ตอนที่ 17 หลบซ่อน

2036 Words
พอมาถึงที่โรงแรมที่พี่มิลจองเอาไว้ อันที่จริงจากปริมาณพนักงานที่มาในวันนี้ก็แทบจะปิดทั้งตึกแล้วนะ ฉันเดินมาที่ห้องนอนของตัวเองที่ใช้ร่วมกับพี่เลี้ยงสามคนก่อนจะจัดแจงของให้เป็นระเบียบแล้วผลัดเปลี่ยนกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เตรียมสำหรับปาร์ตี้ในคืนนี้ ฉันเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำที่เซ็กซี่เล็กน้อย แค่เอวลอยรัดรูปขาสั้น เพราะงานนี้เป็นน้องเล็กสุดเลยต้องทำตัวให้น่าเอ็นดูนิดหนึ่ง หลังจากเสร็จแล้วก็เดินตามรุ่นพี่ลงมาที่สระว่ายน้ำที่เปิดเพลงเสียงดังกระหึ่มชวนให้โยกย้าย อาหารและเครื่องดื่มเตรียมพร้อม “น้องมนดื่มไหมเดี๋ยวพี่ไปหยิบให้” ฉันรีบส่ายหน้าบอกรุ่นพี่ “หนูขอน้ำหวานแล้วกันค่ะ” พี่เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินจากไป ฉันรับหน้าที่ไปจัดแจงพวกอาหารมาแบ่งกับพวกพี่ ๆ พวกเรานั่งคุยกันไปเรื่อย บรรยากาศในงานสนุกสนาน บางคนก็ลงไปลอยตัวในสระว่ายน้ำให้ผ่อนคลายจากการทำงานหนักมาทั้งปี ส่วนมากในงานจะมีคนที่อายุไม่มากนักเพราะไม่ติดที่ต้องแยกจากครอบครัว ส่วนมากคนที่มีอายุก็จะเป็นพวกหัวหน้าแผนกที่จับกลุ่มคุยกันแค่พวกเขา ส่วนพนักงานที่อายุต่ำกว่าสามสิบก็จะชวนกันดื่มและโยกย้ายสะโพกเต้นตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน ฉันโยกตัวเล็กน้อยพลางดื่มน้ำหวานเพื่อซึมซับบรรยากาศ “พี่มนไม่ดื่มเหรอครับ” ราชินทร์เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ ฉันก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ “เลิกเรียกฉันว่าพี่ได้แล้วค่ะ พวกเราไม่ได้สนิทกันนะคะ อีกอย่างช่วยให้เกียรติสถานะของพวกเราด้วย” เด็กหนุ่มเค้นเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะกันมามองฉันด้วยสีหน้าไม่น่าเชื่อ “เราไม่ได้อยู่ในสถานที่ทำงานสักหน่อย อีกอย่างผมก็ไม่ได้ทำงานที่เดียวกับพี่” ฉันได้แต่กลอกตามองบนแล้วหันไปมองทางอื่น หมอนี่ขยันทำให้บรรยากาศเสียชะมัดเลย “ผมว่าคนที่พี่ควรเว้นสถานะ น่าจะเป็นพี่มิล มากกว่า” ฉันช้อนสายตากลับมามองชายหนุ่มก่อนจะกระแทกแก้วน้ำหวานลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด “เลิกตื้อซะทีได้ไหม มันน่ารำคาญ” ฉันกดเสียงต่ำบอกอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำ ฉันค่อย ๆ โน้มตัวลงนั่งแล้วหย่อนเท้าทั้งสองข้างลงไปในน้ำเย็นเฉียบ ท้องฟ้าในตอนนี้มิดสนิท แต่แสงไฟหลากสีในงานกับทำให้บรรยากาศดูไม่เงียบเหงา ฉันปล่อยตัวปล่อยใจไปกับบรรยากาศเพื่อให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย พี่มิลเดินเข้ามาในบริเวณงานเลี้ยงด้วยชุดคลุมอาบน้ำ ฉันแอบส่งยิ้มให้พี่เขาเล็กน้อยก่อนที่พี่มิลจะเดินทักทายคนอื่นตามประสาแล้วถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกก่อนจะหย่อนตัวลงมาในสระว่ายน้ำเรียกเสียงกลืนน้ำลายให้พนักงานสาวหลายคนเพราะท่อนบนที่เปลือยเปล่าแถมหน้าท้องที่เป็นลอนสวย “คุณรามิลเขาเอาเวลาไหนไปออกกำลังกายให้ฟิตขนาดนั้นอะ” รุ่นพี่คนสวยของฉันหย่อนตัวลงมานั่งข้าง ๆ กัน ฉันแกว่งเท้าในน้ำเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่พี่มิล “ไม่รู้สิคะ” ฉันตอบกลับเพียงสั้น ๆ ก่อนจะรับน้ำส้มจากมือของรุ่นพี่มาดื่มอย่างไม่ได้คิดอะไร “ใครกันนะที่จะได้เป็นแฟนคุณรามิล ถ้าเธอรู้แล้วบอกพี่ด้วยนะ” ฉันเผลอสำลักน้ำออกมาหลังจากที่ได้ยินรุ่นพี่สาวพูด “หนูจะไปรู้ได้ไงคะ” พี่เขาหันหน้ามามองฉันด้วยท่าทีงุนงง “อ้าว คุณราชินทร์เขาจีบเธอไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอแต่งเข้าตระกูลนั้นก็บอกพี่ด้วยแล้วกันนะ” เธอเข้ามาสะกิดแขนพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ให้ตายเถอะมีคนคิดแบบนี้จริง ๆ ด้วยสินะ “หนูไม่ได้ชอบคุณราชินทร์หรอกค่ะ หนูมีคนที่หนูชอบอยู่แล้ว” หญิงสาวตาโตด้วยความตกตะลึง “ใครบอกพี่หน่อยได้ไหม คนในออฟฟิศหรือเปล่า” พี่เขาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “รุ่นพี่ที่คณะน่ะค่ะ” ฉันยกยิ้มก่อนจะเดินจากไปทิ้งปริศนาเอาไว้ให้คนพี่สงสัยเล่น ๆ ก่อนจะปลีกวิเวกมาอยู่คนเดียวที่เก้าอี้ใกล้ ๆ กับราวกั้นของบริเวณสระว่ายน้ำ ข้างนอกเป็นวิวทะเลที่มีถนนพาดกั้นเอาไว้ ลมเย็น ๆ โชยขึ้นมาตีหน้าเล็กน้อย จนทำให้ฉันเผลอคิดถึงช่วงเวลาในอดีต ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้ ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่มิลก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องหลบซ่อนเสมอ แต่ฉันก็ไม่ได้น้อยใจอะไรหรอกนะเพราะมันเป็นทางที่ฉันสบายใจที่สุด ฉันดื่มน้ำส้มจนหมดแก้วก่อนจะหันไปมองหาบริกรแถวนั้น พอเขาเห็นฉันก็รีบปรี่เข้ามาก่อนจะรับแก้วเปล่าไปจากมือ ฉันกำลังจะเลือกหยิบแก้วใหม่แต่บริกรก็หยิบแก้วหนึ่งใส่มือฉันแล้วบอกว่าแก้วอื่นมีคนจองหมดแล้ว ฉันเลยไม่ได้คิดอะไรก่อนจะยกขึ้นมาจิบแล้วมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านหน้า เวลาผ่านไปสักพักนานเท่าไรแล้วฉันเองก็ไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าตัวเองเริ่มยืนโคลงเคลงไปมาแปลก ๆ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเลย ฉันวางแก้วเปล่าในมือลงแล้วหันไปมองรอบตัว สายตาของฉันมันพร่าไปหมดไม่ต่างอะไรจากตอนมึนเมาเลยแม้แต่น้อย “พี่มน พี่เมาแล้วนะ” มีคนเข้ามาประคองฉันที่กำลังเซไปมา ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้นก่อนจะดันให้เขาออกห่าง “คุณราชินทร์” คอฉันแห้งผาดไปหมด พยายามจะดันให้อีกฝ่ายออกห่าง แต่ร่างกายของฉันมันแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเลย “เดี๋ยวผมจะพาพี่ไปส่งที่ห้องนะครับ” ชายหนุ่มประคองฉันเอาไว้ทั้งสองมือโดยมือข้างหนึ่งพาดจากข้างหลังมาจับแขนของฉันพลางออกแรงดันให้ฉันเดินไปข้างหน้า ฉันที่ประคองตัวเองแทบไม่อยู่ทั้งสติก็เริ่มจะเลื่อนลอย ภาพตรงหน้ามันเบลอไปหมดจนมองแทบไม่เห็นได้แต่เดินไปตามแรงที่หนุนให้เดินตาม พาร์ตรามิล ผมกำลังนั่งดื่มไวน์ร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่ริมสระ สายตาของผมคอยเหลือบมองสาวรุ่นน้องที่ปลีกวิเวกออกไปยืนมองทะเลอยู่คนเดียวที่ มุม ๆ หนึ่ง ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มสังเกตเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล ราชินทร์เดินเข้าไปหามนก่อนจะประคองมนที่มีท่าทีมึนเมาออกไปจากบริเวณงาน ผมรีบวางแก้วไวน์ลงก่อนจะรีบเดินตามไปด้วยความร้อนใจ ผมเห็นว่าราชินทร์ประคองมนมายืนรอที่หน้าลิฟต์ ผมรีบก้าวเท้าปรี่เข้าไปกระชากราชินทร์ให้ออกห่างจากมนทันที “ทำอะไรเนี่ยพี่มิล” ชินขมวดคิ้วพลางมองมาทางผมที่ดึงตัวมนมา หญิงสาวสบหน้าลงบนอกผม ท่าทางอ่อนแรงเหมือนคนเมา “จะพามนไปไหน” “ไม่เห็นเหรอครับว่าพี่เขาเมามาก ผมก็จะพาเขากลับห้องไงครับ” น้องชายของผมเอ่ยตอบ “พี่มิลเหรอคะ” มนเงยหน้าขึ้นมามองหลังจากที่ได้ยินเสียงของผม เธอรีบกอดคอของผมเอาไว้อย่างกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง “พี่พาขึ้นไปเอง” ผมรีบช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว มนซุกหน้าเข้ากับลำคอของผมชวนจั๊กจี้แปลก ๆ แต่ก่อนผมก็อุ้มผู้หญิงออกจะบ่อยนะ แต่ไม่เคยอุ้มใครแล้วใจเต้นรัวขนาดนี้มาก่อนเลย “พี่ดูสนิทกับพี่มนจังเลยนะครับ พี่มนเรียกว่าพี่ด้วย” ชินช้อนสายตามองผมพลางเลิกคิ้วอย่างจับผิด “พี่กับพี่มนเป็นอะไรกันเหรอครับ” “ตอนนี้ยังไม่ได้เป็น” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบเฉย “แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรในตัวพี่มนเหรอครับ” คำพูดที่เสมือนเหล็กเล็งเป้ามาเพื่อจะทิ่มแทงหัวใจของผมโดยตรง แต่ก็เท่านั้นแหละมันเข้าไปได้แค่เปลือกนอกเท่านั้น ผมเค้นเสียงหัวเราะก่อนจะหันมามองน้องชายของตัวเองแล้วเหยียดยิ้ม “มนเขาให้สิทธิ์พี่ พี่ไม่ได้ยัดเยียดตัวเองเหมือนนายหรอกนะ” สีหน้าของน้องชายผมแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที ราชินทร์ขบสันกรามแน่นด้วยความไม่พอใจยิ่งทำผมรู้สีกสะใจอย่างบอกไม่ถูก “พี่เคยบอกแกหลายครั้งแล้วนะ ว่าพี่ไม่ใช่คนที่แกจะมาเอาชนะได้ เพราะแกไม่ใช่คู่แข่งที่สูสีกับพี่เลยสักนิดราชินทร์” เสียงประตูลิฟต์เปิดออกอย่างพอดิบพอดีก่อนที่ผมจะพามนเข้าไปในตัวลิฟต์แล้วปิดประตูให้เลื่อนเข้ามาปิดโดยที่ไม่ได้สนใจน้องชายที่ยืนหน้าเหวออยู่ข้างหน้า หรือตอนนี้อาจจะอยากพุ่งเข้ามาต่อยผมอย่างไรก็ตามแต่ ผมไม่เคยอยากแข่งกับน้องชายตัวเองหรอก แต่แม่เลี้ยงของผมมักสอนให้ราชินทร์เอาชนะผมเสมอ ทำให้รดาเป็นเหมือนน้องสาวเพียงคนเดียวที่ผมจะไว้ใจได้ แม่ของเธอไม่ค่อยเหลียวแลเธอเพราะเธอเป็นลูกสาว พ่อเลยจะประคบประหงมเธอเป็นพิเศษ ผมพามนขึ้นมายังชั้นที่ผมอยู่ก่อนจะพาเข้าไปในห้องนอนแล้ววางเธอเบา ๆ บนเตียงนอน “อือ... พี่มิลใช่ไหมคะ” เธอส่งเสียงอื้ออึงในลำคอพลางเอ่ยถามหา “พี่เอง นอนได้เลยนะไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำอะไรหรอก” ผมส่งมือไปลูบเส้นผมของคนที่นอนหลับตาแต่กลับขมวดคิ้วราวกับเป็นกังวลอะไรบางอย่าง ผ่านไปสักพักก็ค่อย ๆ คลายลงกลายเป็นนอนหลับตาพริ้มแล้วพลิกตัวไปมาอย่างสบายใจ ผมนั่งมองเธออยู่ที่ข้างเตียง ถามว่าปกติเสืออย่างผมเวลาได้มีโอกาสได้อยู่กับผู้หญิงสองต่อสองก็คงคิดแต่เรื่องอะไรต่อมิอะไรใช่ไหมล่ะ แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้รู้สึกอยากจะทำหรือว่าเกิดอารมณ์เวลาเห็นอีกคนหลับหรอกนะ เห็นมนหลับอย่างนี้ผมก็สบายใจ ถ้าหากว่าราชินทร์เกิดใช้วิธีแปลก ๆ เพื่อที่จะเอาชนะผมโดยไม่ลงที่มน ผมเองก็คงจะโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “ขอโทษนะ ที่ดึงเธอเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้” ผมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวของหญิงสาวรุ่นน้องพลันในหัวก็นึกถึงภาพในวันวานตอนที่พวกเรารู้จักกันครั้งแรกในงานรับน้อง ยอมรับเลยว่ามนสะกดผมได้ด้วยสายตาตั้งแต่แรกเห็น แต่พอกลุ่มของผมกับกลุ่มของเธอได้มีโอกาสไปไหนด้วยกันบ่อยขึ้น ผมถึงได้รู้ซึ้งถึงความปากจัดของมน พวกเราเหมือนจะเป็นคู่กัดกันไปโดยปริยาย บางทีผมก็หยอกน้องเล่นด้วยการหยอดบ้าง และก็จะโดนมนโต้กลับมาตลอด ด้วยการแยกเขี้ยวใส่ ใครจะไปคิดไปฝัน ว่าพอมาถึงตอนนี้เธอจะเป็นเพียงคนเดียวที่ครองหัวใจของผมเอาไว้ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD