โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

1103 Words
 “เมลสัน แค่ผู้หญิงตัวเล็กทำไมถึงได้เก่งกล้าหลอกผู้ชายร่างยักษ์อย่างพวกนายได้วะ” สิ้นเสียงอีกฝ่ายเครื่องมือสื่อสารถูกดึงห่างออกจากกกหู พร้อมเจ้าของมองสิ่งของในมือเหมือนของร้อน และก็ร้อนจนใจของคนฟังเกือบไหม้ เพราะเสียงอันทรงพลัง เมลสันสูดอากาศเข้าปอดและแนบเครื่องมือสื่อสารฟังที่หูอีกครั้ง แล้วเสียงทุ้มก็กรอกดังออกมาให้ได้ยิน “เค้นจากเพื่อนหล่อนให้ได้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน” หน้าผากหนาห่อย่น คิ้วดกดำนูนสูงชนเข้าหากัน แปลกใจกับท่าทีหงุดหงิดจนถึงขั้นจริงจัง ก็แค่เศษเงินของเฮริคทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น... “ครับผมจะจัดการเค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุด” เฮริคจริงจัง และอยากให้คนบนเตียงรับรู้ โดยที่เขาไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เมื่อวางสายจากเฮริค เขาก็หันมาจับจ้องร่างเล็กสายตาคาดโทษ ตอนนี้หล่อนมีสภาพไม่ต่างจากนกน้อยที่ถูกจับขัง ถึงมีปีกก็บินหนีไปไหนไม่ได้ แต่กว่านกน้อยจะหมดสภาพเล่นเอาเขากับเพื่อนต้องเสียเหงื่อไปตามๆกัน เมลสันหย่อนก้นลงนั่งบนของเตียงจนคนที่นอนหมดสภาพรับรู้ถึงแรงกดทับ... “ว่าไงแม่นกน้อย จะบอกดีๆ หรือจะให้ผม...” เมลสันไล่สายตาไปตามใบหน้าจืดชืดไร้สีสัน หากแต่เครื่องหน้าที่ตกแต่งอยู่อย่างลงตัวทำให้เขาสรุปได้ว่าผู้หญิงคนนี้หากแค่มองผ่านๆ ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไร้สิ่งจูงใจ แต่หากมองให้ลึกซึ้งจะพบความอ่อนหวานน่าหลงใหลจนติดตาเลยทีเดียว “อือๆ” ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในแววตาภายใต้กรอบแว่น พร้อมขยับถดหนี “บอกได้ยัง” เมลสันถามอีกครั้ง แต่ได้เสียงอืออาตอบกลับมาเหมือนเดิม มุมปากหนายกสูง เขาอยากขอบคุณเจ้าของห้องที่มีเทปใสแผ่นใหญ่ให้เขาได้พักแก้วหู  มือเรียวหนาตัดสินใจดึงเทปใสออกจากริมฝีปากบางช้าๆ กลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ แต่ก็ได้เสียงดังโต้กลับมาทันทีที่ปากเป็นอิสระ “อ๊าย เจ็บนะไอ้คนบ้า!” “อะ หือ ปากหนอปาก...” น้ำเสียงหน่ายๆ ปล่อยอารมณ์ให้เย็นลงแล้วสนใจงานของตนเองต่อ “บอกมาเพื่อนคุณหนีไปไหน” “ไม่รู้ ไม่ต้องมาถาม” เสียงแหลมเอ่ยรัวจนคนอยากรู้เอียงหลบ เหมือนกลัวว่าหากใกล้เกินไปแก้วหูเขาอาจจะชาขึ้นมาอีกครั้ง  “ดี หากไม่รู้ ผมคงต้องบังคับคุณด้วยวิธีของผมแล้วกัน” เมลสันบอกพลางขยับกายแกร่งเข้าหา เมื่อปากจิ้มลิ่มเงียบลง “ฮะ...” ตากลมโตเบิกกว้าง ขยับหนีตามที่สภาพอำนวย มิกซ์ได้แต่ยืนกลั้นขำ รู้ดีว่าเพื่อนร่วมงานอย่างเมลสันไม่ทำอะไรผู้หญิง หากแค่การกระทำเป็นเพียงการขู่ข่มขวัญให้อีกฝ่ายกลัวแล้วก็ได้ผลเมื่อคนที่นอนอยู่สีหน้าบิดเบี้ยวจะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่ “อย่ามาคิดบ้าๆ กับฉันนะ ที่นี่ประเทศไทยนะ กฎหมายที่นี่มีไว้เอาผิดคนอย่างพวกนาย!” น้ำเสียงแข็งกร้าว ถลึงตามองเชิงร้องห้าม “คราบบ ผมรู้ดี... แต่ผมก็ทำตามกฎของเจ้านายผมเช่นกัน เพื่อการอยู่รอดของผมไงครับแล้วคุณก็มีสิทธิ์ทำในสิ่งที่คุณต้องการได้เช่นกัน นั้นคือหากยังอยากอยู่ในสังคมอย่างเชิดหน้าชูตาก็บอกในสิ่งที่ผมอยากรู้ นั่นคือ...เพื่อนของคุณหลบไปอยู่ที่ไหน แล้วคุณก็จะรอด” “ไม่บอก! ฉันรู้ดีว่าหากฉันบอกอะไรไปพวกนายก็ไม่เอาฉันไว้หรอก” เมลสันยกยิ้ม ขำกับความคิดอีกฝ่าย “คุณนี่ ช่างเข้าใจวงการมาเฟียดีแท้ ดีแล้วที่เข้าใจ งั้นก็บอกๆ มาอย่าให้ผมต้องเสียเวลา” “ก็บอกแล้วไงเล่า ว่าไม่บอก” “เธอนิ... ปากแข็งนัก มานี่เลย” ว่าให้ พร้อมมือหนาจับหมับไปยังหน้าขาเรียวกระชากเข้าหาตัว “ว้าย!...” เสียงแหลมเล็กเปล่งออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบสะบัดขาเรียว เพื่อให้สิ่งที่จับกุมส่วนที่โพล่พ้นขากางเกงขาสั้นเลยเข่าหลุดไป แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด เพราะเหมือนยิ่งสะบัดสิ่งนั้นก็กดกระชับแน่นขึ้น หัวใจเต้นแรงสมองหลั่งสารอะดรีนาลีน ส่งผลให้ใบหน้าขาวซีด มีเหงื่อพร่างพราวเต็มใบหน้า ก่อนที่เมลสันจะดำเนินการเค้นหาความจริง ก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน ด้วยเครื่องมือสื่อสารที่พกติดตัว เมลสันรีบกดรับสายพร้อมลุกขึ้นจากจุดที่นั่งอยู่ “หะ จริงหรือครับ... ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” เขารีบกดวางสายแล้วหันไปพยักหน้าเรียกอีกคนที่มองด้วยความสนใจอยู่ก่อนแล้ว “มิกซ์ เรากลับกันเถอะ” เมลสันบอกพลางก้าวนำออกไป โดยไม่สนใจคนบนเตียง ตากลมโตเบิกกว้าง ปากเรียวบางอ้าค้าง มิกซ์ก้าวเดินตามเพื่อนร่วมงานได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคนด้านหน้าหยุดกึกโดยไม่บอกกล่าว แล้วหันกลับมาพร้อมคำพูดเบาๆ คล้ายกระซิบ “เอ่อ... นายออกไปรอที่รถก่อน ฉันลืมลา darling” คนที่ไม่เคยเห็นเพื่อนรักในรูปแบบนี้ถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้าและตามมาด้วยอาการหลุดขำพรืดออกมา แล้วรีบเดินออกไป เมื่ออีกฝ่ายแยกเขี้ยวใส่ ดวงตากลมโตภายใต้ขอบแว่นหนาหรี่แสงลง เมื่อคนที่หล่อนกลัวหันกลับมาสีหน้ายิ้มเย็น ร่างบางถอยด้วยสัญชาตญาณ หากแต่อีกฝ่ายที่ถึงตัวก่อนดึงรั้งตัวเธอเอาไว้ พร้อมมือหนาจัดการแก้มัดออกอย่างรวดเร็ว โดยคนที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกบิดข้อมือและขยับข้อเท้าตัวเองเพื่อช่วยให้หลุดเร็วขึ้น “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกยังไงผมไม่ปล่อยให้คุณนอนแห้งเหี่ยวอยู่บนเตียงนอนเป็นแน่” เมลสันบอกพร้อมจับไหล่บางเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ แววตาตื่นตระหนก ภายใต้กรอบแว่นมองไหล่ตนเอง ซ้ายทีขวาที ไม่พอใจทั้งคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายก่อนหน้าอยู่แล้ว จึงโพล่งออกมาอย่างเหลืออด “เอามือสกปรกออกไปนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD