เปลี่ยน

3566 Words
เสียงนักศึกษาฝึกงานหลายชีวิตพูดคุยกันเซ็งแซ่ไปทั้งบริเวณ "ไม่รู้ว่าพี่กี้เรียกพวกเรามาทำไมนะ" "หรือใครไปทำเรื่องอะไรไว้" "อยู่ๆ ก็เรียกแบบกะทันหัน" "ไหนว่าไม่ให้ขึ้นมาชั้นนี้ไง" นิรายืนนิ่ง เหงื่อแตกผลั่ก ทั้งๆ ที่เครื่องปรับอากาศทุกตัวก็ทำงานจนเสียงกระหึ่ม แต่เธอก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว มือหนาๆ ของชายหนุ่มจึงช่วยเขี่ยเส้นผมของเพื่อนสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมาเผชิญหน้าด้วยเพราะตกใจ "เป็นอะไรหรือเปล่าเล็ก เห็นทำท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่ขึ้นมาแล้ว" ธีระถามด้วยความเป็นห่วง นิราจึงแสร้งปรับสีหน้าให้เป็นปกติและส่งยิ้มให้ "เล็กแค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยน่ะ" "อ้าว แล้วไหวหรือเปล่า ไปพักมั้ย เดี๋ยวธีขออนุญาตพี่กี้ให้" เขาพ่นคำพูดออกมาพร้อมท่าทางเป็นห่วง จนนิราต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคืองกับท่าทางออกนอกหน้าของเพื่อน เพราะเหล่าบรรดานักศึกษาฝึกงานเริ่มหันมอง "ไม่เป็นไร เล็กไหว" รีบปฏิเสธทันควัน แต่เขาดูไม่เชื่อเท่าไหร่จนต้องวางหลังมือบนหน้าผาก ก็เพราะรู้นิสัยของนิราดี เธอขี้เกรงใจและไม่ชอบเป็นเป้าสายตา แต่เขาก็หักห้ามใจไม่ให้แสดงความเป็นห่วงเพื่อนจนออกนอกหน้าไม่ได้ "ตัวอุ่นๆ นะ" "งั้นหลังเจอพี่กี้แล้ว วันนี้เล็กลาก็ได้" ก็ไม่อยากให้เพื่อนตื่นตูมจนเกินไปจึงบอกแบบนั้น เพื่อให้เขาสบายใจ ซึ่งก็คงเป็นการดี ทั้งตัวเองได้พักและเพื่อนจะได้ไม่โวยวาย "ดีแล้ว ไม่ไหวอย่าฝืน" นิราเพียงทำหน้าตาทะเล้นใส่เพื่อนอย่างหยอกล้อ จนเขาต้องส่งมือไปขยี้ผมเพื่อนด้วยความหมั่นเขี้ยว สักพัก เสียงเซ็งแซ่ในห้องก็เงียบลงเพราะมีผู้เข้ามาใหม่นั่นคือกี้ "สวัสดีค่ะน้องๆ ที่พี่เรียกทุกคนมาวันนี้เพราะอยากจะแนะนำผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งให้ได้รู้จัก" แต่สักพักใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรของหล่อนก็เปลี่ยนไป "แต่ พี่มีเรื่องสำคัญกว่านั้น! " ทุกคนในห้องสะดุ้งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย "พี่เคยกำชับแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าห้ามขึ้นมาชั้นนี้เด็ดขาด" สิ้นคำของกี้ ก็มีเสียงซุบซิบจากเหล่านักศึกษา ใจความอยากรู้ว่าใครกันมันกล้าขัดคำสั่ง เพราะนั่นหมายถึง อาจจะทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปด้วย "ใครเหรอคะ ที่ขึ้นมาชั้นนี้" หนึ่งในนั้นถามออกมาอย่างอยากรู้ นิราที่อยู่แถวหลังเริ่มรู้สึกอึดอัดและอยากจะเป็นลม เพราะเธอคือคนนั้นที่ทุกคนต่างกำลังต่อว่า "เอาเป็นว่าไม่ต้องรู้หรอก แต่ถ้ายังขึ้นมาอีก พี่ไม่รับรองว่าทุกคนจะเดือดร้อนไปด้วยหรือเปล่า" พูดพลางเดินไปรอบๆ เพื่อให้เห็นใบหน้าของทุกๆ คน "เมื่อปีก่อน ท่านประธานส่งนักศึกษาฝึกงานกลับหมด ทั้งที่ใกล้จะจบอยู่แล้ว เพราะความผิดแบบเดียวกันนี้" เสียงอื้ออึงของทุกคนดังขึ้นอีก "ทำไมท่านไม่ให้ออกแค่คนเดียวล่ะคะ" ผู้กล้าคนเดิมถามอีก "ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านประธาน และวันนี้ทุกคนจะได้เจอเธอ" นั่นไม่ทำให้ทุกคนวางใจได้เลย และแน่นอนว่าเหล่านักศึกษาก็ต่างได้ยินเรื่องความน่ากลัวของท่านประธานจากปากของพนักงานแต่ละแผนกที่แอบนินทาหล่อนทุกวัน เลขาชาญชัยเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของตรีประดับและหยุดอยู่ข้างกายหล่อนพร้อมเอ่ยเตือนด้วยความสุภาพ "ได้เวลาแล้วครับคุณตรี" หล่อนกำลังยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ หันซ้ายทีขวาทีเพื่อสำรวจใบหน้าและร่างกายตัวเอง พร้อมคว้าเสื้อสูทสีขาวและทาบที่ตัว "คุณลุงว่า ตรีใส่สูทดีมั้ยคะ" ส่งยิ้มให้เขา และตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ "คงทางการไป" บอกกับตัวเองและเอื้อมมือไปแขวนไว้ที่เดิม และหยิบต่างหูเม็ดเล็กขึ้นมาใส่อย่างอารมณ์ดี นั่นทำให้เลขาชาญชัยยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู "ผมว่าใส่ดีกว่าครับ" "จริงเหรอคะ" หันมาทำตาโตใส่เขาอีกครั้งอย่างเห็นด้วย ตรีประดับก็เป็นแบบนี้ เธอมักจะทำตัวเป็นสาวไร้ความมั่นใจทุกครั้งราวกับเด็กน้อยเมื่ออยู่ตามลำพังกับเลขาชาญชัย ต่างจากภาพลักษณ์ท่านประธานแสนดุที่เหล่าพนักงานเกรงกลัว "ครับ" เขารู้ใจหล่อนดี "แต่คุณตรีควรไปให้ตรงเวลา" และกำชับ "ตรีเป็นท่านประธานนะคะ สายแค่ไม่กี่นาที ไม่มีใครกล้าว่าหรอกค่ะ" บอกออกมาด้วยใบหน้าตูมๆ พร้อมกระชับสวมสูทตัวยาวที่พอดีกับร่างกาย เพราะในที่สุดเธอก็เลือกที่จะเชื่อตัวเอง "ไม่ดีครับ เดี๋ยวจะเสียระบบ" เขาก็เป็นแบบนี้ มักเตือนสติเธอเป็นประจำ แม้บางอย่างจะขัดใจ แต่ก็ยอมทำตามอย่างง่ายดาย แน่นอนว่ากว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ เธอพยายามมาด้วยตัวเองก็จริง แต่เพราะมิตรภาพดีๆ จากชาญชัย หรือเลขาชาญของตรีประดับ ที่คอยสอนงาน และเป็นที่ปรึกษาในทุกๆ เรื่อง เธอจึงมาถึงจุดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ "งั้นขอเติมปากอีกนิดค่ะ" เธอยังคงต่อรอง พร้อมจรดลิปสติกสีไวน์ลงบนริมฝีปากอย่างบรรจง อันที่จริงก่อนออกจากบ้านเธอก็ลงสีจนชัดแล้ว แต่แค่ต้องเติมมันสักหน่อยเพื่อความมั่นใจ แต่หางตาก็ลอบมองเลขาชาญชัยที่ขอตัวไปรับโทรศัพท์ และเดินกลับมา "คุณสมรรอสายอยู่ครับ" บอกยิ้มๆ ให้ตรีประดับรับรู้ ซึ่งปฏิกิริยาคนเป็นนายเปลี่ยนไปทันที หล่อนวางแท่งลิปสติกลงบนถาดเครื่องประดับทันที ก่อนจะหันมาหาเขา "ตรีพร้อมแล้วค่ะ" พูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องตัวเองไป เพื่อปล่อยให้เลขาชาญได้รับหน้าแทนกับสายที่กำลังรอ 'พลั่ก' เสียงผลักประตูเข้ามา ตามด้วยร่างสูงสง่าของท้านประธาน กี้ชะงักทันที เรื่องที่กำลังพล่ามบอกเหล่านักศึกษาฝึกงานหยุดแบบกะทันหัน ท่าทางมั่นใจเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นลนๆ ราวกับคนละคน พร้อมเดินเข้าไปรับหน้าเจ้านาย ซึ่งสังเกตจากใบหน้าตรีประดับตอนนี้แล้ว มันทำให้เธอต้องคิดหนัก ใครกันมาทำให้เจ้านายหน้าบึ้งตึงขนาดนั้น เสียงก้าวเดินด้วยรองเท้าส้นสูงทำให้ต่างคนต่างให้ความสนใจและมองไม่วางตา ท่านประธานที่ใครๆ ต่างต่อว่าลับหลัง ช่างสวยจนไร้ที่ติ ทั้งใบหน้า รูปร่าง และเสื้อผ้าเครื่องประดับบนกาย ทันช่างน่ามอง แต่มีคนหนึ่งที่เอาแต่ขยับถอยหลังและเบี่ยงหลบ ไม่กล้ามองหน้า เพราะกลัวว่าจะเผลอไปสบตากับท่านประธานของทุกคน นั่นคือ นิรา "นี่คือท่านประธานของเรานะคะ ชื่อคุณตรีประดับ" ไม่ต้องบอกอะไร ทุกคนก็ยกมือไหว้และเอ่ยสวัสดีกันอย่างนอบน้อม ซึ่งก็ทำให้กี้พอใจเป็นอย่างมาก อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ไม่ต้องบอก และคงทำให้เจ้านายพอใจด้วย "เชิญแนะนำตัวทีละคนเลยค่ะ" ก็เพราะนี่คือครั้งแรกที่ท่านประธานอยากเจอเหล่านักศึกษาฝึกงาน กี้จึงเริ่มด้วยประโยคนี้แทน "ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะปรับเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย" พูดพร้อมกวาดมองไปจนทั่ว แต่ก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะไม่พบคนที่ต้องการจะเจอ "แถวหลังขึ้นมาข้างหน้าซิ" คงไม่ดีแน่ หากจะคอยเดินสำรวจหรือยื่นหน้าไปมองหา เสียภาพพจน์แน่ถ้าทำแบบนั้น จึงเป็นเรื่องชุลมุนนิดหน่อย แถวหน้าและแถวหลังต้องสลับกันยืน นั่นเพราะเกือบยี่สิบชีวิตไม่ทันได้ตั้งตัว และเมื่อเรียบร้อยดีแล้ว ตรีประดับก็แอบใช้สายตาลอบมองจนทั่วอีกครั้ง และก็ไม่ทำให้เธอพอใจนัก หันไปหาเลขา "มาครบใช่มั้ย" "ครบค่ะ สิบเก้าคน" ตอบทันควัน เธอมีข้อมูลทุกเรื่องที่เจ้านายอยากรู้ ตรีประดับทำท่าคิดอยู่สักพัก "เรียงหนึ่งแถว" สิ้นเสียงท่านประธาน เหล่านักศึกษาฝึกงานก็รีบทำตามทันทีอย่างไม่อิดออด แถมไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา แม้จะไม่เข้าใจก็ตาม ห้องประชุมที่ใครๆ ว่าใหญ่ในทีแรก ดูแคบลงทันที นั่นเพราะการยืนเรียงหน้ากระดานของเด็กสิบเก้าชีวิต และเหมือนเดิม ตรีประดับกวาดตามองจนทั่ว แต่รอบนี้เธอแอบลอบยิ้ม เพราะเจอคนที่ตามหาแล้ว ก่อนจะเอ่ยออกมา "ฉันเป็นคนใจดีนะ" พร้อมส่งยิ้มกว้างให้ทุกคน ทำให้เหล่านักศึกษายิ้มตามและโล่งใจ "แต่ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามกฎะเบียบ ซึ่งคุณกี้คงแจ้งพวกคุณแล้ว" เธอหมายถึงเลขาตนเอง "ต่อจากนี้ พวกคุณจะมีการปรับเปลี่ยนแผนก เพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถ" สิ้นเสียงของตรีประดับ นักศึกษาฝึกงานก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ไม่กล้าส่งเสียงใด "ยังไงก็ขอให้โชคดี อยู่รอดจนถึงวันสุดท้าย" ต่างคนต่างกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก แม้จะเป็นคำอวยพร แต่มันช่างทำให้คนฟังขนลุก ได้แต่มองตามคนสั่งที่ตอนนี้หล่อนกำลังเดินออกจากห้อง เสียงฝีเท้าของตรีประดับหยุดกึก เธอหยุดยืนใกล้ประตู  ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร "เจอกันอีกแล้วนะ สาวน้อย" พูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี ต่างจากนิรา เธอกำลังยืนนิ่งอึ้งทำตัวไม่ถูก ขณะที่ตอนนี้เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เช้า เธอได้รับข่าวสารในกลุ่มไลน์ของนักศึกษาฝึกงาน เรียกประชุมด่วน เพราะท่านประธานอยากพบ มันทำให้เธอกลัวไปหมด กลัวว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้ท่านประธานเรียกพบ เพื่อตำหนิจากเรื่องเมื่อวาน เพราะพี่กี้ดันเปิดหัวเรื่องมาด้วยถ้อยคำที่เป็นทางการ แถมต่อด้วยเรื่องกฎระเบียบ ร่ายยาวหลายบรรทัด ดังนั้นนิราจึงพยายามทำตัวให้เล็กที่สุด ตั้งแต่ตรีประดับก้าวเข้ามาในห้องประชุม ออกคำสั่งให้สลับจากแถวหลังไปแถวหน้า เธอก็ยืนนิ่งไม่ยอมย้ายไปตามคำสั่ง แต่เมื่อคำสั่งที่สองออกจากปากท่านประธาน นิราจึงไม่มีทางเลือก และเลือกไปอยู่ท้ายแถวหน้าประตูแทน เพราะมั่นใจว่าจะไม่เป็นที่สังเกต แต่เธอดันคิดน้อยไป มันกลับกลายเป็นเป้าสายตาโดยแท้ หลังจากออกจากห้องประชุม เพื่อแยกย้ายกลับไปยังแผนกตนเอง ก็มีเสียงจากกลุ่มไลน์ดังต่อเนื่องตลอด จากคนที่ไม่เป็นเป้าสายตา ไม่มีใครพูดถึง หรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่มีเพื่อน กลับมีแต่คนถามหา 'เล็กรู้จักกับท่านประธานเหรอ' 'รู้จักกันที่ไหน' 'เป็นอะไรกัน' 'งั้นพรุ่งนี้เราไปกินข้าวด้วยกันนะ' 'เสาร์นี้ว่างมั้ย ไปดูหนังกัน' และอีกมากมาย การที่ท่านประธานทักทายเธออย่างเป็นมิตร ทำให้เหล่านักศึกษาฝึกงานอยากรู้อยากเห็น และปฏิบัติต่อเธอใหม่ และคนที่สงสัยไม่แพ้คนอื่นก็คือธีระ เพื่อนชายคนสนิทที่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาถาม แต่เมื่อนิราไม่ตอบ เขาจึงเลิกถาม เพราะนั่นหมายถึง เพื่อนไม่สะดวกใจจะเล่า 'เล็กทานข้าวกับผมทุกวัน และเสาร์นี้เรานัดกันไว้แล้ว ขอบคุณเพื่อนทุกคนนะครับที่ห่วงใย' นี่คือข้อความจากธีระที่ตอบกลับแทนนิรา เขารู้ว่าเพื่อนคงลำบากใจ และเขาก็อยากปกป้อง และ เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องประชุม ก็มีอีกกลุ่มไลน์ที่ดังต่อเนื่องไม่แพ้กัน ห้าสิบกว่าชีวิต เท่าที่คนตั้งกลุ่มอย่างกี้ไว้เนื้อเชื่อใจ และทีมเดียวกัน 'กรี้ดดด ท่านประธานทักเด็กฝึกงานอย่างเป็นกันเอง ฉันล่ะหัวใจจะวาย' 'เด็กคนไหน เล่าซิ' 'ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย' 'ผู้หญิงย่ะ ชื่อเล็ก หน้าตาน่ารัก ดูซื่อๆ อธิบายไม่ถูก เดี๋ยวส่งรูปให้ดู' รูปภาพนิราจากแฟ้มฝึกงานถูกส่งไปยังกลุ่มลับ จำนวนคนอ่านพุ่งพรวด 'น่ารักดี' 'แผนกไหน' 'แผนกฉันเอง น้องมันซื่อบื้อ ใครอยากได้ เอาไปเลย' 'เห้ยๆๆ จริงเปล่าๆ เอามา เผื่อแผนกฉันจะได้เข้าตาท่านประธานบ้าง' แน่นอนว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มอยากแย่งชิงคนที่ท่านประธานรู้จัก 'แล้วตกลงเป็นอะไรกับท่านประธาน' 'น้องสาวหรือเปล่า ได้ข่าวลับๆ มาว่าคุณสมรมีลูกกับสามีคนที่สองด้วย' 'จริงเหรอ! วงในสุดๆ ' นั่นทำให้ทุกคนอึ้งกันหมดรัวส่งสติ้กเกอร์ราวกับอยากจะอวด 'งั้นพวกเราต้องทำดีกับน้องเล็กนะ' 'โอเค อันนี้ ฉันเห็นด้วย' 'แผนกเราซวยละ' ปิง พนักงานฝ่ายคอนเทนต์เริ่มบ่น 'ดูแลน้องดีๆ หน่อยนะ' กี้ช่วยกำชับ 'ซวยชะมัด! " จบบทสนทนาด้วยฟรัง ฟรังวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะ ก่อนจะชะโงกมองนิราผ่านพาทิชั่นกั้น ที่กำลังแยกเอกสารอยู่ที่โต๊ะพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง "น้องเล็ก เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีด" ประโยคนั้นทำให้เพื่อนร่วมงานอีกสองคนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างแปลกใจ แต่สักพักก็ยิ้มออกมาอย่างจับผิด คงเพราะหัวข้อเรื่องในกรุ๊ปไลน์ "ไม่ค่ะ หนูสบายดี" พูดพลางรีบรุดขึ้นยืน เพราะกลัวจะทำเรื่องที่ทำให้พี่เลี้ยงไม่พอใจ หรืออาจทำอะไรผิดพลาดอีก "พี่ฟรังมีอะไรจะใช้หนูเพิ่มอีกมั้ยคะ" คนฟังได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนบ้าง "ไม่เลย ไม่มี" รีบสวนทันควัน "เล็กเหนื่อยหรือเปล่า พี่ใช้งานหนักไปมั้ย" "ไม่ค่ะ แค่นี้เอง สบายมากค่ะ" บอกพร้อมส่งยิ้มให้อย่างเขินๆ ก็นานๆ ทีพี่เลี้ยงจะพูดจาเป็นห่วงเป็นใย แถมฟรังยังเดินเข้ามาใกล้และกวาดกองกระดาษและแฟ้มงานมากอดไว้ "แต่พี่ว่า วันนี้เล็กไม่ต้องทำงานหรอก" "ทำไมล่ะคะ หนู หนูโดนส่งกลับเหรอคะ" ถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเรื่องที่กี้เคยบอกยังอยู่ในหัวเธอตลอด หรือเธออาจจะเป็นผู้โชคดี โดนส่งกลับมหาวิทยาลัยกลางครัน "เปล่าเลย เปล่า แค่พี่คิดว่างานที่พี่ให้เล็กทำอาจจะหนักไป" รีบบอกทันที เกรงว่าเด็กสาวจะเข้าใจเธอผิด แล้วจะซวย หากตรีประดับรู้เข้าว่าใช้งานนิราหนัก นั่นทำให้คนฟังยืนนิ่ง กับการปฏิบัติของฟรังที่มีต่อเธอ "ไปนั่งตรงนั้นนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยพี่จะเรียก" พลางชี้ไปที่โซฟาหน้าทีวี "ค่ะ" แม้จะรู้สึกแปลก แต่ก็ยอมทิ้งงาน ไปนั่งหน้าทีวีตามคำสั่ง 'ติ้ง' เสียงจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้น นิรารีบหันไปหาพี่ๆ ในแผนกและก้มศีรษะเพื่อขอโทษทุกคน ก็เธอดันลืมปิดเสียง ครั้งก่อนก็เผลอลืมปิด เธอถูกดุเสียยกใหญ่ แต่คราวนี้ "ไม่เป็นไรจ้ะ เปิดเพลงเลยก็ได้นะ" พิ้งกี้รีบบอก ทั้งที่ก่อนหน้า หล่อนนั่นแหละที่เป็นคนดุ นิราจึงได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ให้ "เกินไป" ปิงส่งเสียงแซวลอยๆ ออกมา นั่นทำให้เพื่อนในแผนกทั้งสองที่ทำตัวออกนอกหน้าส่งค้อนให้วงใหญ่ 'กลับบ้านรึยังเล็ก' ไลน์ส่วนตัวจากธีระ 'ยังจ้ะ' ตอบกลับ พร้อมกดออก เธอเห็นการแจ้งเตือนของไลน์กลุ่มนักศึกษาฝึกงานเกือบหนึ่งร้อย จึงต้องเข้าไปดูเสียหน่อย เพราะปิดการแจ้งเตือน จึงไม่ได้ยินเสียงจากกลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งมาจากสมาชิกในกลุ่มที่พูดคุยกันตลอดเวลา ทั้งในเวลางานรวมถึงหลังเลิกงาน จนต้องกลั้นใจปิดการแจ้งเตือน และข่าวสารส่วนใหญ่ก็จะมาจากเพื่อนสนิทแทน "ไปกันใหญ่แล้ว" พอเลื่อนอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ก็อุทานออกมาไม่ดังนัก แต่ก็นึกขอบคุณธีระ ที่ตอบแทนเธอ เพราะถ้าจะให้ไปอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับท่านประธาน คงจะดูไม่ดีนัก ทั้งตัวเธอเองและตรีประดับเอง นิรากดออกจากกลุ่มไลน์ เพื่อจะเปิดเรื่องสนทนากับเพื่อนใหม่ แต่ยังไม่ทันได้ขอบคุณ เขาก็ส่งข้อความมารัวๆ จนกดปิดเสียงแทบไม่ทัน 'ทำไมยังไม่กลับอีก ไม่สบายก็ควรไปพักนะ เดี๋ยวไปหาที่ออฟฟิศ' 'ออกมาหาเราที ถึงหน้าออฟฟิศแล้ว' หลังจากอ่านข้อความ นิราก็รีบลุกขึ้นทันที และเดินไปหาฟรัง เพื่อขออนุญาต และมีหรือที่พี่เลี้ยงอย่างฟรังจะขัด หล่อนแทบจะเดินไปเปิดประตูให้ "ธี" เอ่ยเรียกเพื่อนที่ยืนหันหลังรอ "กลับบ้านเถอะ หน้าเล็กดูไม่ดีเลย เดี๋ยวธีลาพี่ฟรังให้" ตั้งแต่ทำงานมาเพื่อนสาวไม่เคยหยุดสักครั้ง แม้สภาพจะแย่เพียงใด "เป็นเมนส์ก็กลับไปพักเถอะ เดี๋ยวธีไปส่ง" เขาตัดสินใจให้และอาสา "หึ้ย.. ทำไมธีรู้ น่ากลัวนะเนี่ย" เอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง ก็เขาดันรู้รอบเดือนเธอเสียอย่างงั้น "ธีรู้เกือบทุกเรื่องของเล็กนั่นแหละ แล้วธีว่าตอนนี้ เล็กควรนอนพัก" "ก็ได้ๆ ตื๊อเก่งจัง" ได้ทีบ่นเพื่อนที่ทำตัวเหมือนเป็นพี่ชาย แถมเขายังยื่นมือไปขยี้เส้นผมเธออีก "อื้อ ผมยุ่งหมดแล้ว" ธีระทำแบบนี้กับเธอเป็นประจำ เหมือนกับนิราเป็นน้องสาว และเธอก็อุ่นใจทุกครั้งที่มีเพื่อนคนนี้อยู่เคียงข้าง ตรีประดับวางปากกาลงบนกองเอกสารเพราะในหัวเอาแต่คิดบางอย่าง "หน้าดุไปรึเปล่านะ" เธอเริ่มพูดกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินลุกจากที่นั่งไปยืนหน้ากระจก "อืม ก็ยังดูดี" พร้อมส่งยิ้มให้กระจกหนึ่งที "แต่คงต้องยิ้มอีกนิด" และถอดเสื้อสูทออกเพื่อจะแขวนไว้ที่เดิม หลังออกจากห้องประชุม เธอก็มุ่งหน้ามาเซ็นเอกสารกองโตจนเผลอลืม ในห้องส่วนตัวคงไม่ต้องเรียบร้อยนัก เพราะน้อยคนนักที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าห้อง ยืนบ่นกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงจากเลขาหน้าห้องทำลายความสุข "คุณสมรรอสายอยู่ค่ะท่านประธาน" เสียงโทรศัพท์ภายใน นั่นทำให้คนฟังกรอกตาไปมาอย่างรำคาญ ก่อนจะตอบกลับ "ส่งมาเลย" หมดวิธีจะเลี่ยงแล้ว เธอจึงต้องเผชิญหน้า 'กริ้ง..' ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเรียกของสายโทรศัพท์ ตรีประดับก็กดรับพร้อมปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ "ว่าไงคะแม่" "ตรีลูกรัก มาหาแม่หน่อยได้มั้ยลูก" "ไม่ได้ค่ะ อีกห้านาทีตรีมีประชุม" "ฮืออ.." เสียงร้องไห้พร้อมสะอึกสะอื้น "ถ้าแม่ตาย ลูกก็จะไม่สนใจใช่มั้ย"น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ คนฟังได้แต่ถอนหายใจอย่างรู้ทัน "อยู่ไหนคะ" เพราะไม่อยากจะฟังเรื่องที่คนแม่แต่งขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ หลังจากวางสายก็ออกจากห้องไป "ฉันจะกลับเลย" สั่งเลขาหน้าห้อง เพราะตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงเช้า ก่อนจะเดินห่างออกไป จุดหมายที่ทำให้เธอเสียเวลางานวันนี้คือโรงพยาบาล เธอไม่ได้มีประชุมตามที่บอกไป แถมรู้ดีว่าสิ่งที่แม่พรั่งพรูออกมา นั้นไม่จริงสักอย่าง แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเธอต้องทำหน้าที่ลูก เมื่อลงมาถึงด้านล่าง กำลังจะเดินไปขึ้นรถของตนเอง แต่สายตาก็พลันเหลือบไปเจอกับบางคน เธอจึงต้องเปลี่ยนเส้นทาง "จะไปไหนกัน" ถามออกมาอย่างมีมาด ทำให้ทั้งนิราและธีระ หันมาตามเสียงทัก และเมื่อรู้ว่าใครที่มาทักทาย ก็รีบก้มศีรษะให้อย่างกลัวๆ "คือ ผมจะไปส่งเล็กที่พักน่ะครับ" ธีระตอบ "เป็นอะไร ทำไมต้องไปตอนนี้ เลิกงานแล้วเหรอ" ถามอย่างจับผิด เพราะตอนนี้สายตาดันไปเห็นว่า ธีระกำลังจับมือนิราไม่ปล่อย "เล็กไม่สบาย ปวดท้อง เพราะเป็นวันนั้นของเดือนครับ" "แล้วจะไปยังไง" "ผมกำลังจะเรียกแท็กซี่ และอาสาไปส่งเล็กด้วยครับ" "เป็นใบ้เหรอ ฉันถามเธอนะ ทำไมให้เขาตอบไม่หยุด" รอบนี้ตรีประดับถามจี้นิราแทน และยังเดินเข้าใกล้ แถมยังจงใจฟาดมือไปที่แขนของธีระข้างที่เกาะกุมมือนิราด้วยความหมั่นไส้  "โอ้ย" เขาร้องเสียงหลงเพราะรู้สึกเจ็บแปลบและยอมปล่อยมือนิราเพื่อลูบคลำมือตนเอง จนตรีประดับแอบลอบยิ้มด้วยความสะใจ "เดี๋ยวฉันไปส่งเอง" หันไปบอกธีระด้วยน้ำเสียงดุๆ ก่อนจะหันหานิราอีกครั้ง "เธอคงไม่ปวดท้อง จนลืมบ้านตัวเองนะ" แต่เมื่อเห็นว่านิรายังคงยืนนิ่งทำตาปริบๆ ยิ่งน่าโมโหนัก จึงคว้าข้อมือเด็กสาว เพื่อจับจูงให้เดินไปขึ้นรถด้วยกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD