“ที่จริงเธอก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย” ถ้อยคำที่ฉันได้ยินจากปากชายหนุ่มมาครึ่งค่อนชีวิต แต่ทำไมพออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ใจมันถึงได้เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกกันนะ สายตาค่อย ๆ เคลื่อนต่ำลงมายังริมฝีปากหนาของคนบนร่าง ไม่รู้ทำไมร่างกายฉันมันถึงได้ร้อนรุ่มอย่างนี้ “อย่ามองกันอย่างนั้นสิ ความอดทนพี่ก็มีจำกัดนะ”
“ไม่เห็นต้องอดทนเลยค่ะ” ฉันเคลื่อนสายตากลับมาสบตากับคนพี่ “ปกติพี่ก็มีคู่นอนไม่เลือกหน้าอยู่แล้วนี่”
“เธอพูดเองนะ” พี่มิลเหยียดยิ้มอย่างได้ใจก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาประกบจูบกับริมฝีปากของฉันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เดี๋ยว ๆ เมื่อกี้ฉันประชดเหอะ
คนพี่บดขยี้ริมฝีปากของฉันอย่างดูดดื่ม ร่างกายที่ร้อนระอุเป็นทุนเดิมจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำเอาอารมณ์ของฉันมันปะทุติดขึ้นมาได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่นี้ฉันก็เคลิบเคลิ้มเสียจนยอมเขยิบขึ้นมาบนเตียงนอนทั้งตัวโดยมีหนุ่มรุ่นพี่เขยิบขึ้นมาตาม
เราสองคนผลัดกันบดเบียดแลกลิ้นร้อน มือหนาอยู่ไม่สุขรีบรูดซิปชุดกระโปรงที่แผ่นหลังของฉันอย่างชำนาญไม่นานอาภรณ์ของเราสองคน
ก็ถูกปลดเปลื้องออกจนหมด พี่มิลไล่ริมฝีปากลงมาประทับที่ลำคอขาว
ลมหายใจที่รินรดอยู่ที่ต้นคอและสัมผัสเฉอะแฉะตอกย้ำว่ามันคือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องจริง
มือขาวกอบกุมยอดประทุมสีหวานจนเต็มมือก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยมันเสียจนร่างกายฉันสะท้านไปด้วยความเสียวกระสัน สมองของฉันมันขาวโพลนไปหมดจนไม่มีเรื่องใดอยู่ในหัว รู้แต่เพียงว่าตอนนี้ฉันต้องการ เรียวขาของฉันถูกจับชันเข่าขึ้นแล้วอ้าออกเผยให้เห็นของสงวน
“เจ็บนิดหน่อยนะ” พี่มิลว่าก่อนจะค่อย ๆ จ่อแท่งร้อนไว้ตรงรูสวาทก่อนจะดันมันเข้ามาอย่างช้า ๆ
ฉันกัดฟันกรอดด้วยรู้สึกเจ็บและคับแน่น สติที่เริ่มขาวโพลนเริ่มกลับมาอีกครั้งจนน้ำตาเล็ดออกมาจากขอบดวงตา
“ถ้าเจ็บจิกหลังพี่ได้นะ” ฉันไม่รอช้าทำตามที่หนุ่มรุ่นพี่บอก จิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังขาวเนียน พี่มิลเห็นว่าฉันรู้สึกไม่ดีเลยก้มลงมาจูบซับน้ำตาบนเปลือกตาให้อย่างช้า ๆ ในใจฉันมันอุ่นซ่านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ผ่อนคลายอย่างนั้นแหละ”
ด้วยคำปลอบใจให้ฉันได้ผ่อนคลายพี่มิลจึงสอดแก่นกายของตัวเองเข้ามาได้จนสุดความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามาแทนที่ ข้างในท้องน้อยรู้สึกวาบหวามราวกับมีผีเสื้อบินวนอยู่นับร้อยตัว
“พี่เริ่มเลยนะคะ” เสียงทุ้มแหบพร่าพาเอาใจสั่นก่อนที่เอวสอบจะเริ่มขยับแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ
ฉันอดไม่ไหวที่จะส่งเสียงครางหวานออกมาด้วยความเสียวกระสัน พี่มิลขยับสะโพกถี่จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังระงม ในตอนนั้นสมองของฉันโล่งไปหมดมีเพียงความรู้สึกที่นำทาง
แถมยังรู้สึกดีสุด ๆ ไปเลย
เสียงลมหายใจหอบดังอยู่ที่ข้างใบหูยิ่งทำเอาฉันรู้สึกวาบหวามไปหมดทั้งตัว ไม่นานนักฉันก็รู้สึกสุขสมไม่ต่างจากพี่มิลที่ปลดปล่อยออกมาข้างในตัวฉัน
ความอุ่นนั้นเองเริ่มดึงตัวฉันลงมาจากสวรรค์ที่เพิ่งขึ้นไปแตะ แต่ความเหน็ดเหนื่อยก็ทำดวงตากันปรือไปหมดราวกับโลกมันกำลังหมุนวนไปมาก่อนที่ภาพตรงหน้าจะดับวูบไป
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดที่แยงตาฉันอยู่จนรบกวนการนอนของฉัน ในหัวมันมึนตึบไปหมดจนแทบจะปรือตาไม่ขึ้น ร่างกายของฉันปวดร้าวไปทั้งตัวอย่างกับเพิ่งไปผ่านศึกหนักมาก็ไม่ปาน
ความหนักพาดลงที่เอวของฉันจนขยับตัวไม่สะดวก ฉันค่อย ๆ เปิดตาขึ้นมามองต่ำลงไปสิ่งแรกที่เห็นคือแขนล่ำของใครบางคนที่พาดผ่านเอวของฉัน แถมร่างกายของฉันมันก็เปลือยเปล่าไปหมดทุกส่วน
“เชี่ย” ฉันแทบจะกระโดดออกมาจากเตียงแต่พอขยับนิดเดียวเอวฉันมันก็แทบจะเคล็ด ฉันรีบหันหน้ามามองทางคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ หวั่นใจว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงตกใจแต่ใบหน้าหล่อเหลายังคงปิดเปลือกตาสนิท
ลมหายใจของฉันถี่กระชั้นด้วยความตกตะลึง
“พี่มิล” ความทรงจำในหัวค่อย ๆ แล่นเข้ามาเป็นฉาก ๆ จนฉันต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ
เมื่อคืนฉันเองก็เมา พี่เขาเองก็เมา คงจำอะไรไม่ได้หรอก
ฉันรีบยกแขนของคนพี่ขึ้นมาอย่างเบามือแล้ววางหมอนไว้แทนที่ก่อนที่จะรีบสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“เอาเป็นว่าเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเลยจริง ๆ มันแค่ฝัน แค่ฝันเท่านั้น” เสียงพึมพำหลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่มพลางชำเลืองมองคนที่นอนอย่างไม่รู้สึกรู้สา บางจังหวะที่พี่เขาขยับตัวฉันก็หวาดผวาเสียจนต้องทำตัวแข็งเป็นหิน
ยัง... ยังจะมานอนแจ๊บปากอีก
ทันทีที่ฉันแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายข้างของตัวเองแล้วหันหน้ากลับมามองคนที่นอนหลับอยู่
“ลาก่อนนะพี่ ชาตินี้อย่าเจอกันอีกเลยนะคะ” ฉันรีบบึ่งออกจากห้องของเขาไปเดี๋ยวนั้นแล้วทำเหมือนว่าเมื่อคืนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ฉันเดินออกมาจากคอนโดฯ หรูพลางกวาดสายตามองถนนที่ไม่คุ้นเคย แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเนี่ย ฉันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
นี่มันก็ห่างจากคอนโดฯ ฉันมากเหมือนกันนะ ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วมองหาแท็กซี่ที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“มน” เสียงทุ้มจากข้างหลังทำเอาฉันถึงกับผวาวาบ
“พี่มิล” ฉันหับขวับกลับมามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าคอนโดฯ
“เธอลืมของ...” ยังไม่ทันที่พี่มิลจะเดินเข้ามาหาฉันก็รีบสับเท้าวิ่งลงบันได สายตาเหลือบไปเห็นแท็กซี่ที่กำลังมีผู้โดยสารเดินลงมาพอดีก็รีบแทรกตัวขึ้นไปนั่งแล้วปิดประตูลง
“ออกเลยค่ะพี่”
“อ้าวเฮ้ย” พี่มิลเดินมาเคาะกระจกรถแต่ก็ไม่ทันเพราะพี่แท็กซี่เหยียบคันเร่งออกไปทันที ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นทาบอกด้วยความโล่งใจ
“ทะเลาะกับแฟนมาเหรอลูก”
“คะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นมองป้าคนขับที่มองผ่านกระจกมองหลังมาทางฉัน
“ป้าเจอมาหลายเคสแล้วทะเลาะกันแล้วแฟนตามมาจะทำร้ายเนี่ย แม่หนูต้องเลิกให้เด็ดขาดนะ เขากล้าทำเราวันนี้เขาก็กล้าทำเราวันหน้าอยู่ดี อย่าไปใจอ่อนให้ผู้ชายแบบนี้นะลูก”
ฉันได้แต่มองป้าที่ร่ายยาวตักเตือนด้วยความหวังดีเลยพยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้ อย่างน้อยวันนี้ก็เจอป้าคนดี ถึงแม้ว่าป้าแกจะเข้าใจผิดไปมากโขอยู่
“ขอบคุณนะคะป้า แต่เมื่อกี้เขาไม่ใช่แฟนหนูหรอกค่ะ” ฉันหัวเราะแห้ง ๆ
“อ้าวเหรอ เห็นถือรองเท้าวิ่งตามมาด้วยนึกว่าเขาเอามาตีหนู” ฉันเลิกคิ้วสูงก่อนจะก้มหน้ามองรองเท้าที่ตัวเองสวมใส่มา
“ตาเถร รองเท้าแตะไอ้พี่มิลปะวะ”
“ให้ป้าวนรถกลับไปให้ไหม” ฉันรีบยกมือประหนึ่งเป็นปรางห้ามป้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาด้วยความอับอาย
“ไม่เป็นไรค่ะป้า หนูหวังว่าชาตินี้ทั้งชาติจะไม่เจอเขาอีกแล้วนะคะ”
ฉันมายืนอยู่หน้าร้านขายยาใต้คอนโดนฯ ของตัวเองแล้วก็ใจแป้วเดินมาเดินกลับอยู่หลายรอบพลางยกมือขึ้นมาขบกัดบนเล็บนิ้วโป้งเบา ๆ ด้วยความเป็นกังวลจนเล็บยาวกุดสั้นลง
ไปซื้อร้านอื่นดีปะวะ ถ้าเกิดพ่อมาแล้วเขาเอาไปฟ้องพ่อทำไงอะ แต่ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวจะไม่ทันการเอานะ
ฉันถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สิบของวันก่อนจะเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย ในใจฉันมันเต้นตุบ ๆ คิดเรื่องต่าง ๆ ร้ายดีไปสารพัด
“เอ่อ คุณลูกค้าคะ”
“ตาเถรแม่ร่วง” ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเภสัชกรสาวเดินเข้ามาดึงแขนของฉันไว้แล้วชวนให้เดินเข้ามาในร้าน
“เห็นเดินหลายรอบแล้ว ไม่กล้าเข้ามาซื้อใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางที่เป็นมิตร ฉันได้แต่พยักหน้ารับ
“นิดหน่อยค่ะ คือหนู...” น้ำเสียงของฉันมันประหม่าเสียจนเธอต้องจับมือฉันเอาไว้เบา ๆ
“ไม่เป็นไร มีอะไรบอกพี่ได้ เป็นหน้าที่ของพี่ที่ต้องให้คำปรึกษาและเก็บความลับของลูกค้าอยู่แล้ว วางใจได้” เธอว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนฉันรู้สึกอุ่นใจ
“คือว่าเมื่อคืนหนูมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ
แล้วน่าจะไม่ได้สวมถุงยาง หนูเลยกลัวว่าตัวเองจะ...” ฉันตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเภสัชกรสาว
“อย่างแรกพี่ก็ต้องแนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินก่อน แล้วก็พี่อยากจะแนะนำให้เราไปตรวจพวกโรคติดต่อที่โรงพยาบาลด้วยนะ เดี๋ยวนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ มีอะไรกับคนแปลกหน้าไม่ใช่แค่เรื่องท้องเท่านั้นนะ
แต่เรื่องโรคติดต่อก็น่ากลัวไม่แพ้กันเลยนะ”
“ค่ะพี่ เมื่อคืนหนูไม่น่าดื่มหนักเลย” ฉันยกมือขึ้นเสยผม เหตุการณ์แบบเมื่อคืนไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริง ๆ
“อ๋อแล้วก็ทีหน้าทีหลังพกถุงยางไว้บ้างก็ดีนะ เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ไม่ต้องมานั่งเครียดแบบนี้อีก มีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้เข้าใจไหม” หญิงสาวว่า ท่าทางใจดีและอ่อนโยนทำเอาฉันรู้สึกผ่อนคลายจากที่คิดไว้มาก
“ขอบคุณพี่มากนะคะ ถ้าไม่เจอพี่หนูคงกดดันตายเลย” ฉันยกยิ้มเจื่อน ก่อนที่เภสัชกรสาวจะจัดของใส่ถุงให้ฉัน
“อ้าวนี่จ้ะ” เธอส่งถุงยามาให้ฉันก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ “ส่วนถุงยางพี่แถมให้ฟรีนะเผื่อฉุกเฉิน”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับถุงนั้นมาก่อนที่จะสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันชำระเงินบนโทรศัพท์มือถือก่อนจะเดินออกมาจากร้านขายยาด้วยความ
โล่งใจ
อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดแฮะ