บทที่ 5
ทดลองงาน
“ตรวจสินค้าผ่านแล้ว ต่อไปก็ใช้งาน”
ลู่ฟางเหนียงที่กำลังหย่อนขาลงข้างโต๊ะเขียนหนังสือหมายใจนำกระดาษสัญญาไปมอบให้ฮูหยินหลิวไม่ทันเท้าแตะพื้นเรือนก็ถูกสองแขนวางขนาบข้าง ดวงตากลมพลันเบิกกว้าง หางตามองไปยังกระดาษสัญญาในมือหนา ไม่ได้นางต้องเร่งเอากระดาษสัญญาไปให้ฮูหยินหลิว ยิ่งกระดาษสัญญานี้ถึงมือฮูหยินเร็วเท่าไหร่ ท่านพ่อของนางก็จะได้รับการรักษาเร็วเท่านั้น
“คุณชายข้าขอเอากระดาษสัญญานี่ไปให้ฮูหยินก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าเป็นคนใจร้อน หากเจ้ามิยินดีเช่นนั้น”
"ว้าย! คุณชายอย่าเจ้าค่ะ"
มือหนายื่นมุมกระดาษจุ่มลงไปในกาน้ำชาบนโต๊ะเล็กด้านข้าง ลู่ฟางเหนียงพลันเบิกตากว้าง ร้องเสียงหลง มือเรียวขยับคว้าข้อมือหนาเอาไว้ก่อนที่กระดาษสัญญาของนางจะเปียกน้ำเสียก่อน
“ข้ายินดีเจ้าค่ะ คุณชายท่านส่งกระดาษสัญญาให้ข้าก่อนเถิด”
หลิวเฉินคังยกยิ้มมุมปากก่อนส่งกระดาษสัญญาให้คนใต้ร่าง นางเร่งรับเอามาถือไว้ประคองด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม ดวงตากลมจดจ้องข้อความในกระดาษด้วยประกายสดใส หากแต่ไม่ทันได้อ่านเนื้อความใดในกระดาษข้อมือบางทั้งสองข้างก็ถูกมือหนาจับกดแนบลงบนพื้นโต๊ะอีกครั้ง
“คุณ...”
ลู่ฟางเหนียงไม่ทันเอ่ยจบประโยคริมฝีปากเล็กก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักร้อน หลิวเฉินคังขยับมือหนาวางบนอกอวบอิ่มทั้งสองข้างของนางบีบเคล้นจนเนื้อนุ่มล้นออกตามซอกนิ้วยาว
ช่างนุ่มมือ และใหญ่ถูกใจข้านัก
“อุนอาย... อื้ม”
ลู่ฟางเหนียงครวญเสียงสั่นฟังไม่ได้ศัพท์ในลำคอ ยามที่มือหนาลงแรงที่อกอวบอิ่มของตนร่างกายก็คล้ายกองไฟถูกโยนเชื้อเพลิงรู้สึกร้อนรุ่มเสียวซ่านอย่างประหลาดจนมือเล็กพลั้งเผลอกำขยุ้มกระดาษสัญญาในมืออย่างไม่รู้ตัว
“อ่ะ...”
ลู่ฟางเหนียงร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อยอดปทุมสีหวานทั้งสองข้างถูกนิ้วยาวขยับบีบเคล้นเน้นไปมา เปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนเข้าสอดใส่เกี่ยวพันลิ้นเล็กดูดกลืนความหวานไปทั่วทั้งอุ้งปาก
“อื้ม...”
หลิวเฉินคังครวญเสียงต่ำอย่างพึงพอใจ ตวัดลิ้นพัวพันลิ้นเล็กดูดดึงจนริมฝีปากบางบวมเป่ง จึงยอมขยับริมฝีปากและจมูกไล้ไปตามพวงแก้มนุ่ม แลเลื่อนลงมาที่ลำคอระหง
"อ่ะ... คุณชายเจ็บเจ้าค่ะ"
ลู่ฟางเหนียงร้องเสียงลั่นยามที่หลิวเฉินคังขบเม้มผิวกายขาว หลิวเฉินคังไล่ริมฝีปากร้อนฝากรอยรักมากมายราวกับจะกลืนกินนางไปทั้งตัว มิคิดว่าสาวใช้ชาวสวนเช่นนางจะมีกายนุ่มนิ่มชวนกลืนกินได้ถึงเพียงนี้
“ซี๊ด... คุณชาย”
ลู่ฟางเหนียงครวญเสียงสั่นยามที่ยอดอกสีชมพูข้างหนึ่งถูกริมฝีปากร้อนเขาดูดดึงแลขบเม้มไปมา หลิวเฉินคังมือหนึ่งบีบเคล้นอกอวบ อีกมือหนึ่งก็เลื่อนลงต่ำจับเรียวขานางแยกออกจากกันก่อนแทรกกายหนาเข้าระหว่างกลางกายสาว นิ้วยาวขยับลูบไล้เนินเนื้อหวานที่เขาพึ่งลิ้มลองไปเมื่อครู่ ก่อนที่จะแทรกเข้ากลางกลีบบุปผารุกล้ำเข้ากลางช่อเกสรฉ่ำเยิ้มของนาง
แน่นชะมัด หลิวเฉินคังนึกหงุดหงิดระคนยินดี ร่างกายของนางำลังจถูกเขาครอบครองเป็นคนแรก ในฐานะบุรุษเขาย่อมรู้สึกยินดี เพียงแต่ความคับแน่นเช่นนี้ย่อมเป็นอุปสรรคในการครอบครองนางของเขา
“โอ๊ย! คุณชาย ข้าเจ็บเจ้าค่ะ ท่านเอานิ้วออกก่อน”
ลู่ฟางเหนียงร้องบอกพร้อมขยับกายหนี หากแต่พอนางขยับตัวหนีหลิวเฉินคังก็ลงโทษด้วยการขบกัดยอดอกของนางจนขึ้นรอยหยักอีกทั้งยังขยับนิ้วยาวกระแทกรุนแรงจนขาเรียวสั่นสะท้าน ลู่ฟางเหนียงขนกายรุกชันทั้งเจ็บกลางกายสาวทั้งร้าวระบบยอดอกอวบอิ่ม
"อย่าขัดใจข้า"
“อื้ม... คุณชายเอานิ้วของท่านออกไปก่อนเจ้าค่ะ ข้าเจ็บ”
หลิวเฉินคังเงยหน้าจากอกนุ่มที่ตอนนี้มีริ้วแดงมากมายราวดอกเหมยโปรยกลางหิมะ ดวงตาคมมองใบหน้าที่เหยเกด้วยความเจ็บปวดระคนเสียวซ่านของนางแล้วขบกรามแน่น แรงปรารถนาในร่างกายรุกโชนเป็นทบทวี
“ตั้งขาของเจ้าขึ้นแล้วอ้าออกกว้างๆ แล้วเจ้าจะไม่เจ็บ”
หลิวเฉินคังเอ่ยบอกขณะที่มือหนายังคงขยับเข้าออกไม่หยุด ลู่ฟางเหนียงเม้มริมมือเล็กกำขอบโต๊ะเหนือศีรษะ ขณะที่สองเท้าก็ขยับวางบนขอบโต๊ะด้านล่างพร้อมกับฉีกขาออกกว้างตามที่คนตรงหน้าบอก
“ดีมาก อยู่นิ่งๆ แล้วเจ้าเจ็บน้อยลง”
“คุณชายเมตตาข้าด้วย”
“ข้าย่อมเมตตาเจ้า”
กล่าวจบหลิวเฉินคังก็ขยับตัวลงคุกเข่าที่ข้างโต๊ะหนังสือของตน หากนับดูแล้วชั่วชีวิตของเขานอกจากบิดามารดาแล้วคงมีเพียงนางที่ทำให้เขายอมคุกเข่าให้เช่นนี้ เพียงแต่เวลานี้หลิวเฉินคังหาได้ใส่ใจเรื่องเช่นนี้ไม่ ใบหน้าคมก้มลงไปหากลีบบุปผาตรงหน้า ตวัดลิ้นปัดป่ายกระตุ้นให้นางหลั่งสายน้ำหวานออกมา
ลู่ฟางเหนียงถูกปลุกเร้าด้วยลิ้นร้อนและนิ้วยาวร่างกายก็ผ่อนคลาย ความรู้สึกเสียวซ่านแทรกซึมไปทั่วทั้งกายร้องครวญแอ่นอกส่ายสะโพกไปมา
หลิวเฉินคังเห็นนางถูกเขากระตุ้นจนสายน้ำหวานหลั่งรินก็ขยับมือหนาสอดนิ้วยาวเข้าออกในช่องรักของนางถี่ระรัวมากขึ้น
“อ่ะ... คุณชาย"
"ชอบหรือไม่"
หลิวเฉินคังเอ่ยถามเสียงสั่นยามที่สัมผัสได้ถึงแรงตอดรัดนิ้วยาวของเขา
"ขะ...ข้า อื้ม... ชอบเจ้าค่ะ เอาอีกเจ้าค่ะ เอาเข้าไปอีก”
หลิวเฉินคังยกยิ้มมุมปาก แม่กวางน้อยของเขายามปกติก็ดูเรียบร้อยอ่อนหวานบอบบาง ทว่ายามถูกไฟปรารถนาครอบงำกลับเร่าร้อนเสียยิ่งกว่านางโลมอันดับหนึ่ง เขาค่อยขยับนิ้วยาวจนนางคุ้นชินก่อนจะค่อยๆ แทรกนิ้วชี้เพิ่มเข้าไปอีกหนึ่ง
“อ่ะ! คุณชายข้าเจ็บ”
“อื้ม! เดี๋ยวเจ้าจะชอบมันเชื่อข้า”
หลิวเฉินคังไม่เอ่ยคำใดอีก ก้มหน้าลงตวัดลิ้นร้อนพร้อมกับส่งเสียงครวญอย่างพอใจกับแรงตอดรัดที่นิ้วหนา ตัวเขาเวลานี้ราวกับยืนอยู่กลางกองเพลิง ทั่วทั้งกายร้อยผ่าวจนแทบมอดไหม้ด้วยแรงปรารถนา หากแต่เพราะสตรีตรงหน้าทั้งบอบบางอีกทั้งยังไม่เคยผ่านสงครามรัก หากถูกเขาโจมตีด้วยอาวุธประจำกายที่ขนาดค่อนข้างเกินมาตรฐานชายทั่วไปเกรงว่านางคงรับไม่ไหว
“คุณชาย ขะ... ข้า... ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”
หลิวเฉินคังได้ยินลู่ฟางเหนียงร้องครวญเสียงลั่นจวนร่างกายของเขาก็ไม่อาจทนต่อแรงปรารถนาในกายได้อีก
เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าสุขสมใต้ร่างข้า
หลิวเฉินคังขยับมือหนา หากแต่เขายังถอนนิ้วยาวออกไม่สุดมือบางก็เอื้อมลงมายึดข้อมือหนาของเขาเอาไว้พร้อมกับขยับเอวบางถี่ระรัว ที่สำคัญมืออีกข้างของนางยังจับศีรษะของเขากดลงแนบชิดอีกครั้ง
"คุณชาย... อ่ะ... ข้าไม่ไหวแล้ว ซี๊ด!!"
จวบจนร่างกายของลู่ฟางเหนียงเกร็งกระตุกหลั่งน้ำรักจนชุ่มมือหนา นางจึงยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ หลิวเฉินคังถอนหน้าออกห่างจากนางพร้อมกับหายใจหอบ ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดใบหน้าที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักของนางด้วยท่าทางขุ่นเคือง
นางช่างน่าโมโหนัก
“เจ้ากล้ากดหัวข้า เช่นนั้นคืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวออกจากห้องข้าเลย”
หลิวเฉินคังลุกขึ้นยืนจับขาเรียวของนางพาดบ่าอีกครั้ง ก่อนที่จะขยับเอวแทรกกายของเขาครั้งเดียวกลืนกินนางไปจนสุดทาง
“อร๊าย... คุณชายข้าเจ็บ”
“เมื่อครู่จับหัวข้ากดเช่นนั้นตอนนี้ข้าก็จะกดเจ้าจนสุดเช่นกัน”
กล่าวจบหลิวเฉินคังก็ขยับเอวหนาถอยออกแล้วสวนเข้าหานางอย่างเน้นหนัก ลู่ฟางเหนียงที่แม้ก่อนหน้าจะได้รับการเปิดเส้นทางด้วยนิ้วยาวถึงสองนิ้ว แต่หากเทียบกับสิ่งที่นางกำลังสู้รบอยู่ตอนนี้เกรงว่าให้เขาใช้ทุกนิ้วมือรวมกันก็ยังไม่เทียบเท่า
“คุณชายเมตตาข้าด้วย”
“ข้าย่อมเมตตาเจ้า คืนนี้หากฟ้าไม่สว่างข้าย่อมไม่หยุด”
กล่าวจบหลิวเฉินคังก็เร่งจังหวะขยับเอวหนา สองมือจับยึดเรียวขางามบนบ่าแน่น ขณะที่สองตาจดจ้องอกนุ่มที่เขาหลงใหล ยิ่งเขาขยับเอวถี่อกอวบอิ่มของนางก็ยิ่งสั่นไหวไปมาเย้ายวนตายิ่งนัก เช่นนี้แล้วเอวหนาจึงเพิ่มแรงเข้าหานางอีกเท่าตัว
“คะ... คุณชาย... เบาแรงหน่อยเจ้าค่ะ”
“เจ้าตอดรัดข้าแน่นเพียงนี้จะให้ข้าเบาแรงได้อย่างไร อ่า...”
หลิวเฉินคังแหงนหน้าร้องครวญ ตัวเขาเป็นบุรุษอายุสามสิบกว่าแล้วเรื่องเช่นนี้ย่อมผ่านมาไม่น้อย หญิงพรหมจรรย์เขาเองก็ลิ้มลองมามาก เพียงแต่พวกนางกลับไม่มีใครทำให้เขารู้สึกเร่าร้อนและสุขสมได้มากถึงเพียงนี้
“คุณชาย แรงอีกเจ้าค่ะ”
“หึ! ไม่เจ็บแล้วหรือไง”
“ไม่เจ้าค่ะ แรงอีกเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว”
ลู่ฟางเหนียงปล่อยกระดาษสัญญาที่ยับย่นในมือทิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนที่จะวางมือลงบนอกอวบอิ่มของตนบีบเคล้นไปมายั่วยวนคุณชายตรงหน้า แม้นางจะไม่เคยผ่านสงครามรักเช่นนี้ แต่นางสัมผัสได้ว่าเขาชื่นชอบก้อนเนื้อนุ่มสองก้อนนี้ของนางเป็นพิเศษ ดังนั้นยามบีบเคล้นจึงจงใจให้ยอดสีชมพูชูชันยั่วยวนสายตาของเขา
หลิวเฉินคังถูกคนใต้ร่างยั่วยวนร่างกายก็คล้ายจะหลุดการควบคุม เอวหนาขยับถี่กระชั้นรุนแรงจนเส้นผมของนางหลุดลุ่ยสยายสร้างภาพให้นางยิ่งดูยั่วยวนราวปีศาจจิ้งจอกพันปี
“เจ้ามัน... น่าโมโหนัก อ่า... ข้าจะไม่ไหวแล้ว”
หลิวเฉินคังแหงนหน้าร้องครวญเสียงลั่น เอวหนาขยับถี่ระรัวเน้นหนัก ลู่ฟางเหนียงร่างกายสั่นสะท้านความเจ็บปวดก่อนหน้าหายไปนานแล้ว เวลานี้เลือดลมในกายของนางร้อนผ่าวไหลรวมมาที่ท้องน้อยก่อนจะเกร็งกระตุกตอดรัดหลั่งสายน้ำหวานออกมา เช่นเดียวกับที่เอวหนาขยับเน้นหนักหลั่งแรงปรารถนาทั้งหมดใส่ในกายนาง และทันทีที่ปลดเปลื้องแรงปรารถนาในกายออกมาจนหมดแล้ว หลิวเฉินคังก็โน้มตัวลงจับข้อมือบางกดลงบนพื้นโต๊ะ ขบเม้มดูดดึงอกอวบอิ่มที่เย้ายวนตาของนางอย่างรุนแรง
“คุณชายเบาๆ หน่อยเจ้าค่ะ”
ลู่ฟางเหนียงเอ่ยบอกเสียงสั่น ทว่ายิ่งนางห้ามปรามก็คล้ายยิ่งกระตุ้น หลิวเฉินคังทั้งดูดทั้งดึงทั้งตวัดลิ้มเลีย ผ่านไปไม่ถึงครึ่งเค่อนางก็สัมผัสได้ถึงความคับแน่นในช่องทางรักของตน ก่อนที่เอวหนาจะขยับอีกครั้งโดยที่ไม่ยอมปล่อยยอดอกอวบอิ่มของนางออกจากริมฝีปาก
........................................................