หลายวันผ่านไป
เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการเปิดภาคเรียนแล้วค่ะ
“ตั้งใจทำข้อสอบนะ”
“บอกตัวเองด้วยจะดีมาก”
“ช็อตฟิลเว่อร์”
... : ฮ่า ๆ
สอบวันเว้นวันสลับกันค่ะ ห้องที่หนึ่งถึงสี่สอบตึกเดียวกันชั้นเดียวกัน
สอบวิชาแรกเสร็จฉันก็ออกมานั่งรอหน้าตึกค่ะเพราะกฎคือห้ามนั่งรอหน้าห้อง ฉันว่าตัวเองทำเสร็จเร็วแล้วนะแต่ก็ยังมีคนที่เสร็จเร็วกว่า
“หลับตาจิ้มหรือไง” ฉันเอ่ยถามคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“อืม เธอรู้ได้ไงอะ”
“...”
“ล้อเล่น อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”
“นาย...”
“ไอ้เก้า! มึงทำเสร็จโคตรไวเลย” โอมขัดจังหวะขึ้นฉันจึงไม่ทันได้พูดอะไรต่อ
“ก็มันง่าย”
“เรียนก็ไม่ครบชั่วโมงเสือกบอกง่ายอีก”
“ก็ง่ายสำหรับกูอะ”
“เออครับ”
แค่ไม่นานก็เข้าสอบวิชาต่อไปค่ะ ช่วงเช้าจะสอบแค่สามวิชาและบ่ายสองวิชาทำให้มีเวลาว่างเหลือเยอะ ถามว่าอ่านหนังสือกันเหรอ? เปล่าค่ะ นอนพักสมอง ฮ่า ๆ
“กินอะไรดีอะ” ปูนาเอ่ยพลางกวาดสายตาสำรวจของกินไปด้วย ตอนนี้เราอยู่กันที่โรงอาหารค่ะ
“กินกันก่อนเลยเราไม่หิว” ฉันตอบออกไปตามความจริงคงเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาที่เคยกินมั้งคะ ตอนนี้มันเพิ่งสิบโมงกว่า ๆ เอง
“ประชดชีวิตไหมเนี่ย” โบเสริมขึ้นมาบ้าง
“เปล่าสักหน่อยก็ปกติเคยกินเที่ยงไง กินตอนนี้เดี๋ยวเที่ยงก็หิวอีก”
“อ้วน!”
“สงสัยอยากมีเรื่องสินะ” ฉันสวนกลับแทบจะทันทีโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยซ้ำว่าประโยคก่อนหน้านี้ใครเป็นคนพูด
... : ฮ่า ๆ
“...”
“ให้พูดใหม่จะมีเรื่องกับใครนะ?” เก้าเอ่ยพร้อมกับนั่งลงตรงที่ว่างข้างฉัน
“เราต้องกลัวนายด้วยเหรอ?”
“กลัวไว้บ้างก็ดี”
“ผู้ชายคนเดียวที่เรากลัวมีแค่พ่อ! เท่านั้นแหละ”
“พ่อเต็มหน้าเชียวนะ”
... : ฮ่า ๆ
“ไปไม่เป็นเลยไงเจอคนจริงเข้าให้” เอ็กซ์เอ่ยแซวขึ้นมาบ้าง “แล้วมึงมานั่งอะไรห้องกูครับ เพื่อนมึงอยู่โน่น”
“ตรงนี้ก็เพื่อนเหมือนกัน”
“ครับ! ไอ้คนมีเพื่อนเยอะ”
แค่เพียงไม่นานปูนาก็เดินกลับมาที่โต๊ะค่ะแถมยังมีผลไม้มาฝากฉันอีกด้วย “ตรงนี้ที่ฉันช่วยลุกไปนั่งที่อื่นด้วยค่ะ”
“เพื่อนเธอดุชะมัดเลย” เก้าพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะยอมลุกไปนั่งฝั่งตรงข้ามฉันแทน
ระหว่างนี้เราก็คุยเล่นกันไปตามประสาค่ะจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยง
“ไปกินข้าวกัน” เอ็กซ์เอ่ยชวนขึ้นซึ่งทุกคนกินกันก่อนหมดแล้ว เหลือเราสองคนค่ะ
“ไปดิ”
“มึงล่ะไปไหม?” ประโยคนี้เขาหันไปถามเก้าค่ะ เก้าไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้าให้แทนคำตอบจากนั้นก็เดินนำออกไปเลย
“เอาอะไรกันไหมอะ” ฉันหันไปถามปูนาที่กำลังเล่นเกมส์อยู่
“ผลไม้แล้วกัน”
“โอเค”
ฉันแยกตัวมาซื้อน้ำกับผลไม้เพราะกลัวว่ามันจะหมดซะก่อน จากนั้นค่อยไปซื้อข้าวแต่ว่าไม่ทันจะต่อแถวราดหน้าจานหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้าแล้วค่ะ
“มึงสองคนต้องใจเย็น ๆ นะ ไหนว่าความลับไงกูปิดแทบตายแล้วดูพวกมึงสิ”
“เพื่อนกัน” เก้าตอบเสียงเรียบ
“ตอนนี้น่ะใช่แต่ต่อไปไม่แน่ หรอก”
“...”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่รับราดหน้าที่เก้าซื้อให้มาเท่านั้นเอง ส่วนของเขาก็เหมือนกันค่ะ
ไม่รู้หรอกว่าความลับที่เอ็กซ์เข้าใจความหมายของมันเป็นแบบไหน แต่ช่างเถอะ! ปล่อยให้เก้ารับมือไปแทนแล้วกันเพราะยังไงมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้อยู่แล้ว
ฤดูกาลสอบผ่านพ้นไปด้วยดี... ช่วงปิดเทอมเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากสำหรับฉันแต่จะไม่น่าเบื่อก็ตรงที่ใครบางคนมานั่งเล่นที่บ้านด้วยบ่อย ๆ นี่แหละ
“ไม่ไปไหนบ้างเหรอ” ฉันเอ่ยถามเก้าที่กำลังเล่นเกมส์อยู่ข้าง ๆ
“ไปไหนอะ”
“ก็แบบไปต่างจังหวัดอะไรแบบนี้ไง”
“อ่อ... เราไม่มีที่ให้ไปหรอกเพราะเดิมทีถิ่นฐานของครอบครัวก็อยู่ที่นี่อยู่แล้ว แล้วเธออะ”
“เหมือนกัน แต่ว่าพ่อเรามีบ้านอยู่อีกอำเภอหนึ่งแต่ญาติทางนั้นเรากับแม่ไม่ค่อยสนิทน่ะ และคนที่สนิทก็ดันเสียหมดแล้วไงเลยไม่ได้ไปสักที” นี่แหละค่ะเหตุผลหนึ่งที่ฉันย้ายมาที่นี่ แม่บอกว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก และบ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านของตากับยายค่ะ แต่เขาเสียไปแล้วล่ะ
“แล้วนี่แม่ไปไหนเหรอ”
“ไปช่วยทำของงานบวชน่ะ เป็นลูกชายของพวกเพื่อนเขานั่นแหละ”
“ไป...”
ครืด... ครืด...
สายเรียกเข้าขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อนค่ะ เก้ามองหน้าฉันแวบหนึ่งก่อนจะกดรับสาย
“ครับ”
(...)
“ครับ”
แค่ไม่กี่ประโยคก็วางสายไปค่ะ ไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใครและพูดอะไรถึงทำให้ท่าทีของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“เราต้องไปแล้วฝากบอกแม่ด้วยนะว่าพรุ่งนี้จะมาฝากท้องอีก”
“ได้ข่าวว่ามาทุกวันนะ”
“ฮ่า ๆ”
เกือบทุกวันจริง ๆ ค่ะ เก้ากลายเป็นเพื่อนสนิทคนแรกที่แม่ฉันรู้จักไปซะแล้ว แถมยังสนิทกับแม่และพี่สาวฉันอีกต่างหากชนิดที่ว่าเข้านอกออกในได้ตามสบายขณะที่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเขาเลย เพื่อนสนิทแบบสนิทมากก็เห็นจะมีแค่โอมกับเอ็กซ์
คล้อยหลังเก้าฉันก็เปิดทีวีดูไปเรื่อยจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบเย็นแล้วค่ะ
“แม่มาตอนไหนอะ” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าแม่กลับมาก่อนแล้ว
“สักพักแล้วล่ะ กลับมาก็เห็นทีวีดูคนอยู่ แล้ววันนี้เก้าไม่มาเหรอ”
“มาแล้วกลับไปแล้ว”
“เดี๋ยวแม่ต้องไปค้างบ้านงานเอ็งอยู่คนเดียวได้ไหม”
“ต้องได้สิแม่”
“ล็อกบ้านล็อกประตูให้ดีนะกับข้าวมีแล้วในครัว”
“โอเค”
คล้อยหลังแม่ฉันก็ล็อกประตูบ้านทันทีค่ะ ใกล้ค่ำแล้วคงไม่มีใครมาแล้วแหละ อีกอย่างพี่สาวก็เข้ากะกลางคืนด้วยกว่าจะกลับก็เช้าอีกวันหนึ่ง
ทำธุระส่วนตัวทุกอย่างตามปกติเหลือบดูนาฬิกาอีกทีก็ดึกมากแล้ว มัวแต่ดูซีรี่ย์เพลินไง
ครืด... ครืด...
ปลายสายเป็นเบอร์เก้าค่ะ แต่ปกติดึกดื่นป่านนี้เขาจะไม่โทรมาหรอกนะเพราะรู้ว่าฉันนอนเร็ว
“นะ...”
(เปิดประตูบ้านให้หน่อย)
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเสียงนายแปลก ๆ” ไม่รอให้ปลายสายตอบฉันก็รีบออกจากห้องไปเปิดประตูบ้านให้ทันที สภาพที่เห็นบอกได้คำเดียวว่าเละ!
“นายไปไหนมาแล้วใครทำอะไรนาย” เอ่ยถามด้วยความตกใจพลางเข้าไปพยุงตัวเก้าไว้ ตามร่างกายของเขามีแต่บาดแผลค่ะ
“เจ็บ!”
“นายไหวไหม ไปหาหมอกันดีกว่า”
“ไม่ ๆ เราไหว”
“แรงจะพูดยังไม่มีเลยทำปากเก่งอีก”
ฉันพยุงเก้าเข้ามาในบ้านก่อนจะรีบไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมารวมไปถึงเสื้อยืดตัวใหม่ก็ด้วยเพราะของเขามันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดเต็มไปหมด
“นายไหวแน่นะ”
“อืม”
“...” ใบหน้าสบักสบอมของเขามันทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้เลยว่าไปทำอะไรมา ถ้าบอกว่ามีเรื่องชกต่อยคงไม่ใช่แค่นั้นหรอก เพราะสภาพแบบนี้มันโดนซ้อมมาชัด ๆ “เราหวังว่าจะได้คำตอบจากนายนะ”
“...” เก้าเงียบไม่พูดอะไรแค่มองหน้าฉันนิ่ง ๆ และถอดเสื้อออกยอมให้ทำแผลแต่โดยดี
“นี่...” ปากกำลังจะขยับถามแต่พอเห็นสายตาดุ ๆ ของเขาที่มองมาแล้วฉันจึงเงียบปากลง มันเป็นรอยของมีคมค่ะอยู่บริเวณกลางหลังแต่โชคดีที่แค่ถาก ๆ ไป
“ซี๊ด...เจ็บ...”
“ไหวไหม ไปหาหมอดีกว่า”
“ต้องพูดว่าไปหาหมอไหมไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเป็นประโยคคำถาม ที่เราพูดมันคือประโยคคำสั่งและคำตอบของนายคือประโยคปฏิเสธ”
“ดุฉิบหายเลย” เก้าว่ายิ้ม ๆ นอกจากจะไม่สนใจคำพูดของฉันแล้วเขายังแสดงท่าทีผ่อนคลายออกมาอีกด้วยทั้งที่เลือดออกแทบจะหมดตัวอยู่แล้วแต่ก็ยังปากเก่งอยู่ “เราไหวจริง ๆ แต่คืนนี้ขอนอนด้วยนะ นอนตรงนี้ก็ได้เธอกลับเข้าห้องไปเถอะ”
“บางทีเราอาจจะต้องรู้เรื่องราวของนายบ้างนะ”
“อยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็หลายเรื่อง”
“แต่บางเรื่องเธอไม่สมควรต้องรู้หรอก”
“ทำไม?”
“เพราะมันอาจจะทำให้เราไม่เหมือนเดิมตลอดไปเลยก็ได้” เก้าเงียบไปหลายนาทีแล้วพูดต่อ “ที่เธอเคยพูดว่าเราเปิดโลกของเธอ ทั้งโดดเรียนและไหนจะเข้าห้องปกครองอีก เธอเองก็เปิดโลกของเราเหมือนกันนั่นแหละ รวมถึงครอบครัวเธอก็ด้วย ไม่เคยมีใครเรียกให้เรากินข้าว ไม่เคยมีใครคอยตามคอยถาม หรือแม้แต่เราหายหน้าไปก็ไม่มีใครถามหาเช่นกัน ไม่เหมือนเธอ...”
“...”