“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอคะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยก่อนจะนั่งลงข้างผม
“ไปค่ะ หนูจะไปกับพี่ไหม”
“ไปค่ะ!!” ฉีกยิ้มกว้างรอเชียวครับ
“ไม่ถามหน่อยเหรอว่าไปไหน?”
“ไม่ถามหรอก ถ้าพี่ชวนแสดงว่าที่นั่นปลอดภัยหนูไปได้” ใช่ครับ ถ้ามันอโคจรหรือรายล้อมไปด้วยสิ่งไม่ดีผมไม่ให้น้องไปอยู่แล้ว
“แต่งตัวสวย ๆ นะ”
“ได้เลย”
สองทุ่มก็มาถึงบ้านไอ้มิวครับ คนเยอะพอสมควร
“งานเลี้ยงอะไรเหรอคะ”
“วันเกิดลุงมัดน่ะ”
“อ๋อ...”
“กูจำได้ว่าเมื่อวานไม่ใช่คนนี้นี่หว่า” เพื่อนในกลุ่มแซวขึ้นเมื่อเห็นผมจูงมือเพียงฝันเข้ามา
“มุขโคตรโบราณเขาเลิกเล่นกันแล้ว”
“ไอ้สัสทำเฉไฉ” สนิทจริง ๆ เท่านั้นแหละครับที่จะรู้ว่าเพียงฝันเป็นน้องสาวผม ส่วนที่เหลือก็คบได้แต่ไม่ได้ถึงขั้นเพื่อนรักเพื่อนตายเท่านั้นเอง
“พี่ ๆ สวัสดีค่ะ”
... : ครับ
เพียงฝันสนิทกับเพื่อนผมเกือบทุกคนครับ ที่ซี้เลยก็ไอ้จุ้นห่าวนั่นแหละ
“ตัวเล็ก ทางนี้” เห็นไหมครับ ผิดจากที่ผมบอกซะที่ไหนกัน แค่เอ่ยปากเรียกเจ้าตัวก็เดินดุ๊กดิ๊กไปนั่งด้วยแล้ว
“ไอ้ปั้นกูมีอะไรจะสารภาพกับมึงด้วยแหละ” คล้อยหลังน้องไอ้มิวก็พูดขึ้น
“ว่า?”
“อย่าโกรธกูนะ”
“พูดมาสิ”
“คือกูไม่รู้ว่าพ่อกูรู้จักกับพ่อพี่เอิง”
“แล้ว?”
“ก็เขามาด้วย คือพ่อกูเชิญไป”
“ช่างสิ เรื่องของเขา” ตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ถึงจะเลิกกันได้ไม่นานแต่ผมก็โอเคแล้วครับ ไม่ถึงกับดีขึ้นมากแต่ก็ไม่ได้แย่ลง
เวลาสามปีถามว่านานไหมมันก็นาน ช่วงแรกยอมรับว่าอยู่ไม่ได้ แต่พอนานวันเข้าความรู้สึกมันกลับเฉยไปเอง อาจจะมีบ้างบางเวลาที่เข้าไปส่องโซเชียลของเขา แต่ก็นั่นแหละครับเขาก็มีความสุขดีไม่ได้ทุกข์ร้อนจะเป็นจะตายเหมือนผมด้วยซ้ำ เห็นแบบนั้นก็เลิกสนใจเขาแล้วหันมาสนใจตัวเองจริง ๆ สักที
“กูไม่คิดว่ามึงจะทำใจได้จริง ๆ นะเนี่ย”
“หรือว่ามึงมีสาวน้อยในดวงใจแล้ว?” ไอ้แก้มแทรกขึ้นมาบ้าง “กูว่าต้องใช่แน่ ๆ”
“ไม่มี” ตอบออกไปตามความจริง ที่คุย ๆ ก็มีบ้างแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นความสัมพันธ์ที่สบายใจกันทั้งสองฝ่ายเพราะไม่ได้เอาหัวใจหรือเอาความรู้สึกลงไปเล่น แค่สนุก ๆ เท่านั้นเอง “พอเลิกสนใจเขาแล้วชีวิตกูง่ายขึ้นเยอะเลย ตอนนั้นประสาทจะแดกทุกวัน เขาคุยกับใคร เขาทำอะไรที่ไหน ระแวง คิดไปต่าง ๆ นา ๆ คงเป็นเพราะตอนนั้นกูเอาหัวใจไปไว้ที่เขามากเกินไปมั้ง แต่ตอนนี้ไม่อะไรแล้วรู้สึกว่าการใช้ชีวิตของตัวเองมีความสุขมากขึ้นเยอะเลย”
“แน่สิ! สาว ๆ รอบเอวขนาดนั้น”
“เขาเรียกว่าบริหารเสน่ห์”
“เอาที่มึงสบายใจเลย เห็นมึงไม่ทำหน้าเบื่อโลกพวกกูก็ดีใจแล้ว”
แค่เพียงไม่นานเอิงเอยก็มาครับ เขาก็มากับครอบครัวเขานั่นแหละ
“ไงเรา”
“สวัสดีครับ” ผมยังคงยกมือไหว้ทักทายพ่อแม่ของเธออย่างเช่นทุกครั้ง
“อาทิตย์หน้าลุงนัดกันไปเที่ยวเราไปด้วยไหม”
“คงไม่ได้ไปครับเพราะอีกสองสามวันนี้ผมต้องฝึกงานแล้ว”
“งั้นไว้คราวหน้าแล้วกันนะ”
“ครับ” บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนว่าลุงโอมจะอยากพูดอะไรกับผมนะ แต่ช่างเถอะ!
“เขารู้ไหมว่ามึงเลิกกันแล้ว” ไอ้เคมีเอ่ยหลังจากฟังอยู่นาน
“รู้สิ แต่เขาเป็นเพื่อนรักของพ่อกูไงจะไม่ให้พูดคุยกันเลยมันก็ไม่ได้อีก”
“กูล่ะอึดอัดแทน”
ตอนแรกผมก็อึดอัดครับ มันทำตัวไม่ถูก แต่ตอนนี้เฉย ๆ ผมจะเลิกหรือไม่เลิกกันความสัมพันธ์ของพ่อกับลุงโอมก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ
ทุกอย่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงเวลาของการเป่าเค้ก
... : พี่มิว ใกล้ได้เวลาแล้วนะคะ
น้ำเสียงใสของใครบางคนดังขึ้นก่อนหยุดยืนตรงหน้าผม ไม่รู้ว่าน้องจำได้หรือเปล่าแต่ผมน่ะจำแม่นเลย
“เดี๋ยวกูมานะ” ไอ้มิวหันมาบอกพวกผมแล้วลุกออกไปจากตรงนี้เพื่อไปเตรียมเค้กนั่นแหละ
“สนใจเหรอวะ”
“เปล่า”
“ในโลกใบนี้มึงโกหกใครก็ได้นะ แต่ไม่ใช่พวกกูที่เป็นเพื่อนสนิทมึง” ไอ้แก้มเอ่ยพลางมองตามคนทั้งคู่ไปจนสุดสายตา “นั่นเสียงเพลงน้องสาวไอ้มิวมัน น่าจะรุ่นเดียวกับน้องสาวมึงนั่นแหละ”
“คนนี้เหรอที่มันบอกว่าอกหักร้องไห้สามวันสามคืน”
“เออ มันก็มีอยู่คนเดียวแต่น้องอยู่ต่างจังหวัดกับยายไงเพิ่งย้ายมานี่แหละ”
“อืม เคยได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็นหน้าจริง ๆ สักที”
“ก็เห็นซะ น่ารักด้วยคิกคิก มึงว่าไง”
“อะไร?”
“พี่กำปั้นคะกูเป็นเพื่อนสนิทมึงค่ะ เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนตอนนี้หอยเท่าฝาบ้านแล้ว แค่มองตามึงกูก็รู้แล้วค่ะ”
“ไม่ได้อะไรนี่ ก็น่ารักดี”
“ฮั่นแน่...”
“...”
ตลอดงานผมก็เฮฮาไปตามประสา ดื่มเล่นกันปกติจนเผลอไปสบตากับเอิงเอยโดยไม่ตั้งใจ เรามองหน้ากันนิ่ง ๆ สายตาเธอมันบอกอะไรเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดขณะที่ผมมีแต่ความว่างเปล่า
“สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของใครบางคนทำให้ผมละสายตาจากตรงนั้นมาสนใจคนตรงหน้าแทน “พี่จำหนูได้ไหม?” ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นเหล็กจัดฟันสีสวยเชียวครับ
“จำได้ครับ”
“ขอโทษอีกครั้งนะคะทำเสื้อพี่เลอะด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมว่ายิ้ม ๆ “ไม่ยักรู้ว่าเราเป็นน้องไอ้มิวนะเนี่ย”
“ไม่แปลกหรอกค่ะหนูไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะยายขอเลี้ยงเองตั้งแต่เล็ก ๆ เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ” ประโยคยาว ๆ ยังคงเอ่ยออกมาพร้อมกับความสดใส น้องยิ้มเก่งมากครับ “ว่าแต่...ช่างเถอะ” เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนใจไม่พูดอีก
“แต่อะไร”
“ถามได้เหรอคะ? มันจะดูละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า”
“ถามมาครับ”
“พี่เจ็บหรือเปล่า หนูเห็นมีเรื่องกัน”
“ไม่หรอก ก็เท่าที่เราเห็นนั่นแหละ”
“จริงเหรอคะ แต่หนูเห็น...”
“เสียงเพลง! ออกห่างจากมันเดี๋ยวนี้เลย” ไม่พูดเปล่าไอ้มิวยังรั้งน้องไปด้านหลังตัวเองอีกด้วย
“มึงทำให้กูดูแย่”
... : ฮ่า ๆ ๆ
“มึงน่ะตัวดีเลย นี่น้องสาวกูห้ามยุ่ง!”
“เมื่อวานน้องมึงชนกู ขอโทษทีพอดีพรหมลิขิตไว้ก่อนแล้ว” ผมว่ายิ้ม ๆ ไม่ได้อะไรแค่กวนประสาทมันเท่านั้นเอง
“ไม่ต้องบอกกูก็รู้ ไม่ต้องรอให้ใครลิขิตหรอก”
“อะไรของมึงวะช่วยขยายความหน่อย” ไอ้เคมีแทรกขึ้นมาบ้าง
“กูเป็นเพื่อนมึงมานานยังไม่เห็นมีผู้หญิงคนไหนทำให้มึงละสายตาจากพี่เอิงได้สักที เพิ่งเห็นก็วันนี้แหละ”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนี่หว่า ไม่อยู่ในสายตากูก็ถูกแล้ว”
“แต่เป็นน้องกูที่อยู่ในสายตามึงแทน”
“ไร้สาระ!”
“อย่าตกหลุมพรางมันเข้าล่ะ” ถึงกับส่ายหน้าให้ครับ แทนที่จะสนใจคำพูดของผมมันกลับหันไปบอกน้องแทน “ไอ้นี่มันเจ้าชู้”
“เหมือนพี่ใช่ไหมคะ?”
“เสียงเพลง!”
... : ฮ่า ๆ
ยิ่งดึกก็ยิ่งสนุกครับ ผู้ใหญ่ทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว เหลือแต่พวกผมแล้วก็คนอื่นอีกนิดหน่อย
“เดี๋ยวกูมานะ” หันไปบอกพวกมันแล้วแยกตัวออกมาสูบบุหรี่ด้านนอก
“ไหนว่าเลิกแล้วไง”
“...” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร แล้วก็ไม่ได้หันไปมองด้วย
“เป็นยังไงบ้าง นายดูผอมลงเยอะเลย”
“ยังไม่ตายสบายดี”
“...”
“มีอะไรจะพูดอีกไหม? ถ้าไม่มีผมขอตัว”
“น้องเสียงเพลงน่ารักดีนะ เห็นนายแอบมองบ่อย ๆ”
“ใช่! น่ารัก”
“...”