ตอนที่ 1 ปฐมบท

2086 Words
ในเช้าแสนสดใสของนักศึกษาฝึกประสบการณ์จะมีอะไรไปมากกว่าการได้นั่งจิบกาแฟก่อนมาทำงานอีก เฮ้อ อากาศในตอนเช้า นั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นจากระเบียงคอนโดฯ มันจะมีอะไรดีไปกว่าการได้นอนเต็มอิ่มทั้งคืน “พี่มน ยาสีฟันหมด” น้องชายตัวดีชะโงกหน้าออกมาเรียกชื่อฉัน ใช่ ฉันเอง มน หรือกชมน นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีสี่ กำลังฝึกงานอยู่ในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่ง ชีวิตของฉันกำลังจะไปได้ดี “พี่ก็วางไว้หลังสบู่ไงมิกซ์” มิกซ์น้องชายต่างพ่อพยักหน้าหงึก ๆ ด้วยความงัวเงีย ที่จริงพวกเราก็ไม่ได้มีโอกาสมาอยู่ด้วยกันแบบสองคน พี่น้องหรอก แต่ว่าวันนี้มันมีเรียนเช้าเลยมาขอนอนคอนโดฯ ฉันคืนหนึ่งเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยกว่า พ่อแม่ของฉันเลิกกันไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไป มีใหม่แต่พ่อของฉันก็เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นเลยไม่มีลูกใหม่ หน้าที่การดูแลเลยเป็นของพ่อ พ่อเลยสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้ฉันไปยุ่งกับแม่เด็ดขาด แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น ฉันแอบคิดว่าแม่ส่งเจ้าน้องชายตัวยุ่งนี่มาสอดแนมฉันมากกว่า “พี่ไปทำงานก่อนนะ ไม่อยากเข้างานสาย” ฉันวางอาหารเช้าที่ทำเผื่อน้องชายตัวแสบไว้บนโต๊ะอาหาร มิกซ์เดินเช็ดผมหมาดออกมาจากห้องนอนแล้วก้มลงมองขนมปังปิ้งบนโต๊ะ “ขอบคุณค้าบ พี่มนน่ารักที่สุด” มันกางแขนกว้างหวังจะเดินเข้ามากอด “หยุดค่ะ หัวก็เปียกเดี๋ยวพี่เปียกไปด้วย” มิกซ์ทำหน้ามุ่ย “อ๋อ” มันทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “แม่ฝากเงินเดือนนี้มาให้นะพี่” ฉันก้มลงมองเงินในมือของน้องชาย ที่จริงฉันไม่ได้อยากได้เงินจากแม่เลยสักบาท “เอาเหอะน่าพี่มน” มิกซ์จับมือฉันแล้วยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มาในมือ “รับไว้เหอะพี่ แม่จะได้สบายใจอะ” “ฝากขอบคุณแม่ด้วยนะ บอกแม่ด้วยว่าไม่ต้องฝากให้เยอะก็ได้ให้แม่เก็บไว้ใช้” “แม่เขาอยากให้พี่ก็รับไปเถอะ เขารักพี่จะตาย” ฉันเก็บเงินใส่กระเป๋าสตางค์ของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบออกมาหนึ่งพันบาทแล้วยื่นไปให้น้องชาย “ให้ผมเหรอ” ดวงตากลมของชายหนุ่มเป็นประกายลุกวาวขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือมารอรับ ฉันรีบชักกลับคืน “ใช้ประหยัดหน่อยนะ แล้วตอนเย็นก็ซื้อกับข้าวมาให้พี่ก่อนกลับบ้านด้วย” “ได้เลยครับพี่สาวสุดสวยของผม เดี๋ยวน้องจะจัดอาหารอย่างดีให้เลย” “จ้า” ฉันลากเสียงยาวก่อนจะยื่นเงินให้น้องชายแล้วเดินออกไปจากห้องเพื่อไปทำงานในตอนเช้า การจราจรในเมืองหลวงค่อนข้างจะติดขัด ฉันเลยเลือกที่จะเดินเท้ามาเรื่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดที่กินเวลาแถมน่าเบื่อ สูบเวลาพลังงานชีวิตไปจนแทบจะไม่เหลือ กว่าจะถึงบริษัทคงจะล้ากันพอดี ฉันมาฝึกงานที่นี่เป็นวันที่สามแล้ว อยู่ในแผนก IT หรือ information technology แต่ส่วนมากก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก แค่วิ่งเอกสารให้พวกพี่เขาแค่นั้นเอง หน้าที่ฉันก็ไม่ใช่เลยสักนิด แต่ต้องมาวิ่งวุ่นถ่ายเอกสารให้อย่างกับคนใช้ก็ไม่ปาน เป็นการฝึกงานที่ไม่มีความสุขเอาซะเลย แต่บ่นไปก็เท่านั้นอะ ถ้าอยากประเมินจบไว ๆ ก็ทำตัวให้ผู้ใหญ่เขาเอ็นดูไว้ก่อนแล้วกัน “น้องมนจ๊ะ คือว่าพี่อยากให้เราเอาเอกสารไปให้หัวหน้าแผนกเซ็นทีได้ไหมจ๊ะ พอดีว่าพี่ยุ้งยุ่งอะจ้ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารก่อนจะฝืนยิ้มส่งไปให้ “ได้ค่ะพี่ฝน” ฉันรับเอกสารกองนั้นมาก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของหัวหน้าแผนก “เอกสารค่ะ” ชายวัยกลางคนขยับกรอบแว่นตาก่อนจะหยิบเอกสารไปอ่าน สายตาภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมกวาดตามองแล้วขมวดคิ้ว “อันนี้พี่ไม่ต้องเซ็นนะ เอาไปให้ผู้จัดการเซ็นโน่น” เขายื่นเอกสารคืนกลับมาให้ฉัน ฉันได้แต่ยิ้มแหย ๆ แล้วเดินออกไปยังโต๊ะของผู้จัดการที่กำลังจัดนู่นจัดนี่จนหัวหมุน “เอกสารค่ะ” ฉันยิ้มแล้ววางเอกสารไว้บนโต๊ะ หญิงสาวก้มหน้าลงมาอ่านก่อนจะหยิบปากกามาเซ็นให้ฉันรีบเก็บเอกสารคืนแล้วหมุนตัวจะเดินออกไป “เอ่อหนูจ๊ะเดี๋ยวสิ” ฝีเท้าของฉันชะงักกึกจนต้องหันกลับมามองอย่างช้า ๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันยิ้มเจื่อน “พี่ฝากเอาเอกสารไปให้หัวหน้ากรรมการชั้นบนหน่อยสิ ตอนบ่ายมีประชุมต้องใช้ด่วนด้วย ช่วยพี่หน่อยนะ” ฉันถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ทันทีที่กดปิดลิฟต์จะมีนักศึกษาฝึกประสบการณ์สักกี่คนกันที่จะได้ขึ้นไปในชั้นผู้บริหาร แต่ฉันก็ไม่ได้อยากขึ้นมาเลยจริง ๆ นะ เพราะว่ามันมีเขาอยู่ไง ฉันชะเง้อคอมองหาเลขาฯ สาวที่เดิมทีควรจะนั่งอยู่หน้าห้อง แต่กลับไม่เจอใครเลยตัดสินใจสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปเคาะบานประตู “ขออนุญาตนะคะ” “เชิญครับ” เสียงตอบรับดังเข้ามาจากในห้อง ฉันได้แต่เอื้อมมือไปจับที่จับบานประตูในใจรู้สึกสั่นเทิ้มเล็กน้อยแล้วกลั้นใจดันบานประตูเข้าไป “อุ๊ย ทำไมเป็นนักศึกษาล่ะคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เก้าอี้ทำงานของชายหนุ่ม หัวหน้ากรรมการผู้บริหารของบริษัท พี่รามิล “สงสัยคนอื่นไม่ว่างมั้ง เอาเอกสารมาวางบนโต๊ะได้เลยครับ” ฉันก้าวเท้าเดินเข้าไปก่อนจะวางเอกสารไว้บนโต๊ะ “เอกสารการประชุมค่ะ คุณรามิล” ฉันหลบสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมาก่อนจะถอยหลัง “ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องของทำงานของพี่รามิลในทันที ก่อนที่จะรีบเลี้ยวเข้าห้องน้ำไปสงบสติอารมณ์ในห้องห้องหนึ่ง ฉันยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกที่เต้นสั่นระรัวยามที่ต้องจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหนุ่มรุ่นพี่ ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานเริ่มพรั่งพรูกับเข้ามาจนชาไปทั้งตัว “พี่รามิล ยังไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ” ย้อนกลับไปในอดีตในตอนที่ฉันยังคงเป็นนักศึกษาน้องใหม่ปีหนึ่ง ฉันและเพื่อน ๆ ได้ไปร่วมงานเลี้ยงเปิดร้านใหม่ของรุ่นพี่ในคณะ ฉัน วิ หรือเทวิกา เพื่อนสาวแสนหวาน และนิดา หรือฐานิดา เพื่อนสาวสุดโก๊ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม ในตอนนั้นนิดาเป็นแฟนกับพี่คิณ หรืออคิราห์ รุ่นพี่ปีสี่ คณะเดียวกันและยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับพี่รามิล ที่ประกอบไปด้วย พี่คิณ หนุ่มหล่อมาดเย็นชาสุดฮอต พี่มิล รามิล ชายหนุ่มเจ้าชู้แพรวพราว พี่กร ภากร หนุ่มขี้เล่นสายเปย์ พี่ต้น ต้นคิด หนุ่มเนิร์ดของกลุ่ม และ พี่ธิดา ปิยธิดา ผู้หญิงคนเดียวของกลุ่ม รุ่นพี่สาวที่ พวกเราสนิทด้วยที่สุด ในตอนนั้นทั้งกลุ่มของฉันและกลุ่มของพวกรุ่นพี่สนิทกันมาก ๆ เพราะพี่คิณและนิดาคบกัน และในตอนนั้นเองที่ฉันไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันเดินคลำกำแพงมาเพราะความเมาทำเอาพื้นเอนเอียงไปมาเสียจนเดินไม่ไหว สายตาพร่ามัวกวาดตามองแสงไฟวิบวับรอบตัวด้วยความมึนงงก่อนจะมาถึงหน้าห้องน้ำ “มึงจะเอายังไงกับกูฮะ ไอ้ต้น มึงหลบหน้ากูทำไม” น้ำเสียงฟังดูไม่สบอารมณ์นักทำเอาฉันต้องชะโงกหน้ามายังห้องน้ำชายที่มีชายหนุ่มสองคนกำลังยืนประจันหน้ากัน “กูก็กลับมาเป็นเพื่อนมึงแล้วไง มึงจะเอาไงกับกูอีก” ชายหนุ่มขยับกรอบแว่นของตัวเองพลางขึ้นเสียงใส่ชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย นั่นมันพี่ต้นไม่ใช่เหรอ แล้วก็อีกคน พี่กร “กูไม่ได้อยากได้แบบนี้” พี่กรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “แล้วมึงจะเอาไงกันแน่” พี่ต้นขมวดคิ้วเป็นปม “เออ กูยอมแล้ว กูชอบมึง” ดวงตาของฉันเบิกกว้างเมื่อเห็นรุ่นพี่หนุ่มกระชากเพื่อนสนิทของตัวเองเข้าไปประกบริมฝีปาก พี่ต้นถอยหลังจนติดกับขอบอ่างล้างหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้รู้เรื่องอะไรมือหนาก็เข้ามาปิด ริมฝีปากฉันแล้วดึงออกมาจากสถานการณ์ตรงหน้า “อื้อ ๆ” ฉันดิ้นขลุกขลิกอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนก่อนที่จะหลุดออกมา “นี่เธอนี่นะทำไมถึงได้ชอบสอด...” “แหวะ” ยังไม่ทันที่คนคนนั้นจะได้พูดจบฉันก็เผลอสำรอกออกมาจากความมึนหัวพุ่งใส่เสื้อของชายหนุ่มตรงหน้าเข้าเต็ม ๆ “โทษที ๆ” ก็คนจะไปอ้วกตั้งแต่แรกทำไมไม่ให้อ้วกเล่า ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองร่างที่สูงกว่าก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก “พี่มิล” ฉันนั่งมึนงงอยู่ในห้องที่แปลกตา บนเตียงของใครก็ไม่รู้ หลังจากที่พี่มิลบอกว่าฉันควรจะกลับบ้านแล้วหิ้วฉันขึ้นรถเพื่อจะมาส่งแต่ฉันก็บอกวกไปวนมาเพราะจำทางกลับบ้านมาได้เลยมาจบที่นั่งจ๋องอยู่บนเตียงของคนพี่ เสียงเปิดฝักบัวในห้องน้ำบ่งบอกว่าพี่เขากำลังอาบน้ำอยู่จากซากที่ฉันสำรอกออกมา ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ หัวมันหนักอึ้งไปหมดเสียจนอยากจะหล่นวูบลงไปเสียให้ได้ “จำทางกลับบ้านได้หรือยังพี่จะได้ไปส่ง” ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำโดยร่างสูงมีเพียงผ้าขนหนูพันปิดบังท่อนล่าง ท่อนบนเปลือยเปล่าจนเผยให้เห็นมัดกล้ามล่ำผิวขาวเนียนละเอียดอย่างกับไม่เคยออกไปโดนแดดประเทศไทย “งือ” ฉันครางอื้ออึงในลำคอพลางส่ายหน้าไปมา “เดี๋ยวฉันหาทางกลับบ้านเอง” ฉันลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซขึ้นมาจากเตียงแล้วหยิบกระเป๋าสะพายข้างหวังจะเดินออกไปแต่หัวหนักอึ้งก็ทำเอาเซหลาดีที่หนุ่มรุ่นพี่รับไว้ได้ทัน “ทำเป็นเก่ง เดินตรงยังไม่ได้เลย” สองมือของฉันดันพี่มิลให้ออกห่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลา สองคิ้วย่นลงมาที่กลางหน้าผาก “เดินไปเดินมาก็คงจะถึงบ้านเองแหละ” ฉันใช้มือยันตามผนังห้องก่อนจะถูกมือหนาดึงข้อมือเอาไว้ “นี่ ไม่ชอบหน้าพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่มิลเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้ฉันแสดงตัวชัดเจนตลอดว่าไม่ชอบหน้าพี่มิลเอามาก ๆ จนใคร ๆ สงสัยว่าเพราะอะไรกัน “ก็แค่ไม่ชอบอะ” ฉันช้อนสายตาขึ้นมามองอีกครั้ง “ไม่ชอบคนเจ้าชู้” “นี่รู้ได้ไงว่าพี่เจ้าชู้อะ” พี่มิลหัวเราะในลำคอ “ดูก็รู้แล้ว” ฉันสลัดมือออกจากการเกาะกุมของหนุ่มรุ่นพี่ก่อนตัวเองจะเสียหลักหงายหลัง “เอ๊ย” รุ่นพี่หนุ่มร้องด้วยความตกใจรีบคว้าเอวฉันเอาไว้ก่อนที่แผ่นหลังของฉันจะกระแทกลงบนเตียงนุ่มแล้วมีร่างสูงล่วงลงมาทาบทับ บนร่าง “โอ๊ย” ฉันร้องเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้ามามองคนที่คร่อมอยู่บนร่าง สายตาของฉันสบเข้ากับดวงตาคมของพี่มิลที่จ้องมา “ที่จริงเราก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย” ถ้อยคำที่เธอได้ยินจากปากชายหนุ่มมาครึ่งค่อนชีวิต แต่ทำไมพออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ใจมันถึงได้เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกกันนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD