บทนำ

1396 Words
เสียงโวยวายดังขึ้นลั่นบ้าน คุณหนูที่มีแต่คนตามใจตลอดบัดนี้ได้ถูกผู้เป็นพ่อแม่ออกคำสั่งให้แต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน ชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว "ทำไมจะต้องแต่งงานด้วยคะ มันมีวิธีตั้งมากมายที่จะได้ผลประโยชน์ร่วมกันโดยที่ไม่ต้องแต่งงาน ถ้าคุณพ่ออยากจะได้บริษัทมากนักก็ขอซื้อหุ้นทั้งหมดสิ" หญิงสาวเสนอความคิดเห็นในสิ่งที่เธอคิดว่าควรทำที่สุด ผู้เป็นพ่อขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะเริ่มอธิบายในสิ่งที่ลูกต้องรู้ "มันไม่ใช่ว่าอยากได้แล้วใครจะยอมขายง่ายๆ บริษัทนี้เราร่วมลงทุนกับครอบครัวของคุณลุงจ๊อดเมื่อสองปีก่อน เราแค่อยากทำกันสนุกแต่ไม่คิดว่าปัจจุบันนี้กำไรจะมหาศาล และอนาคตมันไปได้อีกไกล เราสองครอบครัวได้ลองคุยกันแล้วว่าทำไมเราจะต้องนำเงินที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงของสองครอบครัวไปให้คนอื่นร่วมใช้" "แล้วมันยังไงคะ" แจนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ กำไรร้อยล้านก็แบ่งครึ่งกันไปสิ ใครอยากจะเอาไปทำอะไรก็เอาไปไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย "คืออย่างงี้นะคะคุณลูกขา ฟังแม่นะ เราสองคนเห็นว่าตาเจมส์เหมาะสมกับลูกสาวแม่ในทุกๆด้าน เขาเป็นผู้ชายที่หล่อ รวย และทำงานเก่งมาก สองปีมานี้เขาช่วยบริหารจนบริษัทที่ลงทุนใหม่ได้กำไรทะลุ50% แถมเขายังมีบริษัทสื่อโฆษณาเป็นของตัวเองด้วย ผู้ชายแบบนี้เหมาะสมที่จะมาดูแลลูกสาวของแม่ได้" แจนหลุดขำออกมาเล็กน้อย ทำไมจะต้องมีใครมาดูแลเธอด้วย เรียนจบเมืองนอกเมืองนามาตั้งสี่ปี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรอกนะ เธอสามารถเรียนรู้และบริหารช่วยครอบครัวได้สบายมากอยู่แล้ว ทำไมต้องหาคนมาดูแลเธออีก "คุณพ่อคะ คุณแม่คะ หนูเรียนจบบริหารมาโดยตรงความสามารถก็ไม่ได้เป็นรองใคร ทำไมถึงคิดว่าหนูต้องง้อผู้ชายด้วยคะ" "มันไม่ใช่แบบเลยลูก พ่อรู้ว่าหนูเก่งค่ะ แต่พี่เขามีประสบการณ์มากกว่าหนูมากและเขาสามารถดูแลธุรกิจของสองครอบครัวได้ดี ส่วนลูกสาวพ่อก็จะมีคนคอยแนะนำและเงินทุกบาททุกสตางค์มันจะเป็นของหนูไม่ไปไหนด้วย" แจนถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ความคิดของคนรวยสมัยโบราณเขาคิดกันแบบนี้เหรอ... คุณพ่อของเธอพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาว ใจจริงมันก็แค่ข้ออ้าง เขาอยากได้เจมส์เป็นลูกเขยแค่นั้นแหละ สองปีมานี้เขารู้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนั้นมีความรับผิดชอบสูงมากและมีความคิดที่ฉลาด ลูกสาวของเขาควรจะได้คนดีๆแบบนี้มาเป็นคู่ชีวิต และเขาเชื่อว่าถ้าเด็กสองคนได้เรียนรู้กันและกัน จะรักกันได้ไม่ยากเลย "ลองไปเจอพี่เขาก่อนนะลูก รับรองว่าหนูจะต้องชอบพี่เขามากแน่นอน" แจนเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะเบะปากมองบนอย่างเสียอารมณ์ อยากให้เจอเธอก็จะไปเจอรับรองว่าเจอครั้งเดียวรีบถอยแทบไม่ทันแน่นอน หึ! ทางด้านของเจมส์ที่ตอนนี้กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ในเล้าจ์แห่งหนึ่ง วิลลี่เรียกเด็กมานั่งรอบโต๊ะนัวเนียกันจนแทบไม่ได้คุยงาน "คุณวิลลี่ครับ ตกลงว่าแบบนี้ดีมั้ยครับ" เขาเอ่ยถามครั้งสุดท้าย วิลลี่ที่หอมแก้มสาวที่นั่งข้างกายเงยหน้าขึ้นมามองเขาก่อนจะพยักหน้าโอเค "เอาแบบที่คุณเจมส์ว่าเลยครับ แล้วเอาสัญญามาด้วยรึเปล่าผมพร้อมเซ็นสัญญาเลย เพราะตอนนี้อยากไปต่อกับสาวๆที่อื่นละ" เขาหันไปหาผู้ช่วยรีบเปิดแฟ้มเอกสารสัญญาพร้อมกับยื่นปากกาให้เขาเซ็น วิลลี่จรดปากกาเซ็นอย่างไม่คิดอะไรเพราะตอนนี้เขาอยากจะพาสาวๆขึ้นห้องแล้ว "เรียบร้อยนะครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจบริษัทของผมทำสื่อให้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ขอให้มีความสุขในค่ำคืนนี้นะครับ" เจมส์รับเอกสารมาก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่โล่งใจ งานนี้รับเละแน่นอนเพราะเขาเงินถึงและงานมีตลอดทั้งปี "ยินดีเช่นกันครับ ไม่รับน้องๆไปดูแลสักคนเหรอครับคุณเจมส์ สวยๆทั้งนั้นเลย" "ไม่ดีกว่าครับเชิญคุณวิลลี่ดื่มด่ำกับความสุขที่น้องๆมอบให้เถอะ งั้นเราแยกกันตรงนี้นะครับ" "ได้ครับ ยังไงไว้เจอกันที่บริษัทของคุณนะครับ" "ได้เลยครับ" เจมส์และผู้ช่วยของเขาที่ชื่อพอลเดินออกมาด้วยกันพร้อมรอยยิ้มกว้าง ตลอดทางเจมส์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีไม่คิดว่าการคุยงานในสถานบันเทิงมันจะง่ายกว่ามานั่งคุยกันในห้องประชุมอีก เมื่อมาถึงที่บ้านเขาก็เดินเข้ามาเจอครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งคุณพ่อคุณแม่เหมือนว่ากำลังรอเขาอยู่ "ยังไม่นอนกันเหรอครับ" เจมส์เอ่ยถามอย่างสงสัยก่อนจะเดินไปตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ "มานี่ก่อนลูกแม่มีเรื่องจะคุยด้วย" "คุยอะไรครับ" เจมส์เริ่มระแวงรอยยิ้มของผู้เป็นแม่ คุณหญิงดารินยิ้มมุมปากก่อนจะเอารูปถ่ายของเด็กสาวคนหนึ่งมาให้เขาดู "คนนี้สวยมั้ย" เจมส์มองรูปภาพใบนั้นก่อนจะพยักหน้า จะบอกว่าไม่สวยก็ไม่ได้เพราะผู้หญิงคนในรูปจัดว่าสวยในระดับพรีเมี่ยมเลย ปากนิดจมูกหน่อยสเป็คเขาเลยแหละ "สวยดีครับ ใครอ่ะ" เขาเริ่มมีความอยากรู้ขึ้นมานิดหน่อย หายากมากที่จะได้เจอผู้หญิงที่ไร้การเติมแต่งแต่มองยังไงก็ไม่น่าเบื่อ "ลูกสาวเพื่อนพ่อเอง ลูกของอาบดินทร์ที่เป็นหุ้นส่วนบริษัทของเราไง" เจมส์ร้องอ่อออกมาอย่างเข้าใจ เธอคือลูกสาวคนเดียวที่ตอนนี้รู้สึกว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอก แต่เขาไม่เคยเห็นหรอกเพราะเพิ่งรู้จักอาบดินทร์เมื่อสองปีก่อนตอนร่วมธุรกิจกันเอง "ครับ สวยดี" "สเป็คเราแหละแม่รู้ อยากเจอน้องมั้ยเพิ่งกลับมาได้สักพักเองนะ" เจมส์เท้าคางมองทั้งสองคนก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "ไม่ต้องอ้อมค้อมครับว่ามาตรงๆเลย" ทั้งสองคนท่านหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา ใจจริงไม่อยากจับคู่ให้เลยแต่เขาเห็นเด็กคนนี้ครั้งแรกก็ถูกใจในความน่ารัก ความทันเล่ห์เหลี่ยมของคน คำพูดคำจาบ่งบอกว่าฉลาดกว่าวัยเดียวกัน ซึ่งบอกตามตรงลูกชายของพวกเขาก็ร้ายไม่เบาน่าจะไล่ตามกันทันได้ "แม่คุยกับครอบครัวของหนูแจนแล้วว่า จะให้ลูกทั้งสองคนแต่งงานกัน ไหนๆธุรกิจของเราสองครอบครัวก็ไปได้ดี ถ้าลูกกับหนูแจนแต่งงานกันไปแล้วช่วยกันบริหารบริษัทเงินทองจะไปไหนเสียก็เป็นของลูกทั้งสองคนนั้นแหละ" เจมส์เริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว ตอนนี้คือเขากำลังโดนจับคลุมถุงชนใช่มั้ย... "เอาตรงๆคือจะจับผมแต่งงาน" "ไม่ได้จับแต่งงาน แต่แม่เชื่อว่าถ้าเราได้เจอน้องจะต้องชอบและอยากได้มาเป็นภรรยาแน่นอน" เขามองหน้าพ่อกับแม่ก่อนจะเริ่มกุมขมับอย่างปวดหัว เขาพอรู้มาบ้างว่าพ่อกับแม่ของเขาสร้างบริษัทมากับเพื่อนแต่เล่นๆไม่ได้คิดอะไร แต่พอสองปีมานี้เขาได้เข้าไปดูแลและทำให้มันมีชื่อเสียงโด่งดังทำกำไรมหาศาล คาดว่าคงจะเสียดายในส่วนอีกครึ่ง และทางครอบครัวนั้นคงคิดแบบเดียวกัน จึงเสนอให้เขาและเด็กน้อยคนนั้นแต่งงานกัน ทุกอย่างของผู้ใหญ่มันคือผลประโยชน์ทั้งนั้น 'แล้วความรู้สึกของเขากับเด็กน้อยคนนั้นล่ะ.....'
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD