ปรินทรเนรมิตลานด้านหน้าเรือนฟ้ากระจ่างดาวยามเช้าที่สวยอยู่แล้วให้สวยดุจเดินอยู่บนสรวงสวรรค์ด้วยตัวของเขาเอง อาหารหลากหลายถูกยกมาจากโรงแรม เพราะงานนี้เป็นงานแต่งงานของลูกชายหุ้นส่วนในเครือปางวิมานกรุป แล้วเจ้าบ่าวยังเป็นผู้ดูแลระบบโลจิสติกส์ของเครือปางวิมาน แต่คู่บ่าวสาวกลับยืนยันที่จะจัดงานที่ไร่แทนที่จะจัดในโรงแรม
ญาดา เจ้าสาวแสนสวยและเจ้าของไร่ที่เคยเป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เด็กของพ่อเลี้ยงธาม และเพิ่งบอกลาและถอนหมั้นเขาไปก่อนจะมีงานไม่กี่วัน ทุกอย่างกะทันหันสำหรับเขาไปหมด
พ่อเลี้ยงหนุ่มยืนพิงต้นไม้มองงานแต่งของอดีตคู่หมั้นสาวอย่างเลื่อนลอย นึกย้อนถึงการบอกลาที่ผ่านมาไม่กี่วันของเขากับเธอ
ณ ห้องจัดเลี้ยงรับรองการประชุมผู้ส่งออกดอกไม้ที่โรงแรมปางวิมานกรุงเทพฯ การประชุมที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เจอคำบอกลาจากคู่หมั้นสาวกับคนรักใหม่ของเธอ เจ้าบ่าวเป็นหนึ่งในทีมบริหารเครือปางวิมานกรุปนั้นเอง
เมื่อญาดามองเห็นพ่อเลี้ยงธามในงาน เธอก็เดินเข้าไปหาเขาทันที เพราะเธอตั้งใจจะบอกเขาอยู่แล้ว
‘ธามคะ! ญาดาขอคุยกับคุณสักครู่ได้หรือเปล่า’ ญาดาบอกเสียงเรียบแล้วก็เดินนำพ่อเลี้ยงหนุ่มออกมานอกห้องจัดเลี้ยง ‘ญาดาต้องขอโทษด้วยที่ต้องพูดคำนี้กับคุณ เรารู้จักกันมานาน ญาดาเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าตลอดเวลาที่บอกตัวเองว่ารักคุณที่จริงแล้วมันไม่ใช่ความรัก ญาดาเพิ่งรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร ความรักของญาดาตอนนี้มันสามารถทำให้ญาดาสุขได้ ยิ้มได้ เศร้าได้ เสียใจร้องไห้ได้ แต่ในเวลาเดียวกันมันกลับทำให้ยิ้มได้ทั้งที่น้ำตานองหน้า แต่มันกลับเกิดขึ้นกับผู้ชายอีกคน ญาดาไม่อาจที่จะเห็นแก่ตัวฉุดรั้งคุณให้อยู่กับญาดาต่อไปได้ ญาดาขอโทษที่เพิ่งจะบอกคุณ ทั้งที่ญาดาควรจะคิดได้ก่อนที่คุณจะตัดสินใจบินไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสด้วยซ้ำ คุณจะได้เปิดโอกาสรับคนใหม่ คุณเป็นคนดีควรที่จะได้เจอคนดีๆ ที่เหมาะสมมากกว่าญาดา’
‘ผมไม่เคยคิดว่าญาดาไม่เหมาะสมนะ ผมรักที่ญาดาเป็นญาดาแบบนี้ ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมก็ยังเหมือนเดิม’
‘ค่ะ ญาดารู้ ยิ่งคุณพูดแบบนี้ญาดายิ่งรู้สึกผิด ญาดาคงทำร้ายคนที่รักญาดา โดยหมั้นและแต่งงานกับคนที่ญาดาไม่สามารถรักได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะเจ็บปวดทั้งคู่ เรากลับเป็นเพื่อนกันเถอะนะคะ’
‘ญาดา’ พ่อเลี้ยงธามเพ้อเสียงเบา
“ญาดาขอโทษ” หญิงสาวบอกเสียงสั่นด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน น้ำตาปริ่ม
ชายหนุ่มรั้งร่างบางมากอดอย่างแสนรัก ที่เขาต้องสูญเสียเธอไปแล้วจริงๆ ญาดาร้องไห้อยู่ให้อ้อมกอดของชายหนุ่ม มันยังอบอุ่นเหมือนอ้อมอกพี่ชายที่คอยปกป้องน้องน้อยเสมอ
วันนั้นเป็นการบอกลากับคนที่เขาคบมานานหลายปี ความรักที่เกิดขึ้นและถักทอมานาน มันจบลงด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที
ความทรงจำเดิมๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง ภาพที่แม่เดินจากไปวนซ้ำกลับมาฉายอีกรอบ ตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกของพ่อแล้ว เขาคิดว่าท่านอ่อนแอและเขาเฝ้าถามว่าทำไมพ่อไม่รั้งแม่ไว้
ความรักคืออยากเห็นคนที่รักมีความสุข ต้องยอมรับมัน แต่เขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย ไม่ยอมอ่อนแอเป็นเหมือนพ่อเด็ดขาด
ฮึ! ชะตามักเล่นตลกกับเราได้เสมอ
ชายหนุ่มยังยืนมองภาพแห่งความสุขของอดีตคู่มั่นสาวอยู่ตรงนั้นเงียบๆ สลับกับมองน้องสาวที่เขาพาเธอออกมาเปิดหูเปิดตานอกไร่ครั้งแรกนับจากเกิดเรื่อง
เมื่อเห็นน้องสาวมีอาการยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นกับบรรยากาศความรื่นเริงของงานชายหนุ่มก็ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากเสร็จงานปรินทรก็เดินเลี่ยงออกมา เขาไล่สายตาไปยังทุ่งดอกไม้สีสวยสดที่อาบไล้สายหมอกยามเช้า ยืดตัวบิดขี้เกียจสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ
สายตาคมต้องชะงักค้าง ราวต้องมนตร์กับภาพธิดาแห่งมวลหมู่ดอกไม้ที่ตราตรึงสายตาเบื้องหน้า สาวน้อยอยู่ในห้วงคำนึงของเขาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะดูซูบไปกว่าแต่ก่อนมาก
รษาไม่อยากมาสักนิด แต่คุณหมอเจ้าของไข้และทุกคนลงความเห็นว่าอยากให้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง ดีกว่าให้เธออุดอู้นอนอยู่บ้าน เพราะทุกคนอยากให้เธอได้สดชื่น แม้เธอยังซีดเซียวและไม่ยอมพูด กับใครมากก็ตาม
มินตราเองก็เชียร์ออกนอกหน้า เพราะเธอมีข้อมูลเด็ดที่เพิ่งได้มา เธอยากทดสอบเหมือนกันว่าจะจริงหรือเท็จ แต่ตามที่เธอเห็น เธอเดาถูกไปมากกว่าครึ่ง
ปรินทรตื่นเต้นกับการรอคอยอันยาวนานของเขา รอวันที่เขาจะได้เจอเธอ และตอนนี้เธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว เร็วกว่าความคิด ลำขาแกร่งก้าวยาวๆ ไปถึงร่างบางทันที สาวน้อยอยู่กลางสวนดอกกุหลาบ ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะเพลิดเพลินกับดอกไม้ จนไม่รู้ว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง
“สวัสดีจ้ะเมียจ๋าที่รัก คิดถึงที่สุด มามะ มาจุ๊บที” ชายหนุ่มแหย่อย่างนึกสนุก
“คุณ! กรี๊ดด!! อย่าเข้ามานะ ออกไป” เป็นคำแรกที่เธอยอมเปล่งเสียงออกมาในรอบหลายวัน จากวันที่เธอหมดสติไปในวันนั้น
รษาหน้าซีด ปากสั่น ตัวสั่นเป็นลูกนก เหมือนเธอกำลังสติหลุด มีอาการหวาดกลัวปรินทรรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“คุณ! คุณเป็นอะไร” ปรินทรตกใจกับอาการของสาวน้อยตรงหน้า ชายหนุ่มพยายามขยับเข้าไปหาหวังจะปลอบโยน ทั้งที่เมื่อครู่เธอยังอารมณ์ดี เดินชมดอกไม้อยู่เลย
แต่พอเธอเจอเขาใบหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอเกลียดเขาได้ขนาดนั้นเลยหรือ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเกลียดเขามากมายขนาดนี้ ถึงว่าเธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขาอีกเลย นับจากที่เขาโทรศัพท์ไปวันนั้น
“อย่า! กลัว! กลัวแล้ว” สาวน้อยเพ้อวนไปวนมาซ้ำๆ แววตาสุกใสกลับดูเลื่อนลอย ตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด แล้วรษาก็วิ่งเตลิดหนีไปทันที ไม่ทันทีชายหนุ่มจะได้พูดอะไรและคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน เขามองตามร่างบางที่วิ่งออกไปอย่างเข้าใจ
“คุณอย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม!” ปรินทรตะโกนบอกตามหลังร่างบางด้วยความห่วงใย ขืนถ้าเขาวิ่งตามไปเธอคงต้องสติหลุด ตกใจกลัวเขาไปมากกว่านี้แน่ๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ รษา ทำไมคุณถึงมีอาการแบบนี้” ชายหนุ่มพึมพำตามหลังร่างบาง
ในจังหวะที่พ่อเลี้ยงธามเดินกลับเข้ามาในงาน หลังจากที่เห็นว่าน้องสาวสดชื่นขึ้นและเดินไปในแปลงดอกไม้ เขาไม่อยากหายไปจากงานนานๆ เพราะกลัวจะเป็นการเสียมารยาทหากหายไปดื้อๆ เพราะเป็นงานแต่งงานมีแต่แขกผู้ใหญ่ในจัวหวัด
ขาของชายหนุ่มชะงัก เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเจอรษาวิ่งร้องให้สวนทางมาด้วยอาการตื่นกลัวหวาดวิตก
“พี่ธาม รษาอยากกลับบ้าน กลับบ้านเรานะคะ” หญิงสาวลนลานบอกทั้งน้ำตา
คำพูดแรกของน้องสาวและอาการสั่นสะท้านของน้องสาวทำให้พ่อเลี้ยงธามตกใจหนักขึ้นกว่าเดิม
“รษาเป็นอะไร มีอะไรบอกพี่” คนเป็นพี่ละล่ำละลักถามน้องสาวเสียงสั่น
“เขา เขามา เขามา” รษาพูดเพ้อเหมือนไม่ได้สติ ดูเธอตื่นกลัวหวาดผวา สั่นเทิ้ม เหมือนเห็นอะไรสะเทือนใจอย่างแรง ทั้งที่เธอไม่มีอาการเสียสติอย่างนี้ในช่วงหลัง
“ใครรษา? บอกพี่”