" อาหลี่น่าวันนี้พี่ฝากเครื่องประทินโฉมเข้าไปให้ท่านแม่ของเจ้าด้วยได้หรือไม่ " หลังจากกินข้าวเสร็จ 4 สหายกำลังเดินไปยังลานฝึกซ้อมที่หลี่จวินทำเอาไว้เพื่อให้มู่เจินและสหายฝึกโดยเฉพาะ เหมยฮวาที่เดินตามมาด้วยเลยเอ่ยถามหลี่น่า
" ได้เจ้าค่ะ ท่านพี่เหมยฮวาให้คนเอาไปขึ้นรถม้าไว้เลยก็ได้เจ้าค่ะ ข้าขอไปซ้อมกับทุกคนก่อนนะเจ้าคะ " หลี่น่ารีบลงสนามประลองธนูพร้อมกับสหาย โดยมีหวังฟางกับหวังหมิ่นคอยดูแลช่วยกัน
" รีบไปเถอะ ทางนั้นเขาลงมือกันแล้ว " เหมยฮวารีบอุ้มบุตรสาวและจับมือบุตรชายพาไปนั่งที่ตำแหน่งปลอดภัย
ทั้ง 4 คนหยิบคนธนูที่ทำมาจากไผ่เจียงซูขึ้นมาตั้งท่าเตรียมด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาหยิบลูกธนูขึ้นมาวางบนนิ้วชี้ข้างซ้ายเพื่อเตรียมยิง พวกเขารอจนหลี่จวินให้สัญญาณจึงค่อยยิงลูกธนูออกไปปักที่เป้าข้างหน้าอย่างแม่นยำ
" ดีมาก เข้าตรงเป้าทุกคน ต่อไปพวกเจ้าต้องเร่งความเร็วขึ้นกว่านี้อีก ทำได้หรือไม่ " หลี่จวินใช้น้ำเสียงดุดันไม่ต่างจากฝึกทหาร แน่นอนว่าเขาต้องฝึกจนเด็กกลุ่มนี่ให้เก่งกาจจนสามารถมารับช่วงต่องานของเขาได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
" ได้ขอรับ/ได้ขอรับ/ได้ขอรับ/ได้เจ้าค่ะ " ทั้งสี่คนตอบออกไปอย่างพร้อมเพรียง หวังฟางและหวังหมิ่งจึงเอาลูกธนูมาเติมให้ทั้ง 4 คนอีกคนละ 30 ลูก
" พวกเจ้าต้องยิงทั้งหมด30ลูกภายใน 1ใน 3 ส่วนของก้านธูป เข้าใจหรือไม่ " หลี่จวินสั่งให้จุดธูปแต่ทำเครื่องหมายแบ่งเอาไว้ 3 ส่วน อย่างชัดเจน ( 1ก้านธูป=30นาที 1ใน3=10นาที )
" เข้าใจขอรับ/เข้าใจเจ้าค่ะ/เข้าใจขอรับ/เข้าใจขอรับ " ทั้ง 4 คนเริ่มทำสมาธิและมุ่งมั่นกับเป้าตรงหน้าอย่างไม่ว่อกแว่ก
" ยิงได้ " ทันทีที่คำสั่งออกจากปากของหลี่จวิน เสียงเป้ากระดานที่ถูกลูกธนูปักก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัก ปัก ปัก ปัก ปัก ปัก ปัก เพียงไม่นานเป้ากระดานก็เต็มไปด้วยลูกธนูที่ปักอยู่เต็มไปหมดทั้ง 4 เป้า กว่าจะยิงหมด 4 สหายก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ ด้วยแรงของเด็กอย่างไรเสียก็สู้พลังของผู้ใหญ่ไม่ได้ หลี่จวินไม่ยอมให้ 4 สหายใช้ธนูอันเล็กตามกำลัง แต่กลับให้ใช้อันใหญ่เหมือนที่ตนเองใช้ โชคดีหน่อยที่มู่เจิน หยางอู๋ และซูเว่ย ทั้งสามคนมีรูปร่างที่สูงโปร่ง ต่างจากหลี่น่าที่เตี้ยกว่าคนอื่น แต่สิ่งที่เธอได้เปรียบคือเธอมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาบ้าง
" ตั้งท่า เรายังต้องฝึกยิงแบบ 3 ดอกต่อ " หลี่จวินเรียก 4 สหาย ในขณะที่หวังฟางกับหวังหมิ่นไปเก็บลูกธนูออกจากเป้า แล้วเอามาให้ 4 สหายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกคนถูกจับมือสอนแบบตัวต่อตัว
เริ่มจากมู่เจินก่อนเป็นคนแรก หลี่จวินบอกตำแหน่งการเล็งและให้มู่เจินตัดสินใจยิงเองเมื่อเขาพร้อม
แปะ แปะ แปะ
" เก่งมากท่านน้าอาเจิน " เสียงเล็ก ๆ ของอาหมิงดังขึ้นหลังจากที่มู่เจินยิงธนูออกไป
" ดีมาก พวกเจ้าเริ่มยิงได้เลย เล็งตำแหน่งที่ข้าสอนให้ดี " หลี่จวินเลื่อนมาสอนหลี่น่าต่อ ส่วนหยางอู๋กับซูเว่ยมีหวังฟางกับหวังหมิ่นประกบแล้ว
ปัก ปัก ปัก ปัก ปัก ปัก เสียงธนูปักเข้ากลางเป้าดังสนั่น ก่อนที่ 4 สหานจะตั้งท่ายิงต่อไปจนครบ 10 ครั้ง
" ดีมาก พวกเจ้าเก่งทุกคน ต่อไปนี้ให้ออกมาฝึกทุกวัน ไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าข้าคงต้องมอบงานสำคัญให้พวกเจ้าทำแทนแล้ว ยกเว้นอาหลี่น่า " หลี่จวินพูดจบก็กำลังจะเดินไปหาภรรยา แต่โดนหลี่น่าเรียกไว้เสียก่อน
" เหตุใดท่านพี่หลี่จวินจึงไม่ให้ข้าทำด้วยเล่าเจ้าคะ ข้ามีอะไรที่สู้ผู้อื่นไม่ได้หรือ " หลี่น่ามั่นใจว่าฝีมือของเธอไม่เป็นสองรองใคร แต่เหตุใดท่านพี่หลี่จวินจึงไม่ยอมให้นางร่วมงานด้วยทั้งที่ฝึกมาด้วยกัน
" อาหลี่น่าเจ้าเป็นสตรี ทั้งบิดามารดาของเจ้าเล่า พวกท่านจะว่าอย่างไรหากบุตรสาวที่หวงแหนปานดวงใจต้องออกไปทำงานเสี่ยงอันตราย " หลี่จวินค่อย ๆอธิบายให้หลี่น่าเข้าใจ
" หากเป็นเรื่องนั้นท่านพี่หลี่จวินไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะขอกับท่านพ่อและท่านแม่เอง หากข้าฝึกสำเร็จแล้วท่านต้องให้ข้าร่วมงานด้วยนะเจ้าคะ " หลี่น่ารีบเอ่ยย้ำเอาคำตอบจากหลี่จวิน
" ย่อมได้ แต่เจ้าต้องแจ้งแก่บิดาและมารดาก่อนเข้าใจหรือไม่ " หลี่จวินไม่อาจปฏิเสธได้ว่าฝีมือของหลี่น่าเก่งกาจกว่าคนอื่นจริง ๆ
" เจ้าค่ะ เย้ ข้าได้ไปแล้วอาเจิน " หลี่น่าวิ่งไปกอดมู่เจินด้วยความดีใจ และกำลังจะหันไปกอดสหายคนอื่น ๆ ต่อแต่โดนมู่เจินดึงเอาไว้
" เจ้านี่ช่างไม่สำรวมเสียจริง สตรีที่ไหนวิ่งกอดบุรุษไปทั่วเช่นนี้ " มู่เจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดดุมานิดหน่อย
" เจ้าจะบ่นไปไยพวกเจ้าทั้ง 3 คนล้วนเป็นสหายของข้า " หลี่น่าพูดอย่างไม่คิดอะไรมากทั้งไม่เข้าใจว่ามู่เจินเป็นอะไรจึงมีท่าทีหงุดหงิดเช่นนี้
" ไปฝึกการต่อสู้กันเถอะขอรับ " หวังหมิ่นรีบเข้ามาแก้สถานการณ์ที่คุกรุ่นอยู่
หลี่น่าเดินนำทุกคนไปฝึกการต่อสู้กับหวังฟางและหวังหมิ่นก่อนใครอื่น จากนั้นทั้ง 3 หนุ่มน้อยก็เร่งตามสหายไปติด ๆ
จวบจนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อยหลี่น่าจึงเอ่ยขอตัวกลับจวนของตนเองพร้อมกับเครื่องประทินโฉมที่เหมยฮวาฝากไปให้มารดา
" กลับมาได้เสียทีลูกชายแม่ " ฮูหยินเมิ่งรีบเอ่ยหยอกเย้าบุตรสาวเมื่อเห็นนางเดินลงจากรถม้ามาด้วยเครื่องแต่งกายของบุรุษ
" โถ่ท่านแม่ ลูกก็เป็นลูกสาวตัวน้อยของท่านแม่เช่นเดินเจ้าคะ เพียงแค่เพิ่มเติมวิชาป้องกันตัวและความรู้ต่าง ๆ ที่ท่านพ่อท่านแม่ถ่ายทอดมาให้เพียงเท่านั้น " หลี่น่ารีบเอ่ยประจบต่อมารดาเพื่อหาทางรอดให้ตนเอง
" ฮึ เจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ จะให้แม่ใจแข็งได้อย่างไรเล่า " พูดจบฮูหยินเมิ่งก็พาบุตรสาวเข้าบ้าน ส่วนคนขับรถม้าก็เร่งเอาสินค้าไปเก็บที่ร้านของผู้เป็นนาย
" อาหลี่น่ามาแล้วรึลูก " นายท่านเมิ่งเมื่อเห็นบุตรสาวและภรรยาเดินเข้ามาในเรือนก็รีบเอ่ยถาม
" เจ้าค่ะท่านพ่อ "
" เป็นอย่างไร วันนี้ได้ฝึกอะไรบ้าง "
" วันนี้ท่านพี่หลี่จวินสอนยิงธนู 3 ดอกเจ้าค่ะ แล้วก็ฝึกการต่อสู้แบบประชิดตัวอย่างที่ท่านพ่อเคยเห็น " หลี่น่าตอบคำถามของบิดาอย่างรวดเร็ว หากพูดถึงเรื่องต่อสู้นางต้องคุยกับบิดาเท่านั้นท่านถึงจะช่วยนางต่อรองกับมารดาได้
" แล้วลูกทำได้หรือไม่ " นายท่านเมิ่งเอ่ยถามต่อบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง
" ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อเจ้าคะลูกมีเรื่องอยากจะขอ " หลี่น่าคิดว่าอยากพูดเรื่องนี้ไว้แต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่มีปัญหาเมื่อถึงเวลา
" ว่ามาเถอะ ลูกต้องการอันใดพ่อย่อมตามใจเจ้า มีเพียงแม่ของเจ้าที่เราต้องช่วยกันพูด " นายท่านเมิ่งตอบอย่างรู้ทันบุตรสาว เวลาที่นางต้องการให้ช่วยอะไรนางมักจะทำแบบนี้เสมอ
" เรื่องงานของท่านพี่หลี่จวินเจ้าค่ะ วันนี้ท่านพี่หลี่จวินได้พูดเอาไว้ว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมอบหมายหน้าที่ให้สหายทั้ง 3 ของลูกได้ดูแลต่อ แต่ลูกอยากไปด้วยเจ้าค่ะ ท่านพ่อจะช่วยลูกได้หรือไม่เจ้าคะ " หลี่น่าเอ่ยจบก็แสร้งทำหน้าตาน่าสงสารให้บิดาเห็นใจ
" เรื่องนั้นพ่อไม่มีปัญหา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถของลูกว่าจะทำให้แม่ของลูกเชื่อมั่นได้มากเพียงใด หากต้องปล่อยเจ้าเดินทางไปทั่วเช่นนั้น " นายท่านเมิ่งลูบหัวบุตรสาวด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่ฟื้นจากความตายเมื่อหลายปีก่อน หลี่น่าก็ดูร่าเริงสดใสใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น จนตัวเขาเองคลายความกังวลใจไปได้มาก
" แม่ไม่ยอมนะ เหตุใดลูกต้องออกไปตลอดค้าขายให้ลำบากเหมือนบุรุษเช่นนั้นด้วย " ฮูหยินเมิ่งที่เดินเข้ามาพร้อมจานขนมรีบเอ่ยปรามบุตรสาวทันที
" ฮูหยินเจ้านั่งลงก่อน ใจเย็น ๆ แล้วฟังเหตุผลของลูกให้ดีเสียก่อนค่อยตัดสินใจเถิด " นายท่านเมิ่งรีบส่งสัญญาณให้บุตรสาวโน้มน้าวใจมารดาอย่างรวดเร็ว
" ท่านแม่เจ้าคะ หากวันหน้าลูกต้องขึ้นเป็นคนดูแลคนจำนวนมาก ลูกต้องการรู้ทุกอย่างและลงมือทำทุกขั้นตอนรวมกระทั่งการขนสินค้าไปขายต่างเมืองด้วย หากตัวลูกยังไม่รู้ว่าหน้าที่ไหนต้องทำเช่นไรแล้วลูกจะไปปกครองใครได้เล่าเจ้าคะ "
หลี่น่ารีบหาเหตุผลเพื่อค้านกับความต้องการของมารดา ส่วนฮูหยินเมิ่งที่ได้ยินคำของบุตรสาวนางก็ตรึกตรองไปตามที่ได้ยิน เป็นจริงอย่างที่หลี่น่าว่ามาทุกอย่างแต่นางก็ยังมิอาจวางใจให้บุตรสาวออกไปไหนได้
" ถึงสิ่งที่ลูกพูดออกมาจะถูกต้องทุกอย่าง แต่แม่ก็ยังมิอาจไว้ใจให้ลูกออกไปอยู่อย่างยากลำบากแบบนั้นได้หรอกลูก " สิ้นคำของฮูหยินเมิ่งสองพ่อลูกก็ทำหน้าเศร้าคอตกไปตาม ๆ กัน
' ฮูหยินอย่าได้กังวลใจไปขอรับ เมื่อถึงเวลาข้าย่อมมีวิธีให้นายหญิงของข้าใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ขอท่านโปรดทบทวนใหม่อีกครั้งขอรับ ' เป็นจินเหอที่แปลงเป็นผีเสื้อเกาะอยู่ที่ไหล่ของหลี่น่าเอ่ยขึ้น
" เจ้ามีวิธีดูแลให้ลูกข้าปลอดภัยจริงรึจินเหอ " ฮูหยินเมิ่งเอ่ยถามกลับด้วยความสงสัย นางเคยได้ยินจินเหอพูดอยู่บ่อยครั้ง เรื่องเวลาที่เหมาะสมเขาถึงจะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
' ขอรับ ข้ามีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยนายหญิงได้ เพียงแต่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน ระหว่างนี้นายหญิงต้องฝึกทักษะต่าง ๆ ให้ครบถ้วนก่อนขอรับ '
" เช่นนั้นก็เอาอย่างที่จินเหอว่า เมื่อถึงเวลาลูกต้องพิสูจน์ว่าสามารถดูแลตนเองและช่วยเหลือคนอื่นได้ แม่จึงจะยอมให้เจ้าไป " สิ้นคำของฮูหยินเมิ่ง หลี่น่าก็กระโจนเข้าไปกอดมารดาด้วยความสุขใจ
" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ "
" ดูเอาเถิดท่านพี่ เหตุใดท่านจึงเลี้ยงลูกให้เป็นบุรุษหาใช่สตรีเช่นนี้ " ฮูหยินเมิ่งส่ายหัวเหนื่อยใจกับความห้าวหาญของบุตรสาว แต่สองแขนก็โอบกอดบุตรสาวเอาไว้ด้วยความรัก
" เช่นนั้นดีแล้ว เราจะได้มีทั้งบุตรสาวและบุตรชายพร้อม ๆ กันเลย " นายท่านเมิ่งตอบกลับภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขามิเคยกลัวว่าบุตรสาวจะไม่มีแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอ ยิ่งไม่มีสิยิ่งเป็นการดี
" ท่านพี่ก็พูดไปเรื่อยนะเจ้าคะ เป็นเช่นนี้คงขายไม่ออกเป็นแน่ "
" น้องไม่ต้องกลัวไป พี่ว่าคงมีคนหมายปองลูกเราอยู่เป็นแน่ อาจจะบุรุษที่พึงใจในสตรีห้าวหาญก็เป็นได้ " พูดจบนายท่านเมิ่งก็ลุกเดินไปห้องหนังสือ ไม่อยู่ให้ภรรยาได้ถามอะไรต่อ