บทที่ 1 แรกพบ

1864 Words
บทที่ 1 แรกพบ “ผักเจ้าค่ะ ผักสดๆ จากสวนเจ้าค่ะ” “ไข่ไก่เจ้าค่ะ ไข่ไก่ราคาถูกๆ” เสียงหวานใสดังก้องเข้ามาทำให้นิ้วยาวที่กำลังดีดลูกคิดคำนวณผลกำไรรายสัปดาห์ชะงักค้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น สายตาคมบ่งบอกถึงความไม่พอใจ “ปิดหน้าต่าง” เสียงเข้มที่เอ่ยบอกนั้นบ่งบอกภาวะอารมณ์ที่ขุ่นเคืองของผู้พูดเป็นอย่างดี ห้าวอี้บ่าวชายที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้างกายคุณชายใหญ่สกุลหลิวพลันเร่งขยับตัวไปปิดหน้าต่างในทันที คุณชายใหญ่ของพวกเขาเวลาโมโหนั้นน่ากลัวเพียงใดผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เขาที่รับใช้ข้างกายอีกฝ่ายมามากกว่าสิบปีนั้นรู้ดี “สิบอีแปะเจ้าค่ะ” “ห้าอีแปะเจ้าค่ะ” “สามอีแปะเจ้าค่ะ” “เก้าอีแปะเจ้าค่ะ” เสียงหวานใสยังคงดังลั่นเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ หลิวเฉินคังหลับตา ขมวดคิ้ว และขบกรามแน่น เป็นอีกคราที่เขาคำนวณบัญชีผิดพลาดและต้องเริ่มต้นคำนวณใหม่อีกครั้ง แต่คำนวณได้ไม่นานเสียงหวานก็ดังเข้ามาอีก “สามอีแปะเจ้าค่ะ” “สิบอีแปะเจ้าค่ะ” ยามที่หูได้ยินนิ้วยาวก็พลั้งเผลอขยับดีดลูกคิดตามจำนวนเงินที่เสียงหวานด้านนอกเอ่ยบอก หลิวเฉินคังขบกรามแน่นอีกครั้ง ปึง! เสียงมือตบลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีดังลั่น ห้าวอี้พลันตกใจจนไหล่สะท้านใบหน้าเข้มซีดเซียวนี่เขาทำอะไรให้คุณชายใหญ่ไม่พอใจอีกแล้วใช่หรือไม่ เพียงแต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถามร่างสูงกำยำตรงหน้าก็ขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องหนังสือ “ทั้งหมดห้าอีแปะเจ้าค่ะ” สองเท้าของหลิวเฉินคังหยุดลงที่หน้าร้านข้าวสารสกุลหลิว ดวงตาคมมองไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีร่างเล็กผู้เป็นเจ้าของเสียงที่ดังรบกวนเขามาตลอดเช้ากำลังเอ่ยเรียกลูกค้าและคิดเงินด้วยท่าทางสดใสชวนสะกดสายตา แต่มิใช่กับเขาหลิวเฉินคังผู้นี้ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบเยือกเย็น “ห้าวอี้! ไปเหมาผักและไข่ของนางให้หมด ข้าไม่ต้องการได้ยินเสียงโวยวายของนางอีก” ห้าวอี้ได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนายก็ไม่เอ่ยถามให้มากความหยิบถุงเงินที่เอวของตนพุ่งตรงไปหาแม่ค้าร่างเล็กในทันที หลิวเฉินคังมองเด็กสาววัยไม่น่าจะเกินสิบเจ็ดปียิ้มกว้างรับเงินจากคนของเขาแล้วถอนหายใจยาว เห็นทีพรุ่งนี้เขาต้องให้คนของตนไปซื้อที่ดินฝั่งตรงข้ามร้านของเขาเสียแล้ว เพียงแต่ยามที่ห้าวอี้เดินกลับมา เด็กเล็กๆ ร่วมสิบคนต่างก็วิ่งกรูกันไปที่แผงขายผักขายไข่ของนาง อีกทั้งยังเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบอย่างผิดวิสัย “เด็กพวกนั้นเข้าแถวทำอะไรกัน” หลิวเฉินคังเอ่ยถามด้วยความสงสัย ห้าวอี้ที่กำลังหอบผักกลับมาจึงหยุดเท้าหมุนกายไปมองด้วยความสงสัยเช่นกัน ก่อนจะส่งผักในมือให้บ่าวในร้านแล้วเดินกลับไปที่แผงขายผักขายไข่ของหญิงสาวเมื่อครู่อีกครั้ง มือเล็กหันไปหยิบตะกร้าใบหนึ่งก่อนจะเปิดผ้าออกแล้วหยิบเซาปิ้งไส้ผักออกมา ใบหน้างามมีรอยยิ้มสดใสมองเด็กๆ ที่ทำตามข้อตกลงของนางด้วยความชื่นชม เข้าแถวตามลำดับความสูง วันนี้ผู้ต่ำสุดอยู่หน้าวันพรุ่งนี้ผู้สูงสุดอยู่หน้า และหากข้ารู้ว่ามีใครรังแกแย่งชิงขนมของผู้อื่นข้าจะไม่ทำมาแจกอีก หลิวเฉินคังฟังคำรายงานของคนสนิทแล้วเหยียดรอยยิ้มมองอีกฝ่ายด้วยความเย้ยหยัน ประเมินด้วยสายตาจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของนางแล้ว นางก็คงมิได้มีฐานะร่ำรวยแต่กลับทำขนมมาแจกจ่ายผู้อื่นราวตนเองเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ ช่างมิรู้จักประมาณตน “ให้คนของเราติดต่อซื้อที่ดินฝั่งตรงข้าม และข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาใช้พื้นที่” กล่าวจบหลิวเฉินคังก็หมุนกายเดินกลับเข้าไปภายในร้าน โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาชายตามองผู้ใดอีก ลู่ฟางเหนียง มองพื้นที่ที่บิดานางเคยใช้ตั้งแผงขายผักขายไข่มาร่วมสิบปีแล้วขมวดคิ้วเล็ก เหตุใดวันนี้ที่ว่างตรงนี้จึงมีข้าวของมาวางเอาไว้ราวกับมิต้องการให้นางใช้สอยกัน “อ่า... ฟางเหนียงเจ้ามาพอดีเลย” “ท่านป้าต้า” ลู่ฟางเหนียงย่อตัวทักทายต้าเทียนมีผู้เป็นเจ้าของที่ดินตรงหน้าด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน ทุกกิริยาไร้กลิ่นอายความโกรธเคือง อีกทั้งบนใบหน้ากลมยังมีรอยยิ้มบางๆ ชวนให้ผู้มองรู้สึกผ่อนคลาย “ฟางเหนียงข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย แต่ต่อไปคงให้เจ้ามาขายผักขายไข่ตรงนี้ไม่ได้เสียแล้ว” ลู่ฟางเหนียงได้ยินคำของอีกฝ่ายก็มีแววตาสงสัย หากแต่มิได้เอ่ยตำหนิอะไรออกมา ที่ดินเป็นของผู้อื่นนางจะมาโมโหเพราะเขามิต้องการให้นางใช้สอยได้อย่างไร “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ที่ผ่านมาต้องขอบพระคุณท่านป้ามากที่ช่วยเหลือข้าและท่านพ่อเจ้าค่ะ ภายหน้าหากมีโอกาสฟางเหนียงย่อมต้องตอบแทน วันนี้ข้ามิรบกวนท่านป้าต้าแล้วเจ้าค่ะ” “อั่ยยะ! ฟางเหนียงมิใช่ข้าจะใจร้ายต่อเจ้า เพียงแต่ที่ดินนี้ข้าขายให้ผู้อื่นไปแล้วจึงไม่อาจแบ่งให้เจ้าใช้ขายผักได้อีก” “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านป้าต้ามากเจ้าค่ะ” ลู่ฟางเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มตลอดการสนทนา นางไม่เพียงไม่มีถ้อยคำเอ่ยตำหนิแม้แต่สีหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา หลิวเฉินคังที่เดินออกมาหน้าร้านพอดีมองดูหญิงขายผักที่กำลังเอ่ยสนทนากับอดีตเจ้าของที่ดินฝั่งตรงข้ามแล้วขมวดคิ้วเข้ม เหตุในนางจึงไม่โกรธที่โดนไล่ที่ ไม่มีแม้แต่สายตาขุ่นเคือง เป็นไปได้อย่างไร “ห้าวอี้! ไปเหมาผักและไข่ของนางให้หมด” ห้าวอี้ที่ได้ยินประโยคเดิมเฉกเช่นเมื่อวานก็ขมวดคิ้วสงสัย คุณชายชอบกินผักกินไข่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หากแต่คำสั่งของคุณชายใหญ่แม้แต่คุณชายรองและคุณชายสามยังไม่เคยโต้แย้ง แล้วเขาที่เป็นบ่าวจะเอาความกล้าที่ใดมาสงสัย ไม่รอให้หลิวเฉินคังเอ่ยซ้ำห้าวอี้ก็ล้วงเงินออกจากถุงเงินเหมาผักและไข่มาอีกหอบใหญ่ หากแต่เพราะผักและไข่ที่เขาซื้อมามีจำนวนมากลู่ฟางเหนียงจึงอาสาช่วยเหลือเอามาส่งถึงหน้าร้าน “ขอบพระคุณคุณชายที่ช่วยซื้อผักของข้าเจ้าค่ะ” ลู่ฟางเหนียงส่งผักและไข่ให้บ่าวชายหน้าร้านแล้วหันมาเห็นบุรุษร่างสูงกำยำในชุดผ้าไหมเนื้อดีก็คาดเดาได้ว่าเขาจะต้องเป็นเจ้าของร้านข้าวสารแห่งนี้ และคงเป็นคนที่จ่ายเงินซื้อของของนาง ยามที่เห็นเขาปรายตามายังตนลู่ฟางเหนียงจึงย่อกายเอ่ยขอบคุณเสียงหวาน หลิวเฉินคังพยักหน้ารับคำขอบคุณของอีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจนัก ด้วยนับจากเขาอายุสิบสองขอเพียงมีโอกาสบรรดาหญิงสาวในวัยออกเรือนก็จะเข้ามาทักทายทอดสะพานให้เขา แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้เขาพบเจอจนเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ หญิงสาวตรงหน้านางเอ่ยขอบคุณประโยคเดียวแล้วก็หมุนตัวจากไป โดยไม่มีท่าทางยั่วยวน หรือแม้แต่สายตาแสดงความสนใจเขาเลย... สักนิดก็ยังไม่มี ลู่ฟางเหนียงเดินออกจากร้านข้าวสารสกุลหลิวด้วยท่าทางยินดี ก่อนจะเร่งสาวเท้าไปยังหอโอสถที่อยู่ถัดไปอีกถนน “เถ้าแก่ ข้าเอาค่ายาคราวที่แล้วมาให้เจ้าค่ะ ส่วนนี่เป็นส่วนของวันนี้เจ้าค่ะ” “อั่ยยะ... ฟางเหนียงข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่เป็นไร” เถ้าแก่หอโอสถสกุลหลิวเอ่ยบอกเสียงดุไม่จริงจังนัก สายตาฟ่าฟางมองเด็กสาวกตัญญูตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม ลู่ฟางเหนียงมิใช่หญิงงามเช่นคุณหนูสกุลใหญ่แต่กลับมีใบหน้าที่ชวนมองแลมีท่าทางกลิ่นอายที่ดึงดูดจนผู้พบเห็นต่างนึกรักใคร่เอ็นดู และตัวเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชื่นชมเอ็นดูนาง “ขอบพระคุณเถ้าแก่มากเจ้าค่ะ เพียงแต่ฟางเหนียงรับยาของท่านไปแล้วจะไม่จ่ายเงินได้อย่างไร” เสียงหวานใสที่เอ่ยบอกเหตุผลของตนเองแก่เถ้าแก่ร้านทำให้บุรุษที่อยู่ในห้องข้างชะงักพัดในมือ คิ้วเข้มยกขึ้นสูงเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ยังมีคนที่มิชื่นชอบของที่ได้มาโดยมิต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนอยู่อีกหรือ มุมปากหยักพลันขึ้น แววตาคมมีประกายสนใจ ก่อนจะขยับเท้าเดินออกมาที่หน้าประตู มือหนาใช้พัดขยับเปิดม่านลูกปัดออกเล็กน้อย มองสตรีที่ยืนสนทนากับเถ้าแก่ร้านโอสถของเขาด้วยใบหน้าและแววตาที่ดึงดูดสายตาคน “อาการของพ่อเจ้าไม่สู้ดี อย่างไรก็เก็บเงินเอาไว้ให้มากหน่อยเข้าใจหรือไม่” “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณเถ้าแก่ที่ห่วงใยท่านพ่อ ฟางเหนียงไม่มีสิ่งใดตอบแทนไข่ไก่ตะกร้านี้เป็นเพียงของไร้ค่าที่ฟางเหนียงตั้งใจเอามามอบให้ท่านแทนคำขอบคุณเจ้าค่ะ” “ไร้คงไร้ค่าอะไร เหตุใดจึงชอบดูถูกตนเองนัก นี่ยาของพ่อเจ้ารับไปเสีย” อีกฝ่ายเอ่ยตำหนิไม่จริงจังมาหนึ่งประโยคก็รับตะกร้าไข่ไก่ไปจากมือเล็ก พร้อมกับส่งห่อยาสามห่อให้นาง “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” ยามได้รับห่อยาแล้วลู่ฟางเหนียงก็ก้มหน้าเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากร้านไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าตลอดการสนทนาของนางกับเถ้าแก่หอโอสถสกุลหลิวมีชายผู้หนึ่งลอบมองโดยตลอด “คุณชายรองเรื่องหอโอสถสกุลโจว” “ในต้าเจิ้ง ผู้ที่สามารถเปิดหอโอสถได้มีเพียงสกุลหลิวเท่านั้น” เพียงคำพูดประโยคเดียวของคุณชายรองหลิวเฉินผิงก็ทำให้ไห่เหยารู้ได้ทันทีว่า วันพรุ่งนี้ในต้าเจิ้งจะมีเพียงหอโอสถสกุลหลิวเท่านั้น “นางเป็นใคร” นาง? คุณชายของเขาหมายถึงหญิงสาวคนใดกัน สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยของไห่เหยาทำให้หลิวเฉินผิงรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย “หญิงสาวที่มาซื้อยาเมื่อครู่ ข้าต้องการรู้ประวัติของนาง” ไห่เหยาได้ยินว่าคุณชายรองของเขาสนใจสตรีดวงตาก็พลันเบิกกว้าง แน่นอนว่าหากเป็นบุรุษอื่นเอ่ยถามถึงสตรีเขาย่อมไม่แปลกใจ แต่นั่นมิใช่กับบุรุษสกุลหลิวที่ได้ชื่อว่าไร้ความรู้สึกต่อสตรี ................................................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD