Episode-๐๗ ผู้โชคดี?

1426 Words
หลังจากมื้อเย็นจบลงเก้าก็ยังไม่กลับค่ะ ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่บ้านฉันตั้งแต่ฟ้าสว่างจนตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว “บ้านนายอยู่ไหนเหรอ” “ไม่ไกลจากบ้านเธอหรอก แต่ก็ไม่ใกล้เหมือนกัน” “แล้วอยู่กับใครเหรอ เวลานายกลับดึกดื่นแบบนี้เขาว่าไหม” ฉันเอ่ยถามไปตามประสา แต่คนที่ถูกตั้งคำถามกลับนิ่งไปแล้วมองหน้าฉันอยู่แบบนั้นจนรู้สึกประหม่าว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า “...” “ขอโทษนะเราก็แค่ถามเฉย ๆ” “ถ้าอยากรู้คืนนี้ก็โทรมาสิเบอร์ก็มีตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมโทรมาสักที” “เรา...” “เรากลับก่อนแล้วกันรบกวนเวลาเธอมาหลายชั่วโมงแล้ว” จบประโยคก็เก็บของใส่กระเป๋าและเดินไปหาแม่ฉันที่กำลังดูทีวีอยู่ “ผมกลับแล้วนะแม่ไว้วันหลังจะมาฝากท้องอีกครับ” “มาเลย ๆ ไม่ต้องเกรงใจลูก ขับรถดี ๆ นะ” “ครับ สวัสดีครับ” ฉันเดินตามมาส่งที่หน้าบ้าน เวลานี้สี่ทุ่มกว่าแล้วค่ะ มองไปทางไหนก็มืดไปหมด มันเป็นแถบชานเมืองไงดวงอาทิตย์ตกดินเขาก็แยกย้ายเข้าบ้านใครบ้านมันกันหมดแล้วค่ะ “โกรธไหมเนี่ย” “โกรธอะไรของเธอ” “ก็ที่เราถามไง” “บอกแล้วไงถ้าอยากรู้คืนนี้ก็โทรมา” “...” “ไปแล้วนะ เธอก็เข้าบ้านได้แล้ว” “อืม ขับรถดี ๆ” รอจนเก้าขับรถออกไปฉันก็ล็อคประตูและกลับเข้ามาในบ้านตามเดิมค่ะ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นแสงไฟและเสียงท่อรถที่คุ้นหูกำลังจะแล่นผ่านถนนเลียบคลองหลังบ้าน “บ้านเขาอยู่ไหนเหรอ ทำไมไปฝั่งโน้น” เห็นไหมคะขนาดแม่ฉันยังจำได้เลย “ไม่รู้สิแม่ หนูถามแล้วเขาบอกอยู่แถวนี้แหละ” “ดูเป็นคนหัวดื้อนะ แต่ก็มีมุมที่คนอื่นไม่เห็นซ่อนอยู่เหมือนกัน” “ก็ถ้ามันซ่อนอยู่แล้วแม่รู้ได้ยังไงล่ะ” ฉันตอบกลับอย่างกวนอารมณ์แต่แม่กลับนิ่งและพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงจริงจังออกมาแทน “คบได้นะแม่ไม่ว่า เพื่อนน่ะมันมีหลากหลายไม่มีใครดีหรือไม่ดีหรอก แต่ละคนมันเติบโตมาไม่เหมือนกัน ความอบอุ่น ความรัก แม้กระทั่งบรรยากาศรอบตัวยังต่างกันเลย ไม่แปลกหรอกที่บางคนจะดื้อ บางคนจะต่อต้านก็ในเมื่อเขาถูกโอบล้อมมาแบบนั้นจะให้เขามองโลกในแง่เดียวกันกับเรามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดูเอ็งสิ เอ็งยังไม่เข้าใจมุมมองของเขาเลย” “...” คำพูดยาว ๆ ของแม่ทำให้ฉันคิดอะไรได้เยอะเลยค่ะ แล้วก็รู้สึกผิดด้วยที่ถามเก้าออกไปแบบนั้น การที่เขาเงียบและไม่ตอบนั่นก็หมายความว่าเขาไม่พร้อมที่จะให้คำตอบกับฉันนั่นแหละ กลับเข้าห้องรีบอาบน้ำทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เหลือบมองนาฬิกาอีกทีคือห้าทุ่มแล้วค่ะ สองจิตสองใจว่าจะโทรไปหาเก้าดีไหม ใจหนึ่งก็คิดว่าดึกแล้วอาจจะนอนไปแล้วก็ได้ ส่วนอีกใจหนึ่งก็อึดอัดค่ะ มันค้างคากลัวว่าตัวเองจะเผลอพูดอะไรที่มันทำร้ายคนอื่นออกไปโดยไม่ตั้งใจ ย้ำคิดอยู่แบบนั้นจนในที่สุดก็ตัดสินใจกดโทรออกไป รอนานจนสายเกือบจะตัดไปเลยค่ะกว่าจะมีคนรับ (ไม่คิดว่าเธอจะอยากรู้คำตอบขนาดนี้) “เดี๋ยวนะ ไม่ถามหน่อยเหรอว่านี่เบอร์ใคร” (ก็มีอยู่คนเดียวแหละที่เราให้เบอร์ส่วนตัว) “แปลว่าใช้หลายเบอร์ล่ะสิ” (อืม แต่นั่นมันไว้ใช้ทำธุระ) “รู้สึกผิดนะเนี่ย” (รู้สึกผิดอะไร) “ก็ที่ถามนั่นแหละ เห็นนายเงียบไป” (ไม่มีอะไรหรอกก็แค่อยากให้เธอโทรหาเท่านั้นเอง) “กวนเหรอ” (เปล่าเลย) “คิดว่านะ...” มีเสียงคล้ายคนทะเลาะกันดังแทรกเข้ามาด้วยค่ะ ทำให้คำพูดของฉนหยุดชะงักไป “นะ นายอยู่ไหนเหรอทำไมเสียงดังจัง” ปลายสายเงียบไปหลายนาทีมีเพียงเสียงดังก๊อกแก๊กที่ดังอยู่ (ฮัลโหลได้ยินไหม) “ได้ยินแล้ว” (โทษทีเสียงดังไปหน่อย) “อยู่บ้านแล้วใช่ไหม” (ใช่ รอเธอจนจะหลับอยู่แล้วเนี่ย) “อย่ามาพูดเลยเสียงใสขนาดนี้” (ง่ะ! ดักทางเก่งเกินไปแล้วมั้ง) ระหว่างที่เราคุยกันเสียงที่ดังรบกวนก็ยังคงได้ยินเป็นระยะ ๆ ค่ะ แต่จับใจความเป็นคำพูดไม่ได้เลย “เที่ยงคืนแล้วอะ” (ง่วงก็นอน) “นายก็ควรนอนเหมือนกันนะ” (อืม) “อืมอะไร?” (จะรีบนอนและรีบตื่นไปรอเธอที่โรงเรียนแต่เช้าเลย) “จะรอดู” (ท้าผิดคนนะ) “ฮ่า ๆ” คุยกันต่ออีกนิดหน่อยก็วางสายค่ะ จะว่าไปแล้วถ้าตัดเรื่องชกต่อยออกไปเก้าก็เป็นคนอารมณ์ดีคนหนึ่งนั่นแหละ แต่ก็อย่างที่แม่ฉันบอกว่าบางมุมเขาก็เหมือนจะปิดกั้นไม่อยากให้ใครเข้าถึงเหมือนกัน เช้าวันใหม่ เป็นการเริ่มต้นที่ใช้คำว่าซวยตั้งแต่หัววันก็ได้มั้ง แม่ก็ไม่อยู่ พี่ก็ไปทำงานแล้ว แถมรถคู่ใจก็ดันมายางรั่วอีกแล้วแบบนี้จะได้ไปโรงเรียนตอนไหน ครืด... ครืด... เหมือนสวรรค์เมตตาค่ะเพราะปลายสายเป็นเบอร์ที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่พอดีเลย (เธอช้าไปสิบห้านาทีแล้วนะ) “ยังไม่ได้ออกจากบ้านเลยรถยางรั่วและก็ไม่มีใครไปส่งด้วย” (รอนั่นแหละเดี๋ยวไปรับ) แล้วก็วางสายไปเลยค่ะ เหลือบมองนาฬิกาหกโมงครึ่งแล้ว ราวสิบห้านาทีเก้าก็มาถึงค่ะ “แม่ล่ะ” “ไปขายของตั้งแต่ตีห้าแล้ว” “อืม ไปกันเถอะเดี๋ยวตอนเย็นเรามาทำรถให้” “ทำเป็นเหรอ?” “อย่าดูถูกความสามารถกันสิ” “เปล่าสักหน่อยแค่ถามเอง” เก้าส่งฉันก่อนถึงทางเข้าประตูหน้าโรงเรียนค่ะส่วนตัวเขาวนไปเข้าทางประตูหลังแทน “ทำไมวันนี้มาช้าอะตื่นสายเหรอ” ปูนาเอ่ยถามเมื่อเห็นหน้าฉันเพราะปกติฉันจะมาคนแรกของกลุ่มไง “ตื่นสายอะไรล่ะรถยางรั่วน่ะสิ” “แล้วมายังไง” “พี่มาส่งอะ” “อ่อ... เอาแบบทดสอบมาลอกหน่อยสิ” “จำได้ว่าเรากำลังคุยกันเรื่องอื่นไม่ใช่เหรอ” “ฮ่า ๆ นะ... เพียงจันทร์จ๋าขอลอกหน่อย” “ตอนสอบเธอจะรอดไหมเนี่ย” “ไม่รอดก็แก้ไงจะคิดมากทำไม” “เอาที่แกสบายใจเถอะ” ถึงกับส่ายหน้าให้ค่ะ ระหว่างที่รอปูนาลอกอยู่โบกับแซ็กก็มาค่ะ และแน่นอนว่าลอกเหมือนกัน “ถ้าเราทำผิดทั้งหมดนี่เป็นเรื่องเลยนะ” “สวยถ้ามึงทำผิดพวกกูก็ไม่มีสมองแล้วล่ะ” แซ็กว่ายิ้ม ๆ “อย่าเชื่อใจเราขนาดนั้น บางข้อเราก็มั่วเหมือนกัน” “ไม่เป็นไร เราจะถูกตัดคะแนนเป็นเพื่อนเอง” “ก็แน่สิ! ลอกกันยกแผงขนาดนั้น” ... : ฮ่า ๆ “ไอ้เก้า!” โบตะโกนเรียกพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ใครคนหนึ่ง คงไม่ต้องเดาหรอกค่ะว่าเป็นใคร มันก็มีแค่เก้าเดียวเท่านั้นแหละ “เรียกมันทำไมวะ” ปูนาเอ่ยด้วยความสงสัย “มีเรื่องสงสัยอยากได้คำตอบ” พอเก้ามาถึงก็นั่งลงตรงที่ว่างข้างฉัน “ว่าไง” “เมื่อเช้ามึงไปรับใครอะ” “...” ถึงกับนั่งตัวเกร็งเมื่อได้ยินคำถามของโบ “กู?” “เออ! มึงนั่นแหละกูเห็นนะผ่านหน้าบ้านกูไปแต่ไม่รู้ว่าผู้โชคดีคนนั้นเป็นใคร” โบว่ายิ้ม ๆ แถมยังมองด้วยสายตาจ้องจับผิดอีกด้วย “ก็ถ้ามึงเห็นขนาดนั้นแล้วจะเรียกมันมาถามทำไมวะ” แซ็กเสริมขึ้นมาบ้าง “คงจะเห็นหรอก ใส่แจ็คเก็ตไม่พอไอ้เก้ายังถอดหมวกกันน็อคให้ใส่อีก แล้วแบบนี้จะไม่ให้กูอยากรู้ได้ยังไงนี่ไอ้เก้าเลยนะโว้ย นอกจากคู่อริแล้วคนอย่างมันเคยสนใจใครที่ไหน” “ขี้เสือกนะมึงอะ” “ฮั่นแน่! มึงมีจริง ๆ ด้วย” “...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD