Episode-๑๗ เริ่มต้นใหม่

1499 Words
ความรักครั้งก่อนทำเอาฉันสาหัสไม่น้อยเลย มันทำให้ฉันไม่เป็นตัวเองและจมอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ กระทั่งเจอใครคนหนึ่ง... เขาบอกฉันว่าอกหักเขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ เขาเริ่มต้นใหม่กันทั้งนั้นแหละ ใช่ค่ะฉันเริ่มต้นใหม่จริง ๆ แม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ถูกเรียกว่าคนคุยก็ตาม กับเขาคนนี้ฉันไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ทีแรกฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายเท่านั้นเอง นิสัยเขาเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้เช่นกันรู้แค่ว่าเพลย์บอยพอสมควร จะว่าไปก็คงไม่ต่างจากพี่ชายฉันเท่าไหร่ เรามีโอกาสเจอกันบ่อยขึ้นและทุกครั้งเขามักจะเห็นน้ำตาของฉันเสมอ อายเหมือนกันนะแต่ทำไงได้ก็ตอนนั้นมันยังเจ็บอยู่ และก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่คอยพูดคอยเตือนสติแถมยังเข้าใจความรู้สึกฉันเป็นอย่างดีจนมารู้ทีหลังว่าเขาเพิ่งเลิกกับแฟน นานหลายเดือนที่ฉันติดตามเขาในโซเชียลก็เห็นหมดแหละค่ะว่าอะไรเป็นอะไร พี่เขาไม่ค่อยโพสต์รูปหรืออัพเดตชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่นาน ๆ ถึงจะลงสักทียอดถูกใจเยอะมากหนึ่งในนั้นก็เป็นฉัน กระทั่งวันหนึ่งมีแชทแปลก ๆ ส่งมาหาฉัน เข้าไปส่องโปรไฟล์มาสวยค่ะแต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาบอกประมาณว่าฉันไปยุ่งกับแฟนเขา และคนที่ถูกอ้างถึงก็คือพี่คนนั้นนั่นแหละ ฉันตัดสินใจถามไปตามตรงหากว่าเขามีแฟนแล้วจริง ๆ ฉันจะเลิกยุ่งเพราะไม่อยากไปขั้นกลางความสัมพันธ์ของใครแต่ว่าคำตอบที่ได้คือพี่เขายังโสดค่ะ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเราก็พูดคุยกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ของเราไม่มีชื่อเรียก เขาไม่บอกใครส่วนฉันก็บอกใครไม่ได้ เป็นความสัมพันธ์ที่รู้กันแค่สองคนจริง ๆ ชื่อเสียงเรียงนามของเขาฉันได้ยินมาหนาหูพอสมควรแต่ก็เลือกที่จะมองข้ามแล้วมีความสุขกับพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเอง ตราบใดที่เขายังไม่เรียกใครว่าแฟนฉันก็ถือว่าตัวเองยังมีสิทธิ์ค่ะ ถึงตอนนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงหวั่นไหวง่ายตอนกำลังเสียใจเพราะว่าใครอีกคนเข้ามาทำให้รู้สึกว่าเรามีค่ากับเขาไง ช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ผ่านมานี้ฉันค้นพบว่าตัวเองมีความสุขได้มากกว่านี้แค่ตอนนั้นหลงอยู่กับคำว่ารักแรกมากไปเท่านั้นเอง พอได้เริ่มต้นใหม่ได้เจอคนใหม่ ๆ มันก็ทำให้รู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีผู้คนอีกมากมายที่พร้อมจะเคียงข้างฉันโดยไม่สนว่าฉันเจออะไรมา... “ไหนพี่บอกว่าความลับไงคะ” เอ่ยถามแทบจะทันทีเมื่ออยู่ ๆ ก็เจอพ่อกับแม่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว “แล้วพี่บอกเหรอว่าจะเป็นความลับตลอดไป” “...” เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกนอกจากยิ้มให้ฉันแล้วเดินนำเข้าไปในตลาด ความลับของเขาคืออะไรฉันไม่รู้ แต่ความลับของฉันคือพี่มิวค่ะ แน่นอนว่าฉันยังจำคำเตือนของเขาได้ดี “คุยกับไอ้ปั้นอยู่เหรอ” “...” “พี่จะไม่ห้ามหรอกนะแต่รู้ไว้เถอะว่ามันไม่จริงจังกับใครง่าย ๆ หรอก” ที่ผ่านมาพี่มิวรับรู้มาโดยตลอดแต่ก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยู่ในสายตาเขามาโดยตลอดเช่นกัน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสนิทกันเลยรู้ว่านิสัยและตัวตนที่แท้จริงของเพื่อนตัวเองเป็นยังไงด้วยแหละ ฉันคิดนะหากว่าวันหนึ่งความสัมพันธ์ของฉันกับเขาจบลงหรือไม่ได้ดีอย่างที่หวังไว้ระหว่างพวกเขาจะยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิมไหม หรืออาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงฉันคงคิดมากไปเอง “แล้วถ้าพี่มิวรู้ล่ะคะ” “มันต้องรู้อยู่แล้วแต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพี่คุยเอง” น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมากนักต่างจากตอนแรกที่ออกคำสั่งกับฉันว่าอย่าให้รู้โดยสิ้นเชิง ตกลงมันยังไงนะเขากำลังจริงจังหรือว่าฉันคิดมากไปเอง กว่าจะได้กลับบ้านฉันได้ของกินเยอะแยะเลยค่ะ ก็แม่เขานั่นแหละซื้อให้จนฉันต้องเอ่ยปากห้าม “พอแล้วค่ะคุณน้าหนูกินไม่หมดแล้วเนี่ย” “จริงด้วย” “ซื้อให้หมดไม่สนลูกใคร” พ่อเขาว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ “ลูกใครล่ะ ก็ลูกสะใภ้เราไง” “แม่ครับ!” “หรือจะปฏิเสธ?” “ไม่ใช่แบบนั้นแต่พ่อกับแม่ก็ตรงเกินไปน้องทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย” “แกต่างหากทำตัวไม่ถูก” ฉันก็ทำตัวไม่ถูกค่ะ เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อยแต่ทำไมถึงถูกเข้าใจไปแบบนั้น “จะห้าโมงเย็นแล้ว” ฉันกระซิบบอกเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่พี่มิวจะเลิกงาน “เจอกันที่บ้านนะครับผมไปส่งน้องก่อน” “อืม ขับรถดี ๆ นะลูก” “ครับ” “หนูกลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ” ก่อนกลับก็ไม่ลืมยกมือไหว้อีกครั้ง แอบกระซิบหน่อยค่ะว่าพ่อแม่เขาน่ารักมาก ไม่ได้ดุอย่างที่คิดเลยแถมยังดูเข้าใจความรักของวัยรุ่นเป็นอย่างดีอีกด้วย “ไว้มีโอกาสเราเจอกันอีกนะ” พ่อของเขาพูดขึ้นแต่กลับเสมอสายตาไปทางลูกชายตัวเอง “ถ้ามันเหี้ยก็เขี่ยมันทิ้งไปได้เลย” “ค่ะ” “อ้าว!” … : ฮ่า ๆ กลั้นหัวเราะไม่ได้จริง ๆ ค่ะ บอกแล้วว่าครอบครัวเขาน่ารัก “พ่อแม่พี่น่ารักดีนะ” ฉันว่ายิ้ม ๆ เมื่อกลับมาถึงรถ “ถ้าโดยปกติก็ใช่ แต่ถ้าพี่หรือเพียงฝันทำผิดก็จะต่างไปอีกแบบ” “เขาดูเข้าใจความรักวัยพวกเรามากเลย ไม่ได้มองหนูด้วยสายตาแปลก ๆ” “ไม่หรอก พ่อกับแม่พี่บอกเสมอว่าทุกคนสามารถมีความรักได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เหี้ยที่สุด เลวที่สุดหรือแม้กระทั่งคนเย็นชากร้านโลกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะมีความรักได้เช่นกัน” “ดีจัง...” มันดีมากจริง ๆ ค่ะ คนรอบข้างเขาดีแบบนี้นี่เองเขาถึงมีวิธีพูดให้ฉันรู้สึกดีและคิดได้ไม่จมปรักอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ เหมือนในตอนนั้น “ปกติอยู่บ้านกับใครบ้าง” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยพลางมองเข้าไปในตัวบ้านฉันที่มีแต่ความว่างเปล่า “พ่อกับพี่มิวค่ะ แต่ว่าช่วงนี้พ่อเขาไปอยู่กับแฟนเขาน่ะอาทิตย์หนึ่งถึงจะกลับมาสักทีที่บ้านเลยเหลือกันสองคนพี่น้อง” พ่อกับแม่ฉันแยกทางกันนานแล้วค่ะ ท่านจบกันด้วยดีและยังคงทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้เราสองคนเป็นอย่างดีอีกด้วย “แล้วแม่อยู่ไหน” “อยู่บ้านยายที่ต่างจังหวัดค่ะ” “อ๋อ” “หนูเข้าบ้านแล้วนะ สวัสดีค่ะ” “ถึงบ้านเดี๋ยวพี่โทรหา” “ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินเข้าบ้านด้วยความสดใสแต่พอถึงหน้าประตูถึงกับหยุดชะงักเลยทีเดียว “พี่มิว” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” นานหลายนาทีที่ความเงียบเข้าปกคลุม ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงยิ่งเห็นท่าทางนิ่งเฉยของคนตรงหน้าฉันยิ่งทำตัวไม่ถูก มันเกร็งมันกังวลไปหมดเลยค่ะ “ไปไหนมาเหรอ?” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยพร้อมกับสายตาว่างเปล่า “ไปห้างสรรพสินค้าแล้วก็ตลาดนัดค่ะ” “แล้วในมือล่ะ” หมายถึงแคร์แบร์ที่ฉันกอดอยู่สินะ “พี่เขาซื้อให้ เป็นของขวัญวันเกิดค่ะ” ประโยคหลังแทบจะกลั้นหายใจด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรผิดแต่ทำไมต้องกังวลขนาดนี้ด้วยนะ “วันนี้เลิกเรียนกี่โมง” “ครึ่งวันค่ะ” “...” “ขอโทษค่ะที่ไม่ได้บอกแต่หนูไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยนะ แล้วพี่เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินหรือ...” “ไม่ต้องแก้ต่างแทนมันหรอกถ้าเลือกแล้วว่านี่คือการเริ่มต้นใหม่พี่ก็จะไม่ห้ามหรอกนะ แล้วก็หวังว่าเราจะใช้สติมากกว่าความรู้สึกหากว่าวันหนึ่งทุกอย่างมันไม่ได้เป็นแบบที่คิด แล้วก็ไม่ต้องไปบอกมันล่ะว่าพี่รู้ทุกอย่าง ดูซิว่ามันมีความสามารถรับผิดชอบความรู้สึกตัวเองมากน้อยแค่ไหน เราก็เหมือนกันอย่าเอาทุกความรู้สึกไปไว้ที่มันมากนัก ถือว่าพี่เตือนแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD