Episode-๑๐ เราและนาย

1360 Words
“ใครอะ?” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันเดินตามเก้าเข้ามาด้วย “เพื่อน” “ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามึงมีเพื่อนน่ารักจิ้มลิ้มแบบนี้ด้วย” “ห้ามยุ่ง!” “กูว่าแล้วไง ไอ้ควายและบอกเพื่อนกัน” “ก็เพื่อน... แต่ไม่ให้ยุ่ง” “ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณแถมตอนนี้ฉันยังตกเป็นเป้าสายตาอีกด้วย “ไม่แนะนำหน่อยเหรอวะ” ใครอีกคนพูดขึ้นมาบ้าง ดูท่าทางแล้วเขาน่าจะโตกว่าพวกเรานะคะ “เพื่อนผมจริง ๆ” “กูรู้แล้วแต่ใจคอแม้แต่ชื่อมึงก็ไม่ให้พวกกูรู้เลยเหรอ” “ไม่บอกหรอกผมมาแป๊บเดียวเดี๋ยวจะไปแล้ว” “ฮั่นแน่...” ไม่บอกจริง ๆ ค่ะแล้วก็ไม่แนะนำให้ฉันรู้จักใครด้วยเช่นกัน มองผ่าน ๆ ตาอยู่รวมกันประมาณสิบคนได้ บางคนก็เล่นเกมส์ สูบบุหรี่และคุยกันไปตามประสา “รอตรงนี้นะ” เก้าหันมาบอกฉันและทำทีจะเดินเข้าไปในตัวบ้านแต่ฉันกลับรั้งไว้ด้วยการดึงชายเสื้อเขา จะบอกว่ากลัวก็ไม่เชิงหรอกค่ะแต่ฉันไม่รู้จักใครไงมันเลยทำตัวไม่ถูก “งั้นก็ตามมา” เก้าพาฉันมายังห้องห้องหนึ่ง เปิดประตูเข้าไปถึงกับสตั้นค่ะเพราะในนั้นมันยังมีคนนอนอยู่ แต่ว่าฉันไม่ได้เข้าไปหรอกนะแค่ยืนรอตรงประตูหน้าห้องเท่านั้นเอง “จะใช้ห้องเหรอ” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยพร้อมกับมองมาทางฉัน “เปล่า จะมาเอาเสื้อผ้าเฉย ๆ” เก้าตอบก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่มีทั้งชุดนักเรียนและชุดอยู่บ้านใส่กระเป๋า “คืนนี้กูไม่ได้มา ไม่ต้องรอนะ” “เออ แล้วนั่นน่ะ?” พลางพยักเพยิดหน้ามาทางฉัน “เพื่อน” “เพื่อน?” “ไปละ เชิญตามสบาย” “เปลี่ยนเรื่องเฉยเลยนะ” จากนั้นก็พาฉันออกมาด้านนอกทันทีค่ะ ไม่กล่าวไม่ลากับใครสักคำ “รีบไปไหนวะ” “ไปแล้วพี่มีธุระต่อครับ” “เออ อย่าหักโหมมากนะโว้ย” “พูดไปเรื่อยเลย” ประโยคนี้มีฉันคนเดียวค่ะที่ได้ยิน “เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ” “นี่บ้านนายเหรอ?” ฉันเอ่ยถามไปตามความคิด “ไม่ใช่หรอก แต่จะเรียกว่าบ้านหลังที่สองก็คงได้แหละมั้ง” “...” อยากถามมากกว่านี้ด้วยซ้ำแต่พอเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของเขาแล้วเปลี่ยนใจไม่ถามดีกว่าค่ะ ถ้าเขาพอใจที่จะบอกเดี๋ยวก็คงบอกเองนั่นแหละ ออกจากบ้านหลังนั้นเก้าก็พาฉันลัดเลาะไปเรื่อยจนถึงถนนเส้นที่มันค่อนข้างคุ้นตาเป็นพิเศษ “จะพาเราไปส่งบ้านหรือไง” “เปล่าสักหน่อย” ได้ยินแบบนั้นฉันจึงไม่พูดอะไรออกมาอีก พอถึงทางแยกทิศทางของรถมันก็เปลี่ยนค่ะ ถ้าเลี้ยวขวาจะเข้าเลียบคลองหลังบ้านฉัน แต่นี่เขาเลี้ยวซ้ายไง ฉันสังเกตตลอดเส้นทางคือมันเปลี่ยวมากค่ะ ยิ่งไกลออกมาเท่าไหร่มันก็เปลี่ยวมากขึ้นเท่านั้นจนอดคิดในใจไม่ได้เลยว่าถ้าซวยน้ำหมดหรือยางรั่วแถวนี้จะเป็นยังไงนะ “นายมาทางนี้บ่อยเหรอ” “ก็บ่อยนะ” “โห... ถ้ากลางคืนคงน่ากลัวมากเลย” “ก็แค่มืดไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก ใจคนต่างหากที่น่ากลัว” “พูดอะไรน่ะไม่เห็นจะเข้าใจเลย” “ฮ่า ๆ” ราวครึ่งชั่วโมงก็จอดที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านชั้นเดียวค่ะหลังไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่บรรยากาศโดยรอบมันเงียบเหงาแปลก ๆ ไม่รู้สิ! ฉันสัมผัสได้แบบนั้น “บ้านเราเอง ตามสบายนะแต่อาจจะรกไปหน่อย” เก้าเอ่ยก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปด้านใน “นายอยู่กับใครเหรอ” ฉันเอ่ยถามขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองสำรวจไปรอบบริเวณ มีรูปถ่ายแขวนตามผนังด้วยนะคะ “พ่อกับแม่น่ะ แต่ส่วนมากจะอยู่คนเดียว” “...” “แล้วเธอล่ะทั้งบ้านอยู่กับใครบ้าง” “เรากับแม่และก็พี่สาวคนโต ส่วนพี่สาวคนรองเขาแยกไปอยู่ต่างหากกับครอบครัวที่หมู่บ้านเปิดใหม่นั่นไง” “อ๋อ... เราก็เข้าใจว่ามีบ้านสองหลังซะอีก” “ไม่หรอก ถ้าอาทิตย์ไหนเขาทำโอทีเราก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนหลานก่อน” “แล้วพ่อล่ะ” “พ่อเราเสียไปเก้าปีแล้ว” “แต่เธอก็ดูมีความสุขดีนะ เหมือนไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปด้วยซ้ำ” “เพราะแม่เป็นทุกอย่างแทนพ่อหมดแล้วไง แถมตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็ไม่สนใจคนอื่นเลยนะ แม่บอกว่าพ่อเรามีรักที่มั่นคงมาก แม่ก็เลยตั้งใจจะมีแค่พ่อคนเดียวแม้ว่าตอนนี้พ่อจะมีตัวตนแค่ในความทรงจำของเขาก็ตาม” “โรแมนติกจัง” “ใช่... ถ้าเลือกได้นะเราก็อยากเจอใครสักคนที่มั่นคงเหมือนพ่อเรานั่นแหละ” “ไม่ต้องถ้าหรอกเพราะเธอเลือกได้อยู่แล้ว” “ฮ่า ๆ ว่าแต่นายเถอะมีอะไรอยากเล่าให้ฟังไหม” “ทำไมถามแบบนี้ล่ะ” “ไม่รู้สิ บางครั้งนายดูเศร้าจังแต่ก็ปกปิดมันด้วยการเงียบแทน” เก้าเงียบไปก่อนจะนั่งลงข้างฉันแล้วพูดออกมา “เรามีพ่อแม่นะ มันควรเป็นครอบครัวที่ดีด้วยซ้ำแต่มันก็ทำได้แค่คิด” “...” “คนหนึ่งติดการพนัน ส่วนอีกคนวัน ๆ ไม่ทำอะไร เคยได้ยินไหมคำว่าพ่อแม่รังแกฉันน่ะ” “เคย...” “นั่นแหละ เรากำลังเป็นแบบนั้นอยู่” “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกนะ” “มีสิ! มันมีอยู่ทั่วไปนั่นแหละ ประโยคที่เธอพูดมันก็แค่นิยามปลอบใจเท่านั้นเอง” “ขอโทษนะที่ถามเราแค่...” “ไม่ได้จะว่าอะไรเธอนะ เราแค่อยากบอกให้รู้ว่าความโชคดีมันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนเท่านั้นเอง” “...” “แต่เราคงโชคดีอย่างหนึ่ง อยากรู้ไหมอะไร?” “หืม?” “โชคดีที่ได้รู้จักเธอไง” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ฉันไม่รู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มนี้มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังเผชิญอยู่กับอะไร “ตอนนี้เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะ” “ได้เหรอ? เรารู้จักกันไม่นานเองนะ” “ได้สิ ก็บอกแล้วไงสบายใจตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น อยู่กับเธอแล้วเรารู้สึกไม่ต้องคอยแบกอะไร เธอไม่เซ้าซี้และยังเข้าใจเราในหลาย ๆ เรื่องอีกด้วย เธอคนแรกเลยนะที่ปลดล็อคความรู้สึกของเราได้สำเร็จ” “เราไม่รู้หรอกว่านายเจออะไรมาบ้างถึงทำให้ต่อต้านและหัวดื้อแบบนี้ แต่เราเชื่อว่าทุกอย่างมันมีเหตุมีผล เรื่องไหนไม่สบายใจนายพูดออกมาได้เลยถึงช่วยอะไรไม่ได้แต่เรารับฟังได้นะ” “เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง ขอบใจนะ” ต่างคนต่างยิ้มให้กัน ฉันมั่นใจว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจบางคำพูดของเขาก็เถอะ ระหว่างวันเราก็ดูหนังฟังเพลงกันไปเรื่อยค่ะ และการที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองมันก็ทำให้รู้ว่าเก้าเองก็มีมุมอ่อนโยนเหมือนกัน ไม่ได้หน้านิ่งชอบหาเรื่องเหมือนที่คนอื่นเห็น “ปกติโดดเรียนนายไปอยู่ที่ไหนเหรอ” “ที่นั่นแหละ” “ค้างด้วยเหรอ” “ใช่ ก็บ้านมันไม่ได้เหมือนบ้านใครที่ไหนจะอยากอยู่” “ละ แล้วทำไมถึงพาเรามาล่ะ” “เธอไม่เหมาะกับสถานที่แบบนั้นหรอก อย่างเธอต้องเงียบ ๆ น่ะถูกแล้ว” “...” “เรารู้ว่าเธอกลัวแต่ก็ใจเด็ดนะที่กล้าโดดเรียนมากับเรา” “ไม่เลย ก็แค่อยากรู้ว่าหนึ่งวันของนายมันเป็นยังไงเท่านั้นเอง” “อยากมีส่วนร่วมในชีวิตว่างั้น?” “ฟังดูแปลก ๆ เหมือนกันนะหลอกด่ากันไหมเนี่ย” “ฮ่า ๆ ไม่เลยเธอคิดไปเอง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD