ทุก ๆ วันก็เหมือนเดิมค่ะ แต่วันนี้แปลกไปหน่อยที่เก้ามาหาฉันแต่เช้าเลยปกติไม่บ่ายก็เย็น
“สงกรานต์ไปเที่ยวไหนเหรอ”
“ไม่ได้ไปมั้ง ไม่รู้สิต้องดูก่อนว่าพี่เราหยุดงานหรือเปล่า แล้วนายล่ะ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติก็ไปกับพวกไอ้โบนั่นแหละ”
“อ่อ...”
“วันนี้เธอว่างหรือเปล่า”
“ว่างสิ ว่างทุกวันนั่นแหละ”
“ไปเที่ยวกันไหม?”
“หืม...”
“เดี๋ยวเราขอแม่ให้เอง” จบประโยคเก้าก็เดินไปหาแม่ในครัวค่ะ ไม่รอให้ฉันตอบอะไรสักคำ “แม่อนุญาตแล้ว”
“เรายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะไป”
“แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธนี่”
“...”
“แต่งตัวมิดชิดหน่อยนะใส่เสื้อคลุมด้วย”
“จะพาไปไหนเนี่ย” พลางหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิดเมื่อถูกกำชับแบบนั้น
“ไม่บอก”
“งั้นไม่ไป”
“ต้องไป! ถ้าเธอไม่ไปแล้วใครจะซ้อนท้ายเรา”
“ถ้ากลับมาแล้วผิวดำนะเราเห็นดีกันแน่”
“ไม่ต้องห่วงเพราะดำแน่นอน”
“...”
“ฮ่า ๆ”
ก่อนออกจากบ้านก็ไม่ลืมบอกแม่อีกครั้งค่ะ นอกจากจะอนุญาตแล้วยังได้ค่าขนมมาจำนวนหนึ่งด้วย
“ยังไม่บอกเลยนะว่าจะพาไปไหน” ฉันเอ่ยถามอีกครั้งซึ่งตอนนี้เก้าพาฉันมาที่บ้านหลังหนึ่ง
มองเลยเข้าไปด้านในคนเยอะพอสมควรค่ะ บางคนก็คุ้นหน้าแต่ว่ามันนึกชื่อไม่ออกเท่านั้นเอง
“เดี๋ยวนะ!” ใครคนหนึ่งเอ่ยเมื่อเห็นหน้าฉัน เขาเป็นเพื่อนต่างห้องค่ะฉันจำได้และเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเก้าด้วย “ไอ้เก้า กูคิดว่ากูต้องได้คำอธิบายจากเรื่องนี้นะ”
“ไม่มีอะไร”
“มี!! มันต้องมีดิวะ” เขาพูดกับเก้าก็จริงแต่กลับเสมอสายตามาทางฉัน “สงสัยกูต้องไปหาคำตอบกับไอ้เอ็กซ์แทนแล้วมั้ง”
“เพื่อนกัน”
“ฮั่นแน่...”
เก้าไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกนอกจากพาฉันเข้าไปด้านใน
“เขาชื่ออะไรนะ” ฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไอ้กาย”
“อ่อ... อยู่โรงเรียนเดินสวนกันทุกวันแต่ไม่รู้ชื่อสักที”
“ปากมันแบบนั้นแหละเธออย่าถือสามันเลยนะ”
“เรา...”
“เชี่ย! วันนี้มีสาวมาด้วยว่ะ” เสียงเอ่ยแซวดังขึ้นอีกครั้งและฉันก็ตกเป็นเป้าสายตาแทบจะทันที
“สาวอะไรพี่นี่เพื่อนผม”
“อย่า ๆ กูเห็นมึงมาด้วยกัน”
“อ้าว! ก็มากับผมก็ถูกแล้วไง”
“ไม่ถูกนะ ไอ้แก้วก็เพื่อนเหมือนกันมึงยังไม่ให้มันซ้อนท้ายเลย”
“ไม่เหมือนครับ คนนี้ไม่เหมือน”
“มึงมันแน่นอนจริง ๆ” เขาสบถออกมาอย่างไม่จริงจังมากนักพร้อมกับอมยิ้มให้เก้าแล้วหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ”มันเหี้ยนะ อย่าไปยุ่งกับมันเลย”
“โธ่พี่! ดูคำพูดคำจาสิ” เก้าเถียงกลับแทบจะทันที “ผมยิ่งมีเพื่อนน้อย ๆ อยู่”
“คนนี้ไม่น่าจะแค่เพื่อนนะ”
“...”
แค่เพียงไม่นานโอมก็มาค่ะ แต่เขาดูไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นฉันอยู่ตรงนี้กับเก้า
“เป็นเหี้ยไรไม่อยากจะรับโทรศัพท์” ประโยคทักทายแรกเอ่ยพร้อมกับชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ
“โทษทีพอดีเน้นติดตัวไม่เน้นติดต่อ”
“กวนส้นตีน กูจะให้เข้าไปรับสักหน่อย”
“วันนี้มันมีคนซ้อนท้ายมาด้วยมึงกับกูคงต้องเป็นเมียน้อยไปก่อน” กายเอ่ยขึ้นมาบ้าง
โอมไม่ได้พูดอะไรแค่มองหน้าฉันยิ้ม ๆ เท่านั้นเอง
อีกครึ่งชั่วโมงจะออกเดินทางกันค่ะ ประมาณสิบคันได้ เหมือนว่าพวกเขาจะนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว
ปลายทางคือน้ำตกแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก ระยะทางจากตรงนี้ไปมันไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ แต่กว่าจะถึงคงร้อนเอาเรื่องเหมือนกัน
“ไม่มีด่านเหรอ” ฉันเอ่ยถามไปตามความคิด
“ไม่มีหรอก”
“นายรู้ได้ยังไง?”
“ใช้ตาทิพย์ดูแล้ว”
“...”
“ไม่มีหรอก ถ้าเป็นช่วงเทศกาลหรือวันหยุดก็ไม่แน่”
“ครบยังวะหรือรอใครอีก?” พี่คนหนึ่งพูดขึ้น “ข้างหน้าว่างนะมีใครจะมานั่งกับพี่ไหม” เขาเอารถยนต์ไปค่ะ “ไอ้เก้าแฟนมึงอะ มานั่งนี่ไหมร้อนนะ”
“ไม่ครับ”
“สัส! ทีงี้ตอบไวเชียวนะตอนแรกกูถามบอกเป็นเพื่อนกันไง”
“อย่าต้อนสิพี่เดี๋ยวจนมุม”
... : ฮ่า ๆ
เลิกสนใจพวกเขาเก้าก็หันมาใส่หมวกกันน็อคให้ฉันค่ะ ตัวเขาเองก็มีอีกใบหนึ่งเหมือนกันราวกับว่ามันถูกเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
กว่าจะออกจากบ้านได้ก็แปดโมงแล้วค่ะ ดีที่วันนี้แดดไม่ค่อยแรงเท่าไหร่หรือเป็นเพราะยังเช้าอยู่ก็ไม่รู้นะ อ่อ! ลืมบอกว่าไม่ได้มีแค่ฉันนะคะที่เป็นผู้หญิงเพราะบางคนเขาก็พาแฟนไปด้วยเหมือนกัน
เดินทางประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่หมายปลายทางค่ะ บรรยากาศโคตรดี ดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก
“อยากเล่นน้ำไหม?” เก้าเอ่ยพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงตรงโขดหิน
“ไม่ดีกว่า”
“กลัวอะไรเราก็อยู่ หรือว่ายน้ำไม่เป็น?”
“เป็นวันนั้นของเดือน” ฉันตอบออกไปเสียงแผ่วเบาแต่คนข้าง ๆ ก็ได้ยินอยู่ดี
“จบกัน”
“นายไปเล่นสิเราเดินเล่นแถวนี้แหละ”
“ไม่อะ เราแค่ถามเฉย ๆ เห็นเธอดูเบื่อ ๆ”
“คิดไปเอง” ฉันว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะมองหาที่ร่มเพื่อนั่งพัก
“แป๊บนะ” หันมาบอกฉันจากนั้นก็วิ่งไปที่รถยนต์และกลับมาพร้อมกับเสื่อผืนหนึ่ง
“แล้วเขาใช้อะไรกันล่ะ”
“เอามาหลายผืน เธอไม่ต้องห่วง” จากนั้นก็ปูเสื่อที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“กูสองคนนั่งด้วยสิ” โอมกับกายค่ะ
“มึงไม่ชวนแก้วมาด้วยล่ะ”
“แล้วทำไมมึงไม่ชวน”
“ต้องให้กูพูดด้วยเหรอ?”
“...”
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้และความเงียบเข้าปกคลุมแทน
“ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วกูขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม” น้ำเสียงจริงจังของกายเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี “ไอ้เก้า มึงกับแก้วนี่ยังไง?”
“มึงไม่ควรตั้งคำถามแบบนี้กับกูนะเพราะกูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน” เก้าตอบเสียงเรียบ ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรและคนชื่อแก้วคือใคร? รู้แค่ว่าคำตอบของเก้ามันเป็นความจริง ไม่รู้สิ! มันรู้สึกแบบนั้น
“แล้วกับเพียงจันทร์ล่ะ”
“...”
“ก็เพื่อน...”
“แต่มากกว่าเพื่อน” กายว่ายิ้ม ๆ แล้วพูดต่อ “มึงใช้คำนี้กับไอ้แก้วกูรู้สึกเฉย ๆ นะ แต่กับเพียงจันทร์กูขอคิดต่าง ไม่อย่างนั้นมึงไม่เทียวรับเทียวส่งหรอก อีกอย่างนะกูไม่เคยเห็นมึงพาใครซ้อนสักที เผื่อมึงลืมว่ากูเป็นเพื่อนมึงนะไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้ไม่เห็นครับ”
“...” เก้าเงียบไปเมื่อกายพูดแบบนั้น
“กูเข้าใจว่าคนที่มึงชอบกับคนที่ชอบมึงความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่ากูไม่ถามต่อแล้วแหละเพราะกูพอจะรู้คำตอบแล้ว”
“คำตอบอะไรวะ?” โอมถามขึ้นมาบ้างหลังจากนั่งฟังอยู่หลายนาที
“มึงมันซื่อบื้อแบบนี้ไงไอ้แก้วถึงไม่รู้ตัวสักที”
“หลอกด่ากูเฉย”
“สรุปง่าย ๆ ไอ้เก้าไม่ได้คิดอะไรมากกว่าเพื่อนเพราะมันชอบพะ...”
“หุบปาก!”
“ครับผม! จะไม่พูดเลยจริง ๆ” น้ำเสียงล้อเลียนเอ่ยพร้อมกับท่าทางทะเล้น
เก้าไม่ได้สนใจอะไรและทิ้งตัวลงนอนข้างฉันรวมถึงโอมกับกายก็ด้วย
“นอนได้นะ” เก้าเอ่ย
ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธและนอนลงข้างเก้า ฟังเสียงน้ำไหลบวกกับความเงียบของธรรมชาติไหนจะสายลมอ่อน ๆ อีกไม่ง่วงก็ให้มันรู้ไปสิ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สัมผัสต่อมาคือศีรษะของฉันค่อย ๆ ถูกยกขึ้นและหนุนนอนอยู่กับแขนข้างหนึ่ง
“หลับเหรอวะ”
“อืม”
“คนอะไรหลับโคตรง่ายเลย”
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใครเพราะฉันไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองและก็ใกล้จะหลับจริง ๆ แล้วด้วย
“โอม”
“หืม”
“มึงชอบแก้วเหรอจริง ๆ ใช่ไหม”
“แล้วมึงล่ะ ชอบเพียงจันทร์เหรอ”
“กูถามเพื่อจะเอาคำตอบนะไม่ได้ให้มึงมาย้อนแบบนี้”
“ถ้ากูบอกว่าชอบล่ะ”
“ชอบก็จีบไงไม่เห็นยากเลย”
“มันยากตรงที่แก้วไม่ได้ชอบกูไง”
“กูไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว มึงไม่ต้องมาสนใจตรงนี้หรอกไม่ว่ามึงจะถามกี่ครั้งกูก็ยืนยันคำเดิม”
“แล้วกับเพียงจันทร์ล่ะ”
“...”