หนึ่งเดือนผ่านไป...
เวลายังคงเดินไวเสมอจนตอนนี้ใกล้เปิดเทอมแล้วค่ะ
“แป๊บเดียวจะเปิดเทอมแล้วอะ”
“แป๊บอะไรเกือบสองเดือนเชียวนะ”
“เหมือนผ่านไปไม่กี่วันด้วยซ้ำ”
“...” ฉันเงียบและมองใครอีกคนที่กำลังงอแงเหมือนเด็กไม่ชอบไปโรงเรียนและอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “นายไม่อยากเรียนเหรอ”
“ก็อยาก... แต่อยู่โรงเรียนไม่ได้สนิทกับเธอเหมือนอยู่บ้านไง”
“ความจริงก็สนิทได้นะนายนั่นแหละทำให้มันยุ่งยากไปเอง”
“เพื่อเธอทั้งนั้นแหละ”
“ว่าไงนะ”
“เปล่าไม่มีอะไร”
ในทุก ๆ วันมันก็เหมือนเดิมค่ะ แต่เก้าไม่ได้มาบ้านฉันทุกวันหรอกนะแต่ถามว่าบ่อยไหม? แน่นอนว่าบ่อย!
เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันเปิดเทอม จะว่าไปก็แอบขี้เกียจเหมือนกันนะคะ ฮ่า ๆ
“จ๊ะเอ๋!”
“เพียงจันทร์! ตกใจหมดเลย” ปูนาเอ่ยพลางยกมือทาบอกตัวเองเมื่อถูกฉันแกล้งโดยไม่ทันตั้งตัว
“ฮ่า ๆ” นอกจากจะไม่สำนึกแล้วฉันยังหัวเราะเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณอีกด้วย “สวยขึ้นนะเนี่ย”
“แกนั่นแหละสวยขึ้นไปทำอะไรมาโคตรขาวเลย”
“นี่นะขาว?” เก้าพาตะลอนตากแดดตั้งหลายวันค่ะนึกแล้วก็หมั่นไส้เพราะทุกครั้งมักถูกหลอกพาไปตลอดเลย “ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านมั้ง”
“จริงเหรอจ๊ะ? จริงหรือเปล่า” น้ำเสียงล้อเลียนเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าฉัน “มองไกล ๆ กูนึกว่าเด็กใหม่ที่ไหนได้น้องสวยคนเดิมนี่เอง”
“เปิดเทอมวันแรกก็กวนอารมณ์เลยนะ” ฉันว่าพลางมองหน้าเอ็กซ์นิ่ง ๆ
“ไม่ได้กวนเลยนะแค่ถามเฉย ๆ เอง” ยังค่ะ ยังมีหน้ามายิ้มอีก “ไอ้เก้ายังไม่มาอีกเหรอ”
“มึงถามใคร?” ปูนาที่นั่งฟังอยู่เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง “ตรงนี้ไม่มีไอ้เก้านะ”
“รู้... แต่เผื่อมีคนตอบได้ไง”
“...”
รู้สึกวูบวาบแปลก ๆ แฮะทั้งที่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แถมยังถูกคนตรงหน้าจับผิดอยู่ตลอดอีกด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าเอ็กซ์รู้อะไรมาถึงได้มีท่าทีกวนอารมณ์กับฉันแบบนี้
“โน่นไง มึงพูดถึงมันก็มาพอดี”
มองตามที่ปูนาบอกก็เห็นเก้ากำลังเดินมาทางนี้พร้อมกับโบและโอมค่ะ แน่นอนว่าเขาตรงมายังที่ฉันนั่งอยู่นี่แหละแถมยังทำสีหน้าเรียบเฉยให้เห็นอีกด้วย นึกแล้วก็ขำอยู่โรงเรียนสนิทกันมากไม่ได้ต้องรักษาระยะห่างด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา
“ทำหน้าเหมือนเบื่อโลกไปได้” เอ็กซ์เอ่ยทักทายขึ้น
“เออ แล้วก็เบื่อมึงด้วย”
“ใช่สิ! กูมันไม่ใช่คนนั้นนี่”
“คนไหน?”
“คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” เอ็กซ์ตอบอย่างไม่จริงจังมากนักแต่กลับมองมาทางฉันแล้วยิ้มออกมา “มึงรู้ไหมสวย”
“อะไร?”
“เปล๊า!” ยังค่ะ ยังไม่หยุดอีก
“พูดเหี้ยอะไรกำกวมฉิบหายไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ปูนาโวยวายขึ้นมาบ้าง ว่าแต่ทำไมฉันถึงเข้าใจสิ่งที่เอ็กซ์กำลังทำอยู่นะ
“มึงไม่ต้องเข้าใจหรอก” เอ็กซ์ว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องคุยกันไปแทน
ตลอดทั้งวันก็เหมือนเดิมค่ะ บรรยากาศเดิม ๆ สถานที่เดิม ๆ แต่ต่างออกไปนิดหน่อยตรงที่ตอนนี้เป็นพี่มอสามแล้ว
เลิกเรียนฉันก็ออกประตูหลังอย่างเช่นเคย และคนที่มาดักรอก็ยังเป็นเก้าอีกนั่นแหละ
“...”
“เรากลับเองก็ได้นะ”
“ก็อยากไปส่งมีอะไรไหม?”
“มี! คนอื่นเห็นเขาอาจจะมองว่าเรา...”
“เราทำไม? ก็ช่างคนอื่นสิพอดีอยากลองรักเพื่อนอยู่เหมือนกัน”
“พูดอะไรน่ะ”
“ไม่รู้ดิ” เขาว่ายิ้ม ๆ แล้วใส่หมวกกันน็อคให้ฉัน “ไปบ้านไหนเนี่ย”
“แม่สิ บ้านพี่สาวไม่ต้องไปแล้วเพราะแม่แฟนเขามาอยู่ด้วยแล้วไง”
“อ๋อ”
กลับถึงบ้านเก้าก็กลับไปค่ะไม่ได้แวะเข้ามานั่งเล่นอย่างเช่นทุกครั้ง บอกแค่ว่าเดี๋ยวโทรหาเท่านั้นเอง
เวลาล่วงเลยมาจนถึงสี่ทุ่มคนที่บอกจะโทรหาก็หายเงียบไปเลยค่ะ และตอนนี้ก็เลยเวลานอนของฉันมามากแล้วด้วย
ครืด... ครืด...
“หายไปไหนมา”
(เดี๋ยวนี้รู้จักตามหานะ)
“เท่าที่จำได้เราว่าเราถามตลอดนะ”
(ครับ)
“ไม่ต้องมาคะ...ทำไมเสียงเงียบจัง นายอยู่ไหนเหรอ” ปกติบรรยากาศรอบตัวเขาจะมีเสียงดังหรือเสียงพูดคุยกันตลอดค่ะ
(เงียบสิก็เราอยู่บ้านแล้ว)
“หืม...”
(ไม่ได้ทำอะไรผิดมาเลยแค่ไม่รู้จะไปไหนเลยเข้าบ้านเท่านั้นเอง)
“ร้อนตัว”
(เปล่าสักหน่อยเขาเรียกว่าอธิบายให้เข้าใจเฉย ๆ เธอยิ่งช่างสังเกตเก่งอยู่)
“จะบอกว่าขี้เสือกก็พูดมาเถอะ”
(ไม่ใช่แบบนั้น)
“แล้วหายไปไหนมายังไม่ตอบเลยนะ”
(บ้านไอ้เอ็กซ์)
นี่คือประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินค่ะ...
สะดุ้งตื่นมาอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกตีห้านั่นแหละ คว้ามือถือมาดูปรากฏว่าสายมันค้างอยู่สามชั่วโมงกว่าก่อนจะตัดไป นี่ฉันหลับใส่คนในสายเหรอเนี่ย
จัดการทำธุระส่วนตัวและเตรียมตัวไปโรงเรียนอย่างเช่นทุกวัน มาถึงปูนาก็รออยู่ก่อนแล้วค่ะ
“วันนี้มาเร็วเกินไปหรือเปล่า” ฉันเอ่ยทักทายเมื่อเห็นว่าปูนามาผิดเวลา ปกติจะสายกว่านี้ค่ะ
“พ่อมาส่งน่ะเลยถึงโรงเรียนเร็วเพราะไม่ได้อยู่รอรถรับส่ง”
“อ่อ”
“เพียงจันทร์”
“หืม?” น้ำเสียงจริงจังของคนตรงหน้าทำเอาฉันแปลกใจไม่น้อยเลย
“ฉันถามจริง ๆ แกไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้หมอนั่นได้ยังไง” คำถามตรง ๆ ของปูนาทำเอาฉันชะงักไป ทั้งที่ไม่มีอะไรผิดแต่ทำไมถึงประหม่าทุกครั้งเลยนะที่คนอื่นเอ่ยถึงเรื่องนี้
“อะไรเหรอปูนา”
“อย่ามาทำเป็นไม่เข้าใจไปหน่อยเลย ฉันเห็นนะเมื่อวานตอนเย็น”
“...”
“ไม่ได้จะว่าอะไรก็แค่สงสัยว่าแกคบคนแบบนั้นไปได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่าประวัติโชกโชนขนาดไหน ทั้งเกเรทั้งหยาบคายไหนจะมีเรื่องชกต่อยรายวันอีก ให้ตายเหอะ!! ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรดีเลยในสายตาฉัน” ปูนาร่ายประโยคยาว ๆ ใส่ฉันแถมยังมองแบบขัดใจอีกด้วย
“ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่แกไม่เห็นต้องโวยวายขนาดนี้เลย”
“คนไม่ได้เป็นอะไรกันเขากลับบ้านด้วยกันทุกวันเลยงั้นสิ?”
“...” คราวนี้เป็นฉันเองที่เงียบไป เพราะที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
“เพียงจันทร์เพื่อนรัก เธออย่าเอาแต่เงียบใส่ฉันได้ไหมช่วยพูดหรืออธิบายอะไรให้ฉันเข้าใจหน่อย”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เป็น! แต่ถ้าจะเกินเพื่อนวันไหนเราขอแสกนพฤติกรรมอีกครั้งแล้วกันว่าผ่านไหม”
ทั้งหมดที่เพื่อนฉันกล่าวมาเขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ ฉันเองก็เห็นและรับรู้มาโดยตลอดแต่มีอย่างหนึ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็น...
“เกินเพื่อนอะไรล่ะ”
“เพื่อนรักกับรักเพื่อนมันไม่เหมือนกันนะ และระยะเวลามันก็ไม่ใช่แค่เมื่อวานที่เราเห็นหรอก เราก็แค่ไม่พูดเท่านั้นเองเพราะเห็นว่าเธอก็ใช้ชีวิตปกติสุขดีและหมอนั่นก็ไม่ได้ทำอะไรให้เธอปวดหัว แต่เอาเถอะเราจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหมือนเดิมแล้วกัน”
“...”