็ไม่แปลก
“หนูโรสไม่ได้ใส่มายั่วคุณภูหรอก ไปยั่วคนอื่นต่างหาก ทีนี้ปล่อยหนูโรสลงได้หรือยัง”
“ว่าไงนะ!” เสียงเข้มตวาดใส่หน้าคนในอ้อมกอดด้วยความโกรธ เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด เธอไม่ได้แต่งมายั่วเขาจริงๆ หรอก เธอแต่งตัวแบบนี้ไปยั่วใคร อารมณ์โกรธแล่นขึ้นสมองทันตาเห็น
“แล้วทำไมต้องตะโกนใส่หน้าหนูโรสด้วย ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคนบ้า”
ภูผาก้มลงมองคนในอ้อมกอดอย่างโมโห ไม่รู้ว่าเขาโมโหอะไรกันแน่ ระหว่างโมโหเพราะคำพูดทำร้ายจิตใจเขาหรือโมโหเพราะหึงหวง ร่างสูงไม่ได้สนใจอาการดิ้นรนนั้น เขาสาวเท้าเดินไปหยุดตรงหน้าประตูบ้าน ปล่อยให้คนในอ้อมกอดลงมายืนแต่มือหนาก็ยังกอดล๊อคเอาไว้เพื่อไม่ให้หนี
แกร๊ก!
“เข้าไป!” เสียงห้าวตะคอกเสียงดังลั่น ผลักชญานินทร์ให้เดินเข้าไปในตัวบ้าน
“คุณภู นี่มันไม่ใช่บ้านพักของคุณแม่นี่นา”
“แล้วใครบอกล่ะว่านี่เป็นบ้านคุณป้า บ้านหลังนี้เป็นของฉันต่างหาก”
ชญานินทร์หันมามองภูผาอย่างตกใจ มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีใครสักคน อย่าบอกนะว่าเธออยู่กับเขาแค่สองคน หันร่างมามองชายหนุ่มอย่างตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่น
“อย่าบอกนะว่าบ้านหลังนี้มีแค่เราสองคน”
“ใช่” ภูผาเดินมาหยุดตรงหน้าชญานินทร์ ก่อนจับใบหน้าหวานขึ้นสบตากลมโตนั้นอย่างสะใจ ก่อนก้มลงมาประทับจูบริมฝีปากบางได้รูปอย่างหวงแหน เขาทนไม่ได้จริงๆ หากคนตรงหน้าไปเป็นของคนอื่น
ชญานินทร์ยืนนิ่ง ดวงตากลมโตจ้องมองภูผาอย่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เธอตกใจกับปฏิกิริยาที่ชายหนุ่มปฏิบัติกับเธอ หญิงสาวไม่ได้ต้องการให้มันลงเอยแบบนี้ เธอแค่ต้องการความรักจากชายหนุ่มบ้างเท่านั้น ต้องการดูแลเอาใจใส่ ไม่ใช่เกินเลยถึงขนาดนี้
ภูผายืนนิ่งสบตาชญานินทร์ เขารู้ดีว่าสายตาที่เขามองเด็กสาวตรงหน้านี้มันต่างจากคนอื่น เขารู้มานานแล้ว เพียงแต่ไม่อยากยอมรับกับตัวเองว่าเขาหลงรักเด็กในความปกครองของตัวเอง เขาจะทำอย่างไรกับความรู้สึกของตัวเองดี จะสารภาพบอกรักเธอเลยดีไหมจะได้หมดปัญหาเสียที ความรู้สึกที่เขาแอบหลบซ่อนก็จะได้ระบาย สารภาพออกมันมาเสียที “ฉันรู้แล้วล่ะว่าฉันจะทำยังไงกับเรา” เสียงเข้มตัดสินใจพูดขึ้นในที่สุด จ้องมองดวงตากลมโตอย่างแสนรัก
“ทะ...ทำอะไรของคุณ” ชญานินทร์ถามอย่างตกใจ ถอยหลังออกมาสองสามก้าว แต่เธอก็ช้ากว่าภูผาอยู่ดี “อย่ามามองหนูโรสด้วยสายตาแบบนี้นะคุณภู”
“ก็ช่วยไม่ได้ เราอยากแต่งตัวมายั่วฉันเองนี่นา ผู้ชายที่ไหนจะไม่มอง อีกอย่างฉันกับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย การที่ฉันจะทำอะไรเธอมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด จริงไหม”
ฉาด!
แรงตบส่งผลให้ใบหน้าคมสันหันไปตามแรงตบ ภูผายกมือหนาขึ้นจับใบหน้าด้านที่ถูกตบด้วยความโกรธ หันมามองคนตบหน้าเขาด้วยความโมโห “เธอกล้าดียังไงมาตบฉันชญานินทร์” เสียงเข้มพูดออกมาอย่างแค้นเคือง แรงตบของเธอไม่เบาเลยเล่นเอาเขาเจ็บไปทั้งหน้า
“หยุดพูดจาหาเรื่องกันสักที ฉันไม่ได้แต่งตัวมายั่วคุณหรอก คนที่ฉันอยากยั่วไม่ใช่คุณแน่นอน” ด้วยแรงทิฐิและความโกรธทำให้ชญานินทร์พูดอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบ แหงนใบหน้าหวานขึ้นมองภูผาด้วยความเจ็บปวดและนึกเสียใจกับความรู้สึกที่เธอมีให้เขา
//////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...