“ค่ะ... ได้ค่ะท่านประธาน ดิฉันจะรีบจัดการให้อย่างเร่งด่วนเลยค่ะ ค่ะ... สวัสดีค่ะ”
รินรดาวางสายจากเจ้านายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แล้วนี่จะไปหาผู้หญิงคุณสมบัติแบบนั้นได้จากที่ไหนกันนะ”
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ ในหัวมืดมนไร้แสงสว่าง
‘ผมต้องการผู้หญิงเรียบร้อย การศึกษาดี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย และต้องเป็นคนหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย ทำทุกอย่างตามที่ผมสั่ง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องไม่พูดมาก’
“คุณสมบัติแบบนี้ มีแต่แม่ชีในโบสถ์ล่ะมั้งท่านประธาน”
รินรดาเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ในมือยังคงกุมโทรศัพท์มือถือเอาไว้เหมือนเดิม สมองกำลังไหลเตลิด
“ใครดีนะ... ใครดี... โอ๊ยยย คิดไม่ออก!”
ขณะที่เลขาสาวผู้ภักดีกับเจ้านายกำลังเครียดจนหัวแทบระเบิดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นพอดี
“ใครโทรมาตอนนี้เนี้ย”
หล่อนบ่น แต่ก็หยิบขึ้นมากดรับสาย เพราะเห็นชื่อหน้าจอว่าเป็นเพื่อนสนิท
“แกโทรมาพอดีเลย ไหม ฉันกำลังกลุ้มมากเนี้ย”
คนที่โทรมาคือไหมแก้ว เพื่อนซี้ปึกตั้งแต่อนุบาลของหล่อนเลยล่ะ
“นี่ยังมีใครกลุ้มมากกว่าฉันอีกเหรอเนี้ย”
เสียงของไหมแก้วฟังดูไม่ดีเลย ทำให้รินรดาถึงกับต้องรีบสนใจเพื่อนทันที
“แกเป็นอะไรไปไหม ทำไมเสียงเหมือนคนร้องไห้เลยล่ะ เป็นอะไรบอกฉันมาไหม...” หล่อนถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“ฉัน... ก่อเรื่องอีกแล้วริน...”
แล้วไหมแก้วก็ร้องไห้โฮมาตามสาย ก่อนจะสาธยายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังเป็นฉากๆ อย่างชัดเจนเหมือนดูหนังสามดีไม่มีผิด
รินรดาถอนใจออกมายาวเหยียด สงสารเพื่อนก็สงสารแหละที่ก็อดที่จะตำหนิไม่ได้
“ฉันบอกแกไปกี่ครั้งแล้วไหม ว่าให้ใจเย็นๆ อย่าใจร้อน จะพูดอะไรต้องคิดให้ดีๆ ก่อน”
“ฮือออ ฉันรู้... ฉันพยายามท่องจำที่แกสั่งสอนฉันมาตลอดนะริน แต่เวลามันโมโห ฉันก็ลืมที่ท่องมาหมดทุกอย่างเลย... ฮือออ ฉันจะทำยังไงดี ทั้งรถ ทั้งคอนโดก็ยังผ่อนไม่หมดเลย ไหนจะต้องส่งเงินไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดอีก แงงงง ฉันจะทำยังไงดี หรือว่าฉันควรจะตายไปดี ทุกอย่างจะได้จบ”
“อย่านะแก ห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาดนะไหม!”
“แต่ฉันไม่มีทางออกแล้วนี่ริน ชีวิตฉันพังหมดแล้ว ฮืออออ...”
“ไม่เอา... อย่าคิดแบบนี้ แกยังมีฉันอยู่นะ ฉันจะอยู่ข้างๆ แกเสมอ”
“แต่ฉัน... ตกงานแล้วนะริน... ไม่สามารถหางานในวงการได้อีกแล้ว”
“คนมีความสามารถ แถมหน้าตาสวยๆ อย่างแก หางานใหม่ได้ง่ายๆ เดี๋ยวฉันจะช่วยแกเองนะไหม ไว้ใจฉันนะ”
“แกก็รู้ว่าฉันรักงานในวงการ แม้ฉันจะเป็นแค่นางร้าย เป็นแค่ตัวประกอบ แต่มันก็คืองานที่ฉันรัก ฉันอยากทำงานที่ฉันรักนี่... ฮือออ”
“ไหม... ฉันรู้ว่าแกชอบงานแสดงมาก แต่แกก็มีความสามารถอื่นอีก ดังนั้นแกทำงานอื่นอีกได้ และเมื่อมีโอกาส แกค่อยกลับไปแสดงละครอีก เชื่อฉันนะ อย่าคิดมาก ฉันอยู่ตรงนี้เสมอ อยู่ข้างๆ แกเสมอนะไหม...”
“ริน... แต่ฉันมองไม่เห็นทางออกเลย... ฉันไม่น่าไปทะเลาะกับนางเอกเลย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ต้องตกอับแบบนี้”
แม้จะพยายามปลอบใจเพื่อนรักแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าไหมแก้วจะยังอาการไม่สู้ดี รินรดาจึงไม่วางใจให้เพื่อนอยู่ตามลำพัง
“แกอยู่ที่คอนโดใช่ไหม ฉันจะไปหา ไหม... ตอบสิ ตอบฉันหน่อย แกอยู่ที่คอนโดหรือเปล่า... ไหมแก้ว...”
“ฉัน... ออกมานั่งดื่มน่ะ ไม่ได้อยู่คอนโดหรอก”
“ไหม... แกกลับคอนโดนะ ฉันกำลังจะไปหาแกเดี๋ยวนี้แหละ”
“แกอย่ามาเลยริน... ลำบากเปล่าๆ พรุ่งนี้แกก็ต้องทำงาน”
“ฉันเป็นห่วงแก ไหม กลับคอนโดนะ หรือไม่ก็ส่งโลเคชั่นมาว่าอยู่ที่ร้านไหน ฉันจะไปรับ”
“ไม่เป็นไรหรอกแก เดี๋ยวฉันกลับไปรอแกที่คอนโดเอง”
“โอเค ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” รินรดากระโดดลงจากเตียง เปลี่ยนเสื้อผ้า และออกไปจากบ้านพักด้วยความรีบร้อน
กว่าจะกล่อมจนไหมแก้วยอมนอนหลับได้ ก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง
“คืนนี้คงต้องนอนที่นี่แล้วล่ะเรา”
รินรดาพึมพำมองเพื่อนรักด้วยความสงสาร ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเตียงอย่างระมัดระวัง เพื่อนอนข้างๆ ไหมแก้ว
หล่อนจะช่วยไหมแก้วยังไงดีนะ
รินรดาพยายามคิดจนหัวแทบระเบิด แต่ก็ยังหางานที่เหมาะกับเพื่อนให้ไม่ได้
ไหมแก้วเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง ปากตรงกับใจ และเก็บความรู้สึกไม่ได้เลย คิดยังไงพูดยังไงไม่ซับซ้อน แถมยังหัวแข็ง ไม่ชอบถูกบังคับ และเพราะแบบนี้ไง ไหมแก้วถึงได้มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเสมอ
“หรือฉันควรจะส่งแกไปถือศีลสักเดือนหนึ่งก่อนดีนะ แกจะได้ใจเย็นๆ ลงบ้าง”
รินรดาเอียงหน้ามองไหมแก้ว เพื่อนของหล่อนคนนี้ถึงแม้จะดื้อรั้น หัวแข็ง แต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนจิตใจดีมากๆ