อัปสรสวรรค์พยายามสะบัดตัวอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่หยุดจากพันธนาการของคณพัทรอยู่ดี เพราะมือของเขาแข็งแรงมาก
“อยากได้เงินเท่าไหร่ บอกมา” หล่อนเชิดหน้าสูงตามนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง แม้ในใจจะหวั่นไหวไม่น้อยก็ตาม
คณพัทรยิ้มมุมปาก ก่อนจะแนบปากลงมาชิดปากของหล่อน
“อื้อ... อุ๊บบบ”
แล้วเขาก็จูบ จูบอย่างดุดันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จูบจนหล่อนเกือบหายใจไม่ออกนั่นแหละ ถึงยอมถอนปากออกไป
หล่อนหน้าตาแดงก่ำ เม้มปากบวมเป่งของตัวเองเป็นเส้นตรง มองคณพัทรอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“นายอยากตายหรือไงถึงกล้าทำกับฉันอย่างนี้!”
“ผมไม่ต้องการเงินของคุณ”
“ไม่มีใครไม่ต้องการเงินหรอก บอกมาว่าจะเอาเท่าไหร่ ต่อให้หมดบัญชีของฉัน ฉันก็จะให้นาย เพราะฉันเกลียดขี้หน้านายมาก”
“ผมต้องการตัวคุณ”
“ไอ้...”
คำตอบของเขา ทำให้หล่อนคิดหาคำด่าไม่ทันเลยทีเดียว
“จนกว่าผมจะเบื่อ”
“ไอ้บ้า! คิดว่าฉันจะยอมหรือไง ฉันไม่ใช่อีตัวนะ ไม่ใช่อีตัว จำใส่กะโหลกเอาไว้ด้วย!”
“ชูว์... อย่าเสียงดังไปสิครับท่านประธาน เดี๋ยวคุณส้มก็ได้ยินกันพอดี”
เขาซุกหน้าลงมากระซิบเบาๆ ที่ใบหูเล็ก ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียขอบหู และติ่งหู
อา...
อัปสรสวรรค์สยิวไปทั้งร่าง ความรู้สึกรัญจวนกลืนกินสติแทบทั้งหมด
“อ๊ะ... นี่นายทำบ้าอะไรเนี้ย”
หญิงสาวสะดุ้งตกใจ เมื่อเนื้อนุ่มที่ลำคอถูกปากร้อนๆ ของคณพัทรดูดแรงๆ
“แค่คิสมาร์กเองครับท่านประธาน”
หล่อนเอามือกุมลำคอตรงที่ถูกดูดเอาไว้แน่น และมองหน้าคณพัทรอย่างโมโห
“นายทำแบบนี้ คนอื่นก็เห็นน่ะสิ ไอ้คนบ้า!”
แล้วคณพัทรก็ยื่นมือมาดึงที่รัดผมออกจากศีรษะให้กับอัปสรสวรรค์ จากนั้นก็ใช้มือเกลี่ยเส้นผมสีดำขลับให้ทิ้งตัวเป็นระเบียบ
“แค่นี้ก็ไม่มีใครเห็นแล้วล่ะครับ”
อัปสรสวรรค์นิ่งงันไป เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนแสดงกริยาอ่อนโยนแบบนี้กับตัวเองมาก่อนเลย
“ผมคุณสวยขนาดนี้ ทำไมต้องมัดเอาไว้ตลอดเวลาด้วยล่ะครับ”
“อย่ามายุ่งกับร่างกายของฉัน”
หญิงสาวตั้งสติได้ก็ถอยออกห่าง และเชิดหน้าสูงเพื่อกลบเกลื่อนความหวั่นไหวของตัวเอง
“ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
“จะให้ผมออกไปไหนล่ะครับ ในเมื่อโต๊ะทำงานของผมก็อยู่ในห้องนี้ด้วย”
หญิงสาวมองตามสายตาล้อเลียนของคณพัทรไป แล้วก็ต้องท่องยุบหนอพองหนอในอกเพื่อข่มโทสะ
“นี่นายจะไม่ให้ฉันมีช่องว่างหายใจบ้างเลยหรือไง นายคณพัทร!”
“ครามครับ เรียกผมว่าครามน่าจะเหมาะกว่า”
“นายคณพัทร!” หล่อนยังคงไม่ยอมแพ้
“โอเคครับ เอาเป็นว่าตอนนี้คุณจะเรียกผมว่าคณพัทรก็ตามใจคุณ แต่ผมสาบานเลยนะว่า หากเราอยู่ด้วยกันบนเตียง บนโต๊ะ หรือว่าบนระเบียง คุณจะต้องครางเรียกผมว่า ครามคะ ครามขา...”
“ไอ้โรคจิต!”
ชายหนุ่มหัวเราะร่วน ก่อนจะเดินไปหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง ซึ่งเป็นลักษณะหันข้างให้กับโต๊ะทำงานของอัปสรสวรรค์
เขาลอบมองเสี้ยวหน้าขาวเนียนที่ยังคงมีร่องรอยความกรุ่นโกรธของหญิงสาวด้วยความพึงพอใจ และก็แอบอมยิ้มคนเดียว
ท่าทางระแวดระวังภัยแปลกประหลาดของอัปสรสวรรค์ทำให้เลขาหน้าห้องถึงกับต้องเอ่ยถามด้วยความแคลงใจ
“ท่านประธานเป็นอะไรเปล่าคะ ทำไมดูเหมือนกำลังหนีใครอยู่”
“ชูว์...”
อัปสรสวรรค์ยกมือขึ้นแตะปากตัวเองเพื่อส่งสัญญาณให้เลขาเบาเสียง ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆ
“ฉันจะออกไปพบลูกค้าน่ะ”
“อ๋อ ท่านประธานไปกับคุณครามใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่ ฉันจะไปคนเดียว” แล้วอัปสรสวรรค์ก็หันมองไปรอบๆ ตัว พอเห็นว่าไม่มีคณพัทรก็ยิ้มโล่งใจออกมา
“นายนั่นยังไม่กลับเข้ามาใช่ไหม”
“นายนั่น?”
“ก็นายคณพัทรนั่นแหละ เขายังไม่กลับมาจากพักกลางวันใช่ไหมคุณส้ม”
“อ๋อ... คุณครามยังไม่กลับเข้ามาค่ะ ท่านประธานจะให้ส้มโทรตามให้ไหมคะ”
“หยุดเลย ไม่ต้อง”
หล่อนกำลังจะหนี จะโทรตามทำไมล่ะ
อัปสรสวรรค์ต่อว่าเลขาในใจ
“ถ้านายนั่นกลับมา ก็บอกไปนะว่าฉันต้องไปประชุมต่างจังหวัดด่วน”
“แต่ท่านประธานไม่มี...” เลขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้น
“ฉันสั่งยังไงก็ทำแบบนั้นแหละ บอกไปเลยว่าฉันไปประชุมต่างจังหวัดสักเดือนหนึ่งก็ได้”
“เดือนหนึ่งเลยเหรอคะ”
“ใช่ บอกไปตามนี้นะ เข้าใจไหม”
แม้จะงงๆ แต่เลขาฯ ก็ไม่สามารถถามหาเหตุผลจากเจ้านายได้
“ค่ะ ท่านประธาน”
อัปสรสวรรค์ยิ้มอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินหายเข้าไปในลิฟต์ มุ่งหน้าลงไปยังที่จอดรถยนต์ของตัวเองทันที
“ฉันจะไม่ยอมให้นายมาข่มขู่ได้อีกแล้วล่ะ”
หญิงสาวเดินมาถึงรถยนต์หรู กดรีโมทเปิดประตูรถ และก้าวขึ้นไปนั่ง กำลังจะออกรถอยู่แล้ว แต่ประตูฝั่งคนนั่งข้างคนขับก็ถูกกระชากเปิดออก พร้อมกับคณพัทรที่ก้าวขึ้นมานั่งข้างๆ
“นาย...?!”
“จะออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นบอกผู้ช่วยฯ อย่างผมเลยนะครับท่านประธาน”
อัปสรสวรรค์หลับตาลง และลืมขึ้นใหม่เพราะคิดว่าตัวเองฝันไป
แต่...
คณพัทรก็ยังนั่งพิงเบาะรถ และส่งยิ้มล้อเลียนมาให้หล่อนเหมือนเดิม
“นี่นาย... มาได้ยังไงเนี้ย”
“ผมก็แค่เดินตามท่านประธานมาครับ ดีนะครับที่มาทันก่อนที่ท่านประธานจะล็อกรถ”
แล้วคนพูดก็ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับตัวเสร็จสรรพ
“ลงไปเลยนะ ฉันจะไปคนเดียว”
“ผมเป็นผู้ช่วยของท่านประธาน ผมต้องไปด้วยครับ”
“ฉันไม่ให้ไป ลงไปเลยนะ!”
อัปสรสวรรค์ชะโงกตัวเข้าไปแนบชิดกับคณพัทรเพื่อจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวของเขา และตั้งใจจะถีบเขาลงจากรถ แต่...
ใบหน้าใกล้ชิดกันเกินไป และชายหนุ่มก็ฉวยโอกาสสอดมือรองใต้ท้ายทอยของหล่อน จากนั้นก็กดศีรษะของหล่อนลงมาหา เพื่อให้ปากประกบกันแนบแน่น
“อื้อ... อื้อ...”
จูบระหว่างหล่อนกับคณพัทรเกิดขึ้นอีกแล้ว และแต่ละครั้งมันก็เขย่ากำแพงศักดิ์ศรีของหล่อนให้เกิดรอยร้าวมากมาย
จูบ...
ที่ไม่เคยปรารถนา แต่มันกลับทำให้หัวใจซาบซ่านแปลกประหลาด
รู้สึกดีขึ้นทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับปากของผู้ชายคนนี้
บ้า...
มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย
ก็แค่จูบที่หล่อนถูกบังคับ และหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น
คณพัทรถอนจูบออกไป รอยยิ้มจากริมฝีปากหยักสวยของเขาทำให้หล่อนคลายจากอาการเคลิบเคลิ้มในทันที
"คุณชักติดใจจูบของผมแล้วสินะครับ”
“ไม่มีทาง ฉันเกลียดจูบของนาย!”
ชายหนุ่มหัวเราะร่วน เอนกายกำยำพิงกับเบาะรถ ขณะมองหญิงสาวข้างตัวที่กำลังหน้าแดงระเรื่อด้วยความพึงพอใจเงียบๆ