EP.15 พระจันทร์แสนสวย

1228 Words
EP.15 สายลมเย็นพัดแผ่วผ่านเย็นสบาย หมู่ไม้ใหญ่น้อยโบกสะบัดกวัดไกวปานหยอกล้อกัน ยามค่ำเช่นนี้อาณาบริเวณโดยรอบเงียบสงบ เพราะบ้านแต่ละหลังตั้งอยู่ห่างกันพอสมควร ซอยนี้จึงร้างรารถที่จะแล่นสวนไปมา จะว่าไปอีกแบบ บ้านหลังนี้แทบจะตั้งอยู่ท้ายซอยเสียด้วยซ้ำ ทั้งรั้วรอบหลังอื่นๆ ก็เป็นบ้านสวน ที่เต็มไปด้วยผลไม้ซึ่งปลูกและให้ผลผลิตตามฤดูกาล ทั้งลำไย ลิ้นจี่ มะปราง ทุเรียนและเงาะ คุณสัญชณีเป็นหญิงกลางคนวัยห้าสิบกว่า เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านนายพลสุรเรนทร์ มีพี่ชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวนั่นก็คือนายพลสาโรจน์ ซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน นายพลสาโรจน์นี่เอง ที่เป็นบิดาแท้ๆ ของศวิตา ศวิตา จินสุดานันท์ หลังจากพี่ชายแท้ๆ เสียชีวิต บ้านที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านใหญ่ เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษได้ถูกภรรยาของท่านนายพลสาโรจน์ขายเพื่อนำเงินทั้งหมดมาจุนเจือตัวเองและแบ่งเงินจำนวนหนึ่งให้กับคุณสัญชณี ที่ตัดสินใจมาซื้อบ้านสวนอยู่ยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะอยากจะอยู่กับความเงียบสงบไม่อยากวุ่นวายใจในเมืองหลวง คุณสัญชณีไม่มีสามี ทั้งเธอยังไม่ได้มีใจให้แก่ใครหลังจากคนที่เธอรักแต่งงานไปกับเพื่อนในสมัยเรียน เธอจึงเป็นสาวโสด เรียกได้ว่าเป็นสาวแก่และยังหันหน้ามาพึ่งพระธรรมคำสั่งสอนเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เนื่องเพราะไม่มีสามี คุณสัญชณีจึงไม่มีทายาท ส่วนศวิตา เป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลจินสุดานันท์เพียงคนเดียวที่มารดาของเธอรังเกียจเดียดฉันท์ เพราะตอนเล็กๆ ศวิตาเป็นเด็กไม่สมบูรณ์ ตัวผอมเหลือง ไม่น่ารักเหมือนอย่างพี่ๆ จึงถูกมารดาเรียกเสมอว่าเป็นยายลูกเป็ดขี้เหร่และยกให้กับคุณสัญชณีเลี้ยงดูอย่างไม่สนใจไยดีอะไรอีก ด้วยเพราะความรักของมารดาที่แทบจะไม่มีให้แก่เธอ จะมีแต่คุณสัญชณีเท่านั้นที่ทั้งรักและดูแลเธอมาตั้งแต่เล็กๆ ศวิตาจึงซาบซึ้งในน้ำใจของผู้เป็นอา ทั้งคำสั่งสอนที่บ่มเพาะดอกไม้แคระแกรนต้นนี้จนกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนอ่อนหวาน จากลูกเป็ดขี้เหร่ในวัยเด็ก พอโตขึ้นศวิตากลับแปรเปลี่ยนเป็นอีกคนที่สวยสมดั่งนางฟ้าของผู้พบเห็น ทั้งยังชื่นชมในความมีมารยาทงามของหญิงสาว ที่ทั้งอ่อนน้อม อ่อนหวานสมดั่งชื่อ...น้ำตาล “น้ำตาลของอาเป็นเด็กที่โชคดี มีต้นทุนชีวิตดีกว่าคนอื่นๆ” คุณสัญชณีมักจะสอนหลานสาวเช่นนี้เสมอ เพราะมีต้นทุนชีวิตซึ่งต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมาย ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว จะมีแต่จากผู้เป็นอาเท่านั้นที่ดูแลเอาใจใส่อย่างดี เติมเต็มส่วนที่หาย ทั้งศวิตายังเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่งสอน เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย จึงเป็นที่รักของผู้คนรอบข้างและคนที่ได้รู้จักได้พูดคุย “อย่าได้แคร์กับคำพูดของใครที่ว่าเราไม่มีพ่อแม่ เพราะจริงๆ แล้วน้ำตาลของอามีอาเป็นทั้งพ่อทั้งแม่อยู่แล้ว” “หนูไม่ได้กลัวเลยค่ะ กับสิ่งเหล่านี้” ศวิตาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แม้ว่าบางครั้งเธอจะคลางแคลงใจ หากสุดท้ายก็ตัดสิ่งนั้นไป เพราะรู้เหตุผลที่มารดาไม่รักและไม่มาสนใจไยดีเธอ แม่ของเธออาจจะมีเหตุผลเป็นของตัวเอง เหตุผลที่จำเป็นจะต้องทิ้งเธอไว้กับอาแค่สองคน โดยไม่แม้จะมาเยี่ยมกรายใกล้สักนิด “เพราะหนูรู้ ความรักจากคุณอาที่มีต่อหนู มันมากมายจนหนูไม่จำเป็นจะต้องไปถามหาจากใครที่ไหนอีกแล้ว” เธอว่าด้วยรอยยิ้มบาง คุณสัญชณียกมือขึ้นลูบเส้นผมของหลานสาวแล้วยิ้ม “ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว อาดีใจเหลือเกินที่หลานสาวของอาเข้าใจ” ศวิตาโผเข้าสวมกอดคุณสัญชณีพร้อมกับหยาดน้ำตาเอ่อคลอ “หนูรู้สึกโชคดีต่างหากค่ะคุณอา ที่มีคุณอาดูแลและทั้งรักทั้งเอ็นดูหนู หนูไม่ได้เรียกร้องอะไรหรือเอาตัวเองไปเปรียบกับใครที่เหนือกว่า เพราะหนูรู้ว่ายังมีใครอีกหลายคนที่ครอบครัวของเขาไม่สมบูรณ์ครบพร้อม เขาด้อยกว่าเรามาก เขายังอยู่ได้แล้วเหตุใดหนูซึ่งมีคุณอาจะอยู่ไม่ได้ล่ะคะ” เธอไม่ได้คิดเปรียบเทียบกับคนที่สูงกว่า แต่คนที่ต่ำกว่ายังมีอีกเยอะ พวกเขาเหล่านั้นลำบากกว่าเธอหลายร้อยเท่าพวกเขายังอยู่ได้ ไฉนเลยเธอที่มีทุกอย่างครบพร้อม ไม่ได้ลำบากจนออกไปตามหาอะไร จะต้องรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าเพียงแค่มารดาไม่สนใจ...เรื่องแค่นี้มันน้อยนัก ชีวิตของคนเรา กว่าจะเกิดมาได้ก็ยากลำบากแล้ว การที่จะมีชีวิตต่อไปก็ยิ่งยากไปอีก เรามีโอกาส พวกเราถือว่าโชคดีที่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็สมควรจะรักษาให้มันดีที่สุด เพราะยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องมาตายทั้งที่อายุยังน้อย ยิ่งมาคิดน้อยใจมารดาที่ไม่สนใจไยดี ยิ่งไม่มีในความคิดของหญิงสาว เพราะการที่แม่ให้ชีวิตเธอเกิดมาได้นั้นก็คือว่าเป็นบุญอันใหญ่หลวงแล้ว แสงจันทร์ส่องกระจ่างฟ้า ศวิตานอนหนุนตักคุณสัญชณี แหงนเงยมองพระจันทร์ด้วยรอยยิ้มสดใส “คืนนี้พระจันทร์สวยจริงๆ นะคะ” “ค่ำคืนวันขึ้นสิบห้าค่ำ พระจันทร์มักจะเต็มดวงสวยสดงดงามแบบนี้แหละ” คุณสัญชณีเงยหน้ามองตามสายตาของหลานสาว เธอลูบเส้นผมสลวยของศวิตาอย่างแสนรัก “คุณอาคะ คุณอารู้ไหมคะว่าพระจันทร์บนฟ้าเกิดจากอะไร” “พระจันทร์บนฟ้านะหรือ...” ผู้เป็นอาเงียบไปสักพักแล้วถามอีก “น้ำตาลอยากจะรู้ในส่วนไหนล่ะ ความเป็นจริงหรือว่าตำนานที่รู้ๆ กันมา” “น้ำตาลอยากจะรู้ในเรื่องของตำนานค่ะ อยากรู้ว่าทำไมพระจันทร์ถึงได้สวยเฉพาะวันขึ้นสิบห้าค่ำ แล้วทำไมหลังจากนั้นมันถึงได้ค่อยๆ หายไป” “เท่าที่อารู้มานะ พระจันทร์เป็นเทพีที่อาภัพ เพราะต้องถูกจับแยกจากพระอาทิตย์คู่รัก ไม่ได้พบเจอกันสักที ทุกครั้งที่พระอาทิตย์ทำหน้าที่พระจันทร์ก็จะถูกนำไปเก็บเอาไว้ในโถแก้วและเมื่อใดที่พระจันทร์ได้ทำหน้าที่พระอาทิตย์ก็จะถูกนำไปเก็บอีก ทั้งสองไม่มีวันได้เจอกันอีกและตลอดไป” “เศร้าจังนะคะ แล้ว...ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ” “ก็เพราะทั้งสองทำผิดกฎของสวรรค์อย่างไรล่ะ ทำผิดกฎ ละเลยต่อหน้าที่จึงถูกทำโทษแบบนี้” “น่าสงสารคู่รักคู่นี้จังนะคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD