“พวกหล่อนรู้หรือยัง กำหนดการเอาต์ติงของเราออกแล้วนะยะ” พวกพนักงานรุ่นพี่พากันเดินจับกลุ่มกันเม้าท์มอยในช่วงพักกลางวัน ฉันได้แต่หันไปมองอย่างให้ความสนใจจนรุ่นพี่สังเกตเห็นเลยลากเก้าอี้ฉันเข้ามาใกล้
“น้องฝึกงานก็ได้ไปค่ะไม่ต้องนอยด์” พี่สาวในร่างชายหนุ่มเอ่ยพลางลูบหัวฉันป้อย ๆ เพื่อปลอบใจ รู้ได้ไงว่าหนูก็อยากไปเที่ยวด้วย ฮือ
“แปลกแฮะ ไปสองวันหนึ่งคืนที่ชลบุรี แล้ววันแรกคือไปทำบุญเก้าวัด ทำบุญเก้าวัดมันต้องที่อยุธยาไม่ใช่เหรอเจ๊”
“ถ้าใจเราอยากได้บุญทำที่ไหนก็เหมือนกันแหละค่ะ”
ฉันได้แต่ฟังพี่ ๆ เขาพูดคุยออกความเห็นกันโดยไม่พูดไม่จา ได้แต่ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว ได้ความมาว่าพี่มิลเป็นคนออกกำหนดการเอง จัดการอะไรเรียบร้อยหมดแล้วด้วยยิ่งทำฉันแปลกใจไปใหญ่
คนอย่างพี่มิลเนี่ยนะจะเข้าวัด
“น้องมนว่าไงคะ” รุ่นพี่สาวหันมาถามฉัน
“ดีค่ะ ดีเลย ช่วงนี้หนูอยากทำบุญพอดี” ฉันยกยิ้มกว้างให้รุ่นพี่ แต่จริงแหละ ช่วงนี้ฉันคงต้องทำบุญหน่อยแล้วจริง ๆ
ดีที่ฉันบล็อกเบอร์หมอนั่นไปแล้ว ไม่งั้นก็คงจะหาทางติดต่อฉันอยู่แน่ ๆ เด็กนั่นจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของฉันกับพี่มิลไหมนะถึงได้ทำแบบนี้
แต่ราชินทร์ก็แม่เดียวกันกับพี่รดา ถ้าพี่น้องจะพูดคุยกันก็ไม่แปลก แต่ถ้ารดารู้ว่าราชินทร์กับแม่ไม่ประสงค์ดีกับพี่มิล เขายังจะเข้าข้างใครกันนะ
ฉันว่าฉันเหนื่อยใจแล้ว พอคิดถึงพี่รดาดูจะหนักใจกว่ามากเลยนะเนี่ย
“ไปพูลวิลล่าขนาดนั้น ไปทะเลอีก ฉันว่าแกต้องใส่บิกินีแล้วล่ะ”
นิดาเสนอในขณะที่ฉันชวนเพื่อนมาช็อปปิงเพื่อหาเสื้อผ้าใส่ไปงานเอาต์ติง อันที่จริงเหมือนเป็นธรรมเนียมของกลุ่มมากกว่าที่จะต้องมารวมตัวซื้อเสื้อผ้าเวลาที่ใครสักคนมีเรื่องกลุ้มใจ
“ฉันเป็นน้องเล็กในนั้นนะ ก็ต้องมีกาลเทศะหน่อยปะ” ฉันหันไปพูดเสียงจริงจังใส่นิดาจนเธอแสดงสีหน้าสลด ฉันเลยแก้สถานการณ์โดยการเข้าไปควงแขนเพื่อนรัก “ไว้ไปเที่ยวแค่กลุ่มเราค่อยเอาแจ่ม ๆ เลย”
“ค่อยสมกับเป็นมน” เราสามคนหัวเราะร่วนก่อนจะเดินไปซื้อของตามร้านต่าง ๆ จนเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เราทั้งสามเลยตั้งใจจะเดินทางกลับจนกระทั่ง
“มน นั่นน้องชายแกปะ” วิสะกิดก่อนที่จะชี้ไปทางร้านขายข้าวของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ฉันเพ่งสายตาไปมองชายหนุ่มที่กำลังเลือกซื้อของ
“มิกซ์จริงด้วย” ฉันกำลังจะเดินเข้าไปทักแต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นเค้าลางของหญิงสาวที่มาด้วยกัน “เชี่ย”
สองเพื่อนสาวรีบลากแขนทั้งสองข้างเข้าไปในร้านฝั่งตรงข้ามแล้วพากันชะโงกหน้าออกมามองผ่านชั้นวางของ
“มิกซ์มากันใครอะ” นิดาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“น้องชายแกมีแฟนแล้วเหรอ” วิถามเสริม สองคนนี้ก็ขี้สงสัยเหมือนกันนะ
“นั่นพี่รดา น้องสาวพี่มิล” ฉันตอบกลับเพื่อนทั้งสอง ไม่ค่อยนึกแปลกใจเท่าไรถ้าทั้งสองจะมาเลือกซื้อของให้แมวเพราะยังไงน้องฉันก็รักสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกใบนี้ ยกเว้นยุงที่มันทำให้น้องฉันเป็นไข้เลือดออกเข้าโรงพยาบาลเป็นสัปดาห์กับปลวกที่มากินหนังสือการ์ตูนมันแค่นั้นเอง
“พี่มิลมีน้องสาวด้วยเหรอ” นิดาเอ่ยถามด้วยความสงสัย แหงล่ะ ใครจะไปรู้ว่าพี่มิลมีน้องสาวเห็นผู้หญิงมาเจ๊าะแจ๊ะด้วยหน่อยก็ต้องคิดว่าเป็นเด็กในสต็อกของพี่เขาแล้ว
เดี๋ยวนะแล้วฉันจะฉุนเรื่องในอดีตทำไมเนี่ย
“ช่างเถอะ พี่รดากับมิกซ์สนิทกันเพราะเลี้ยงแมวด้วยกันอะไม่มีอะไรหรอก” ฉันกำลังจะเดินออกมาจากหลังชั้นเก็บของแต่กับถูกเพื่อนรักทั้งสองฉุดไว้ให้กลับเข้ามาอยู่ที่เดิม
“สนิทกับแบบใด มีบีบกงบีบแก้มกันด้วย” ฉันแอบมองเจ้ามิกซ์บีบแก้มสาวรุ่นพี่ ก่อนจะหยิบหูแมวเอาไปใส่ให้หญิงสาวจนต้องถูกกำปั้นทุบเข้าให้ บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกัน นี่มันแบบคนมีความรักชัด ๆ เลย
“ต้องกลับไปถามที่บ้านซะแล้ว”
วันแรกที่ทางบริษัทพามาทำกิจกรรมนอกสถานที่ พี่มิลมารับฉันแต่เช้าตรู่ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเพราะต้องเดินทางไปถึงก่อนแปดโมงเช้า พวกเราเลยต้องออกกันตั้งแต่ไก่โห่
ฉันมานั่งเฝ้ากระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วหาววอดใหญ่ด้วยความง่วงนอน พี่ ๆ พากันนั่งจิบกาแฟเพื่อให้คลายง่วง ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“น้องมนคะ พี่รบกวนหน่อย เอากาแฟไปให้คุณรามิลที” รุ่นพี่คนหนึ่งเอากาแฟสามแก้วมาให้ฉัน ฉันได้แต่รับมาด้วยความงุนงง
“ทำไมต้องเป็นหนูเหรอคะ”
“ก็พอตระกูลนั้นเขารวมตัวกันมันก็ขนลุกแปลก ๆ เดี๋ยวหนูก็ฝึกงานจบแล้ว แต่พี่ยังต้องทำงานไปจนเกษียณช่วยพี่หน่อยนะ” พี่คนนั้นดันให้ฉันเดินออกไป ฉันเลยค่อย ๆ ประคองถาดกาแฟเดินไปที่สามพ่อลูกที่ยืนใบหน้าบึ้งตึงใส่กัน
“พ่อจะให้ราชินทร์ไปด้วยทำไมครับ” พี่มิลเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ ผู้บริหารสูงสุดที่ยืนทอดสายตามองที่หน้าบริษัทด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ผมก็แค่อยากรู้ว่าเวลาพี่มิลคุมงานทำยังไงบ้าง ผมจะได้เอาไปปรับใช้ไงครับ” ราชินทร์ตอบกลับมาหน้าตาเฉยในขณะที่สีหน้าของพี่มิล
ไม่สบอารมณ์สุด ๆ
“กาแฟค่ะ” ฉันเดินเข้ามาหาทั้งสามที่ยืนอยู่ รังสีบางอย่างแผ่กระจายออกมาจนน่าขนลุก พี่มิลรีบรับถาดกาแฟไปจากฉันในขณะที่คนน้องฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นฉันเดินมา
“อ้าวพี่มน ทริปนี้พี่ก็ไปด้วยเหรอครับ” ฉันหันไปมองราชินทร์ที่ท่าจะเดินมาหาฉันแต่กลับถูกผู้เป็นพ่อพูดสะกัดไว้ด้วยคำถาม
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“อ๋อ พี่มนเขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยครับพ่อ เอ๋ แถมยังเป็นรุ่นน้องในคณะของพี่มิลด้วยใช่ไหมครับ พี่มิลก็น่าจะรู้จักเธอนี่เพราะเธอเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับแฟนของพี่คิณเพื่อนพี่ สมัยเรียนก็ดูจะไปเที่ยวด้วยกันบ่อยนี่ครับ”
เด็กนี่รู้มากเหมือนกันนะ หรือว่าจะไปแอบสืบมาเพราะจะได้เอามาเป็นจุดอ่อนของพี่มิลกันแน่ ทำไมตระกูลนี้ถึงได้ร้ายใส่กันนัก
“รู้จักผ่าน ๆ ไปเตรียมตัวเถอะกชมน” พี่มิลหันมาพูดเสียงแข็ง ฉันเข้าใจดีว่าต้องวางตัวอย่างไรในเวลาคับขันถึงเพียงนี้ ฉันได้แต่พยักหน้าก่อนจะเดินปลีกตัวออกมาเพื่อเข้าไปหากลุ่มพี่เลี้ยงของฉัน
พวกเราเตรียมเก็บของขึ้นรถบัสที่มาจอดรออยู่นานสองนาน ฉันขึ้นไปนั่งบนรถบัสตามลำพังเพราะอยากพักผ่อน เมื่อคืนฉันตื่นเต้นมาจนนอนไม่หลับไม่ต่างอะไรจากตอนไปทัศนศึกษาสมัยเรียนเลยมัธยมเลย
“พี่มนนั่งคนเดียวเหรอครับ” มาแล้วมารขัดขวางความสงบสุขของฉัน “ผมขอนั่งด้วยนะ”
ยังไม่ทันที่ราชินทร์จะโน้มตัวลงมานั่งก็มีร่างสูงของใครบางคนแทรกลงมานั่งเสียก่อน พี่มิลลงมานั่งข้างฉันตัดหน้าน้องชายต่างมารดาแล้วนั่งกอดอกลอยหน้าลอยตา ฉันได้แต่มองด้วยความอึ้ง
“พี่จะนั่งตรงนี้ นั่งข้างหน้าแล้วเมารถ ชินไปนั่นแทนพี่แทนนะ” คนน้องแทบจะคิ้วกระตุกด้วยความเสียหน้า ราชินทร์จำใจที่จะเดินไปนั่งที่อื่นทั้งที่ไม่ชอบใจนัก
“พี่มิลคะ พี่ไม่กลัวคนอื่นจับได้เหรอคะ” ฉันกระซิบถามหนุ่มรุ่นพี่ที่เปลี่ยนจากสายตาแข็งกร้าวกับมายิ้มแย้มให้ฉันเหมือนเดิม
“เธอฝึกงานอีกแค่สัปดาห์เดียวก็จบแล้วนี่” พี่มิลกระซิบตอบก่อนจะเอนกายพิงกับพนักเบาหลังอย่างสบายใจ
“เป็นถึงหัวหน้ากรรมการผู้บริหาร มานั่งบัสเดียวกันกับพนักงานเนี่ยนะคะ”
“พี่ขี้เกียจขับรถไปเอง อีกอย่างถ้าขับรถไปเองก็ไม่มีข้ออ้างมาอยู่กับเธอน่ะสิ” ฉันมองสีหน้าเจ้าเล่ห์ของหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความเอือมระอา
“ถ้าหนูฝึกงานไม่จบ พี่ต้องรับผิดชอบนะคะ”
“เตรียมตัวบรรจุเป็นเลขาฯ ของพี่ได้เลย” พี่มิลยักคิ้วให้
“แล้วเลขาฯ คนเก่าล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัยก็เห็นว่าพี่เลขาฯ คนสวยทั้งเก่งและมีความสามารถทำไมถึงเอาฉันไปแทนได้
“ไปอยู่กับคุณพ่อแล้ว” ฉันพยักหน้าเข้าใจ คนเก่งก็ต้องอยู่กับคนเก่งถูกแล้วแหละ แต่ฉันไม่ได้ว่าพี่มิลไม่เก่งนะ แต่ฉันก็เก่งไม่แพ้กันล่ะน่าขออวยตัวเองหน่อย
พอมาถึงที่วัดแรก พี่มิลก็พาทุกคนไปไหว้พระเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ฉันมองตามหนุ่มรุ่นพี่จุดธูปไหว้ต่อหน้าพระพุทธรูปแล้วทำใบหน้า
ผ่องใส เป็นภาพที่ค่อนข้างจะไม่ชินตา
ใครจะไปคิดว่าคนอย่างพี่มิลจะชอบทำบุญล่ะ ก็เห็นทำบาปมาทั้งชีวิต
“ธูปครับ” ราชินทร์ได้โอกาสยื่นธูปมาให้ฉัน ฉันยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะยกขึ้นไหว้พระตรงหน้าแล้วพยายามตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่ามีอุปสรรคอีกเลยจะเจ้าคะ สาธุ
ฉันเดินมาให้อาหารปลากับพวกพี่ ๆ ที่พอได้เข้าวัดทำบุญกันบ้าง ใบหน้าของแต่ละคนก็ดูเปี่ยมสุขอย่างไม่น่าเชื่อ
ในวันนี้พวกเราก็เวียนทำบุญกันจนครบเก้าวัดอย่างสมใจ พวกพี่ ๆ มีของกินเต็มไม่เต็มมือจนเผื่อแผ่มาถึงฉัน พี่ ๆ เขาตั้งใจจะฟูมฟักฉันเป็นพิเศษเพราะไม่นานฉันก็จะฝึกงานจบแล้ว
ซาบซึ้งจริง ๆ
ในขณะที่นั่งอยู่บนรถบัสมุ่งหน้าไปยังที่พัก ฉันเลยนั่งกินอาหารอย่างมีความสุขล่อตาล่อใจใครบางคนที่จับจ้องมาที่ฉัน
“พี่มิลทานไหมคะ” ฉันเอื้อมไม้ปลาหมึกย่างส่งให้คนพี่ พี่มิลกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะรับไป ฉันเลยแอบขำเล็กน้อยที่ได้เห็นมุมหิวของหนุ่มรุ่นพี่
“เธออยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า พี่จะได้ให้ที่พักเตรียมไว้ให้” ฉันนั่งครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่คิดไปคิดมาฉันจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ
“แป๊บหนึ่งนะคะ หนูขอไลน์ถามพี่ ๆ ก่อน”
“แต่พี่ถามแค่เธอนะ” พี่มิลว่าพลางกัดปลาหมึกย่างในมืออย่างเอร็ดอร่อย ฉันช้อนสายตากลับมามอง
“หัวหน้าต้องเลี้ยงลูกน้องให้ครบทุกคนสิคะถึงจะถูก” ฉันยักคิ้วใส่รุ่นพี่ที่หรี่สายตามองฉัน
“แล้วแต่เธอก็แล้วกัน”