Ep.5 : เฟย์

4321 Words
“ต่อหน้ากล้องทำตัวน่ารักไว้เฟย์” “อย่าไปเกลือกกลั้วกับพวกมันได้ไหม มันก็แค่พวกดาราเกรด B” “จำไว้ เธอคือเบอร์หนึ่ง พวกมันก็ปลายแถว อย่าลดตัวไปยุ่งกับพวกมัน คบแค่คนที่ควรคบก็พอ เข้าใจไหมเฟย์” เสียงของมินตราที่ดังก้องอยู่ในหู สิ่งที่มินตราสอน สิ่งที่มินตราปลูกฝัง มันดังก้องอยู่ในหัว “พี่หาเธอเจอแล้วเฟย์” ภาพของมินตราที่พุ่งเข้ามาจะคว้าตัวเธอ มันทำเอาเฟย์ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เธอไม่ได้กลัวมินตราขนาดนั้น แต่เธอแค่ไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ไม่อยากกลับไปอยู่ในวงจรอุบาทว์นั่นอีก เพียงจะข่มตาให้หลับต่อมันก็หลับไม่ลง นึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะหนีมา ก่อนที่เฟย์จะหนี “พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง พี่ขายเฟย์ให้ผู้กำกับนั่นได้ไง” “วงการนี้ก็แบบนี้ อยากจะเป็นนางเอกเบอร์หนึ่ง อยากมีงาน อยากมีเงินนะเฟย์ ครั้งเดียวไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรเสียหาย” มินตราพูดกับสาวน้อยตัวเล็ก เพราะรับเงินหลักล้านจากผู้กำกับหนังทุนหนามาแล้ว ยังไงก็ต้องเกลี้ยกล่อมเฟย์ให้ได้ “แต่งานที่ผู้กำกับคนนั้นถ่าย มันโป๊มากเลยนะ หนังออกแนวอีโรติกเลยนะ” “ทำไมอะ ดารารุ่นใหญ่เค้าก็ยอมถ่ายกันเยอะ ซุปตาร์ดังๆ อย่างพลอยเค้าก็ถ่าย เฟย์ก็คิดว่ามันเป็นงานสิ มันก็แค่เลิฟซีน จะอะไรกันนักกันหนา ไม่ได้สอดใส่จริง เงินนะเฟย์ หลักเป็นสิบล้านเลยนะ ใครเล่นหนังให้ผู้กำกับคนนี้ก็ดังทั้งนั้น พี่ให้เวลาคิด 2 วัน อย่าดื้อกับพี่เลย พี่ขอ” ‘อยากถ่าย ทำไมไม่ไปถ่ายเองล่ะ’ ความคิดวูบแรกที่ดังขึ้นมาในหัว ทำให้สาวน้อยเดินเข้าห้อง แล้วปิดประตูดังปัง!!!!! แผนการที่จะหนีถูกวางเอาไว้มาได้สักพักแล้ว เพราะเฟย์ทนการกดขี่นี่ไม่ได้อีก สิ่งเดียวที่เธอรอตอนนี้ คือโอกาสเท่านั้น ปัจจุบัน เช้าวันรุ่งขึ้น เฟย์ Say :: อยู่แต่ในนี้เบื่อชะมัด น้ำร้อนก็แช่จนตัวเปื่อยแล้ว วันวันก็อยู่แต่ในบ้านพัก การเที่ยวที่เดิม พักที่เดิม ตลอด 2 อาทิตย์นี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลยยยยย อาาา นึกออกแล้ว คุณวายุบอกที่นี่มีมวยกรงนี่ ไปดูดีไหมนะ ดีสิ ดีกว่าอยู่เฉยๆ พอตัดสินใจได้ฉันคว้าหูฟังแบบครอบหัวที่ฉันใช้เป็นประจำ แทนที่จะหยิบแว่นตาเหมือนที่เคยเป็น อยู่ที่นี่ฉันไม่ต้องปิด แต่ก็ต้องหันกลับไปมองแว่นกันแดดอีกครั้ง ก่อนจะหยิบมันติดมือมาด้วย กันไว้ก่อนแล้วกัน เผื่อมีคนจำได้ ตอนนี้อะไรก็ไว้ใจไม่ได้มั้งนั้นอะ ฉันมาที่เลาจน์ของรีสอร์ตแล้วตรงดิ่งมาหาบาร์เทนเดอร์ เอาจริงๆ ฉันรู้จักแค่คนเดียว เพราะฉันเป็นขาประจำของ สตรอว์เบอร์รี่ ไดคีรีที่นี่ ฉันถามบาร์เทนเดอร์ถึงพิกัดของเวทีมวย ซึ่งเค้าก็ตอบว่า ‘เดินไปหลังรีสอร์ตแล้วเลี้ยวซ้ายครับ ตอนนี้คู่แรกน่าจะเริ่มชกแล้ว’ ฉันเลยรีบเร่งฝีเท้าไปตามทางที่เค้าบอกทันที “ทางแยกแล้วซ้ายสินะ” ฉันเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็เจออาคารขนาดใหญ่ ซึ่งมีรถหรูมากมายจอดกันแน่นขนัด โห...มีแต่พวกคนรวยแฮะที่นี่ ทำไมเวทีมวยมันเงียบจัง ฉันเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนเจอคนมากมายที่ยืนพูดคุย ทุกคนใส่ชุดราตรีสวยสะดุดตา แต่เวทีมวยมันต้องแต่งตัวเต็มขนาดนี้เลยหรอ ฉันหยิบแว่นดำขนาดใหญ่มาใส่เพื่อพรางใบหน้าดีนะที่พกมา “บัตรเชิญครับ” “ต้องใช้บัตรเชิญด้วยหรอคะ” เวทีมวยต้องใช้บัตรเชิญด้วยหรอ “เธอมากับผมเอง อันนี้บัตรเชิญของผม” ชายวัยกลางคนร่างท้วมเดินมาโอบไหล่ แล้วพาฉันเข้ามาข้างในด้วย อย่าใช้คำว่าพาเข้ามา ใช้คำว่าบังคับเข้ามา เพราะลูกน้องที่ปิดหน้า ปิดหลัง จนฉันหนีออกไปไม่ได้ ฉันพยายามจะหนี แต่เค้าก็ล็อกไหล่เอาไว้แน่น อะไรกันเนี่ย “ฉันไม่อยากเข้าไปแล้วค่ะ ฉันจะกลับ” “คุณเฟย์ ผมเห็นคุณแว็บเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคุณ ผมเนี่ยแฟนคลับตัวยงของคุณเลย ตัวจริงน่ารักจังเลย ถือว่าผมพาคุณเปิดหูเปิดตานะครับ คุณมาเที่ยวหรอ หายป่วยรึยัง ข่าวบอกคุณหายตัวไป ที่แท้มาอยู่ที่นี่เอง” เค้าบีบไหล่ของฉันแน่นขึ้นอีก “ปล่อยฉันค่ะ” ฉันเชิ่ดหน้าขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวที่มีในใจ แม้จะกลัวจนตัวสั่น แต่แสดงออกไปว่าไม่กลัว พอเข้ามาในงาน เก้าอี้กำมะหยี่สีกรมเรียงราย คนมากมายแต่งตัวเต็มยศ นั่งเชิดคอโชว์เครื่องเพชร ไม่หนักคือกันรึไง ทำไมที่นี่ถึงไม่ใช่สนามมวย “งานประมูลเพชร ควีนของงานนี้ คือ Pink Diamond ถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมจะประมูลมันมาให้คุณ นางฟ้าของผม ผมรวยมากนะ” ชายร่างท้วมพยายามจะเข้ามาสัมผัสใบหน้าของฉัน ทำให้ฉันต้องหลบจนไปชนลูกน้องของเค้า “ฉันไม่สนว่าคุณจะรวยแค่ไหน เพชรอะฉันซื้อเองได้ค่ะ ระดับอย่างฉันไม่อยากได้หรอกของคนอื่น” ฉันตอกกลับคนที่พยายามจะลวนลามฉันด้วยสายตา “พยศดีซะด้วย” “ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับ เอามือสกปรกของคุณออกไปได้แล้ว ถ้าคุณไม่ปล่อย ฉันจะร้องให้คนช่วย” ฉันสะบัดแขนของเค้าออก แม้จะกลัว แต่จะให้เค้ามาคิดว่าฉันเป็นของเล่นไม่ได้ “ใคร ใครมันจะมาช่วยคุณ ต่อให้ตอนนี้ผมข่มขืนคุณตรงนี้ ก็ไม่มีใครช่วย รู้เอาไว้ด้วย เป็นตุ๊กตาของผมเถอะนะ ผมจะเลี้ยงอย่างดีเลย” เค้าทำท่าจะก้มลงมาจูบฉัน ทำให้ฉันต้องจิ้มตาเค้าเข้าให้อย่างแรง แล้วก้าวหนี ทันที แต่เพราะแว่นดำที่ใส่มันทำให้ห้องที่มีแค่แสงไฟสลัวๆ มืดขึ้นไปอีก จนสะดุดกับบันไดเตี้ยๆ ที่ต่างระดับ ให้เค้าจับได้อีกครั้ง “ปล่อยนะ” “ได้โปรดปล่อยตามคำขอของเธอด้วย” เสียงทุ้มที่ดัง ทำเอาฉันต้องหันไปมองต้นเสียง ชาย 3 คนเดินเข้ามาพร้อมกัน อย่างกับบอยแบรนด์เลยแฮะ “3 สิงห์มากันครบเลยนะครับ ต้องขอโทษด้วยเธอมากับผม ดื้อจริงๆ ผมจะจัดการเองครับ” “เธอจะมากับคุณได้ยังไง เธอเป็นผู้หญิงของผม ถ้าขืนคุณยังแตะผู้หญิงของผมอีก เท่ากับคุณจะมีปัญหากับผมด้วย” คนที่พูดมองชายร่างท้วมด้วยสายตาเย็นๆ จนน่ากลัว ฉันเงยหน้ามองคนที่กำลังพูดอยู่ ก่อนจะตามน้ำ สะบัดมือชายร่างท้วมนั้นออกแล้วไปควงแขนคุณวายุทันที “วาขาาา เค้าไม่ยอมปล่อยฉัน บอกจะให้ฉันไปเป็นตุ๊กตาของเค้า” “ผมปล่อยแล้ว ใครจะรู้ว่าเด็กคุณวา ผมแค่แฟนคลับเธอ” เค้ายอมถอยแต่โดยดี แต่คุณวายุที่คว้าแขนฉันนะสิ กระชากจนรู้สึกเจ็บ เค้าลากฉันมากับเค้าด้วยจนเจ็บไปหมด ไปโกรธอะไรมา “ไอ้วาโกรธว่ะไอ้ดิน” “ดูไปก่อน” เสียงจากชายหนุ่ม 2 คนที่กระซิบกระซาบทำเอาฉันต้องสะบัดแขนของคุณวายุออก เค้าจะโกรธอะไรก็ช่าง แต่ช่วยฉันแล้วก็ปล่อยฉันกลับไปสิ “จะก่อเรื่องอะไรอีก นี่มันไม่ใช่ที่ของคุณ มาทำไม!!!” เค้าตะคอกใส่ฉันเสียงดัน แถมยังมาทำหน้าดุใส่อีก ก็รู้แล้วว่าผิด สำนึกผิดไม่ทันแล้ววววว “ใครจะไปรู้ ฉันก็เป็นแขกที่นี่ ฉันมาไม่ได้รึไง จะตะคอกขึ้นเสียงทำไมก็ไม่รู้” “ถ้าผมมาไม่ทัน ป่านนี้จะเป็นยังไง อยาก One Night Stand กับใครหลายๆ คนงั้นหรอ พอ ไม่พูดด้วยแล้ว” ร่างเล็กๆ ของฉันถูกเหวี่ยงไปชนกับคนข้างหลังที่เดินตามมา “ฉันเจ็บนะ” ฉันขึ้นเสียงใส่คุณวายุ แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้สนใจฉันแล้ว แต่กลับไปคุยกับชายสองคนที่ตอนนี้อยู่หลังฉันแทน คนนึงฉันรู้จัก เพราะฉันมางานแต่งเค้า กับพอใจ แต่อีกคนฉันไม่รู้จัก “ฝากหน่อยนะ อย่าให้เพ่นพ่าน เดี๋ยวฉันจะมาจัดการกับยัยนี่เอง ตอนนี้มันถึงเวลาแล้ว ผิดเวลามันจะไม่ดี ฉันไม่โกงให้นะ อยากได้พวกพี่ 2 คนต้องสู้ราคากันเองนะ ฉันลงทุนไปเยอะ งานนี้ฉันไม่ช่วย” พอพูดจบคุณวายุ ก็เดินดุ่มๆ ขึ้นเวทีไปเลย ทิ้งฉันเอาไว้กับชายหนุ่มๆ ทั้งสองคน “เค้าไปแล้ว ฉันก็ควรไปบ้าง” “ไปเถอะครับ เราไปนั่งด้วยกัน อย่าให้ไอ้วามันโมโหเลย น่ากลัวนะ” คุณอัคคีลากฉันมานั่งที่โซฟากับเค้าด้วย ทำไมถึงได้ถูกลากไปลากมาแบบนี้ โอ้ย....ไหนเวทีมวยวะ แล้วทำไมฉันต้องถูกนั่งขนาบข้างแบบนี้ล่ะ ฉันมองคนที่ประมูลเครื่องเพชรกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เห็นคนข้างๆ ฉันจะประมูลกับเค้าเลย รออะไรอะ เฮ้ออออ ฉันจะต้องมาดูอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย น่าเบื่อ น่าเบื่อสุดๆ [ต่อไปเป็น ควีนของงานวันนี้แล้วนะครับ Pink Diamond เกรด Fancy Color ที่ว่ากันว่าหายากและมูลค่าสูงมาก Pink Diamond เป็นตัวแทนของความรัก และเป็นที่ต้องการมากของนักสะสม ใครเล่นเพชรรู้ใช่ไหมครับ ว่ามันหายากแค่ไหน แต่วันนี้มันอยู่ตรงนี้แล้ว] เสียงของคุณวายุที่พูดออกไมค์ ถึงเพชรเม็ดน้อยที่อยู่บนแท่นวาง เพรชเม็ดเล็กๆ ถูกฉายขึ้นจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ เพื่อให้แขกในงานได้ดู สวยจังเลยแฮะ เพชรสีชมพูมันจะราคาขาดไหนกันนะ “ฉันจะเอาไอ้ดิน” “อย่ามาตลกได้ไหม ฉันจะเอาไปให้เมียเป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน 6 ปี” “กูจะเอาไง” แล้วทำไมต้องมาเถียงข้ามหน้าฉันด้วยล้าาาาาา ฉันพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับถูกมือใหญ่ๆ กดไหล่จนนั่งกลับมาอย่างเดิม เง้ออออ แล้วจะให้ฉันทำอะไร หลับมันเลยแล้วกัน ฉันหยิบหูฟังที่คล้องอยู่ที่คอขึ้นมาใส่ ก่อนจะกดเปิดเพลงเร่งเสียงแล้วหลับมันซะเลย วายุ Say :: “สภาพตอนหลับนี่ ใช้ได้เลย” เฮียคีชี้ดาราสาวสายแบ๊ว ที่ตอนนี้นั่งหัวทิ่มคอหัก หมดสภาพไปเลย “เค้าจะรู้ไหมว่างานจบแล้ว” พี่ดินถามถึงคนที่ไม่ยอมตื่นสักที แม้ตอนนี้แขกจะเริ่มทยอยออกจนเกือบหมดแล้ว “ยังไง ยังไง ผู้หญิงของผม โห...ได้ยินคำนี้จากปากวายุ แล้วกูขนลุก” เฮียเอ่ยแซว ด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย ฮึ่ยยยยย มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย “พูดอะไรน่าขนลุกหน่าเฮีย แค่ช่วยเค้าเฉยๆ แค่เนื้อโกเบหน่า พี่ชอบอาหารลงด้วยหรอ” “ฉันกลับล่ะ ฉันได้เพชรแล้วนิ อ่อ...ไอ้วา แต่ก่อนฉันก็คิดแบบแก ตอนนี้ล่ะ” พี่ดินตบไหล่ผมเบาๆ แล้วยิ้มมุมปากออกมา จนผมต้องปัดมือของเค้าออกจากไหล่ อย่ามาเอาผมไปรวมกับพี่ได้ไหม “เบื่อคนขิงว่ะ” “ขอบใจนะไอ้คีที่ยอมถอยให้ บอกเลยว่าแกกับฉันยังห่างกันหลายชั้น เงินในบัญชีก็เช่นกัน ไปละ วันอาทิตย์เจอกัน” “มันไปเอาเงินจากไหนเยอะแยะวะ แม่ง...กลับบ้านละ แค้นใจเว้ย แม่ง กูยก 50 ล้าน แม่งยังเสือกสู้ บอกเลยต่อไปกูจะไม่ยอมแพ้มันแน่ๆ วุ้วววว เซ็ง” แล้วเฮียคีก็เดินตามออกไปติดๆ เป็นการทำกำไรกับครอบครัวที่รู้สึกดีจริงๆ ผมเดินไปหาคนที่นั่งหลับคอหักอยู่ที่เก้าอี้กำมะหยี่ ในห้องที่ตอนนี้แทบจะไร้ผู้คน ที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาวิ่งเล่น ต้องจัดการสักหน่อย ต่อไปจะได้ไม่มาที่นี่อีก ผมใช้มือถือแอบถ่ายเธอตอนหลับเอาไว้ เผื่อเอาไว้แบล็กเมล์ “คุณ คุณ...คุณณณณณ เฟย์!!!!” ผมดึงหูฟังที่เธอใส่อยู่ออก แล้วเรียกเธอเสียงดัง “ค่ะ มาค่าาาาาคุณครู” เธอสะดุ้งตื่นด้วยท่าทางตกใจ ก่อนจะหันหน้ามาค้อนใส่ผม คุณครูหรอ ฝันไปถึงไหนของเธอเนี่ยยยยย “ไป....กลับ ที่นี่มันไม่ใช่ที่ ที่เด็กจะมาวิ่งเล่น ต่อไปห้ามมาที่นี่อีก ถ้าใครเค้าจะทำอะไรคุณอะ จะไม่มีใครช่วยคุณเลยนะ หัดรู้ไว้ซะด้วย แต่ถ้าคุณจะเก็บแต้มเยอะๆ ผมจะไม่ยุ่งกับคุณเลย” “ปากคุณนี่มันแย่จริงๆ ทุเรศ ฉันแค่หลงเข้ามา ก็แค่นั้น ใครจะไปรู้ว่าจะโดนชวนไปเป็นตุ๊กตา ด่ามากสำนึกผิดไม่ทันแล้ว ตะ...แต่ฉันไม่ขอบคุณคุณหรอกนะ เพราะคุณโมเมว่าฉันเป็นผู้หญิงของคุณ ที่จริงมันไม่ใช่!!!!” “คิดดูดีๆ” “ไม่ใช่!!!!! อย่าพูดมันออกมานะ ฉันไม่คุยกับคุณแลัว” เธอแผดเสียงใส่ผมเสียงดัง เพื่อไม่ผมพูดเรื่องคืนนั้น แล้วก็รีบเดินจ้ำๆ หนีผม โธ่เอ้ยยยย!!! ที่แท้ตัวเองก็รู้สึกเหมือนกันละว้า แล้วทำเป็นเชิ่ด เริ่ด หยิ่ง “จะไปไหน เดี๋ยวก็โดนฉุดอีกนะ” ประโยคของผมทำเอาคนที่เดินจ้ำๆ ไม่หยุด ต้องเดินถอยหลังมาหาผมแล้วก็เชิ่ดใส่ผมอีกครั้ง “ฉันไม่ได้กลัวนะ ฉันจำทางกลับไม่ได้” ตึกๆ ๆ ตึกๆ ๆ หัวใจเต้นรัวและบีบขนาดนี้ กลัวสินะ ยัยนี่เคยพูดอะไรที่เป็นความจริงกับเค้าบ้างไหม โกหกทุกเรื่อง แถมยังโกหกหน้าตายมากซะด้วย “ห้ามมาที่นี่อีก เพราะตอนกลางวันพวกเสี่ยแก่ๆ เค้ามาคุยกัน คนที่เดินที่นี่ คือยินยอมพร้อมใจที่จะนอนกับพวกนั้นเพื่อแลกเงิน ที่นี่มันไม่ได้เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ของคุณ ผมเตือนตุณแล้วนะ” “อืม ไม่มาแล่ว” “ดีมาก” เราพากันเดินกลับที่เลาจน์ ทันทีที่เข้ามาถึงไอ้เตก็ถามถึงความสนุกที่ไปดูมวย อ๋อ...ที่แท้ก็จะไปเวทีมวยนี่เอง แล้วถามทางใครไม่ถาม มาถามไอ้เต โอ้ยยยย เกือบโดนลากไปแล้วไหมล่ะ “ฉันเลี้ยงคุณเองก็แล้วกัน ขอบคุณที่คุณช่วย ฉันก็ไม่ใช่คนที่ไร้น้ำใจอะไร” เธอพูดพลางเชิ่ดคอขึ้น เชิ่ด เชิ่ดอีกแล้ว อยากตัดคอเธอทิ้งจริงๆ คนอะไรเชิ่ดจนจะเป็นยีราฟอยู่แล้ว แล้วคนอย่างวายุ จะมาให้สาวเลี้ยงได้ไง เสียชื่อตายเลย “เคียนติหรือวอสก้าดีครับคุณวา ส่วนคุณเฟย์สตรอว์เบอร์รี่ ไดคีรี เหมือนเดิมสินะครับ” ยัยนี่มาดื่มทุกวันจนไอ้เตมันจำได้เลยหรอ “เคียนติ ไอ้เต แกบอกทางแขกผิดอีกแล้ว" “งั้นหรอครับ ถึงทางแยกแล้วซ้ายไงครับ ไม่น่าจะผิดนะ” เตทำหน้าตกใจ แต่มึงจะมาตกใจอะไรไอ้เต มึงบอกผิดทุกทีที่มีคนถามนั่นแหละ “ซ้ายมึงหรือซ้ายเค้า” “ซ้ายผม” “บอกทางคนอื่นไอ้ห่า จะบอกซ้ายมึงทำไม หลงไปถึงงานประมูล ดีนะกูเจอก่อน ไม่งั้นกลายเป็นตุ๊กตาไปแล้ว วันหลังบอกทางแขกซ้ายเค้าไม่ใช่ซ้ายมึง จำไว้” “กราบขอโทษจริงๆ ครับคุณเฟย์ ผมจะขอเลี้ยงเครื่องดื่มเป็นการตอบแทน” “ไม่ต้อง....กูเลี้ยงแล้ว” ผมมองไอ้เตด้วยสายตาเย็นๆ จะมายืนวอแวอีกนานไหม ไวน์กูล่ะ ไอ้นี่เอาใหญ่แล้ว “ฉันว่าฉันขี้วีนแล้วนะ เจอคุณนี่ชิดซ้ายเลย” เสียงเล็กหัวเราะออกมาเบาๆ “ใช่ที่ไหน ผมไม่ได้ขี้วีน แค่ดุคุณแล้ว ต้องมาดุคนที่ทำให้เรื่องมันเกิดด้วย ดุคุณคนเดียวแฟร์หรอ ว่าแค่คุณเถอะไม่ไปไหนหรอ อยู่นี่มา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว ไม่เห็นจะไปไหนเลย ไม่เบื่อหรอ” “ไม่...ฉันไม่เบื่อ ฉันสบายดี แล้วมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ” ตึกๆ ตึกๆ ทำไมเสียงหัวใจเธอมันสวนทางกับการกระทำอีกแล้ว เธอโกหกอีกแล้ว เคยพูดอะไรจริงบ้างไหมเนี่ย คบไม่ได้เลยโกหกทุกคำ ไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกเสิร์ฟให้เราทั้งสองคน ที่นั่งอยู่หน้าเคาต์เตอร์บาร์ “อยู่ที่นี่ จะไม่มีใครเจอฉันจริงๆ ใช่ไหมคุณ” เธอถามผมด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่เสียงหัวใจของเธอกลับเต้นผิดจังหวะและบีบมากๆ เธอกำลังกลัวสินะ “ก็ใช่ แต่ถ้าคนที่คุณหนีอยู่ไม่ใช่ตำรวจ ถ้าเค้ามาเป็นแขก ผมก็ต้องต้อนรับ” “เสียตั้งแพง ดันไม่ปลอดภัยอีก ไม่ได้เรื่อง แบบนี้ย้ายรีสอร์ตดีกว่า” พอเธอพูดจบ เธอก็กระดกแก้วค็อกเทลเข้าปากพรวดเดียวหมดแก้ว ผมเลยส่งสายตาให้ไอ้เตเอามาให้เธอใหม่ เพียงไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกเอามาตั้งให้เธออีกครั้ง แล้วคุณจะมาโทษผมได้ไง ที่นี่จะให้ปิดรับคุณคนเดียวรึไง ยัยนี่นิสัยไม่น่าคบเอาซะเลย “บอกผมได้ไหมว่าหนีใครอยู่ ผมอาจจะช่วยคุณได้ก็ได้ อย่างน้อยก็จะได้กันให้ออกไป หรือซ่อนคุณไว้ถ้ามันจำเป็น” ผมเสนอหนทางช่วยเหลือให้เธอ เธอมีสีหน้าครุ่นคิดว่าจะตอบหรือไม่ตอบดี ก่อนจะยอมเล่ามันออกมาแต่โดยดี ว่าเธอกำลังหนีผู้จัดการส่วนตัวของเธออยู่ และผู้จัดการส่วนตัวต้องมาเอาตัวทำเงินอย่าเธอกลับแน่ๆ แต่เธอไม่อยากกลับไปอีกแล้ว “แล้วงานละ” “ที่สำคัญก็ไม่มีอะไรแล้ว ที่เหลือก็พวกงานพรีเซนเตอร์ เงินที่เค้าได้จากฉันไป คืนเงินลูกค้าได้สบาย จะห่วงก็แต่คอนเสิร์ต แฟนคลับเค้าคาดหวังกันมากๆ” แล้วเธอก็กระดกพรวดเดียวหมดแก้วอีกครั้ง แค่ 2 แก้ว หน้าเธอก็เริ่มแดงมีสีเลือดฝาด หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย ผมเลยให้ไอ้เตเอามาให้เธออีก “งั้นคุณจะอยู่ที่นี่จนเรื่องซางั้นหรอ” “ใช่ ฉันไม่อยากกลับไปแล้ว 8 ปีแล้วที่ฉันต้องทน ฉันเกลียด จูบจริงเลย น้องโอเค โอเคกับผีสิ พระเอกบางคนก็ไม่ได้นิสัยดี แต่เอาปากแตะๆ ก็พอรับได้ แต่ไอ้ที่มันพยายามจะขยับมันก็รับไม่ได้” แล้วเธอก็กระดกแก้วค็อกเทลเข้าปากอีกแล้ว ก่อนจะสั่งเองเลยให้เอามาอีก มันอัดอั้นขนาดนั้นเลยหรอ แล้วไปทำกับเค้าทำไมตั้งแต่แรก “แต่ถ้าคุณหนี คุณจะต้องหนีตลอด แล้วจะหนีไปถึงเมื่อไหร่” “ไม่รู้อะ แค่ไม่อยากกลับไป เค้าพยายามบังคับถ่ายหนังอีโรติก เค้าบอกว่าเล่นกับผู้กำกับคนนี้ ดังเปรี้ยงทุกคน แต่ฉันไม่อยากทำไง เค้าบอกมันไม่ต้องสอดใส่ แค่เลิฟซีนก็แค่นั้น คุณมันได้หรอ ให้ผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้ มาลูบไปลูบมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าผู้กำกับจะพอใจ ไม่ใช่แค่พระเอกคนเดียวที่เห็นเราแก้ผ้านะ ตากล้อง ผู้กำกับ ช่างไฟ เด็กตีสเลท ทุกคนอะ เพียงเพื่อเงินงั้นหรอ” แล้วจู่ๆ เธอก็ปล่อยโฮออกมา พร้อมกับกระดกแก้วค็อกเทลเข้าปากจนหมดแก้ว เบาๆ หน่อยแม่คุณ 5 แก้วแล้วนะ ผมไม่เคยรู้เลยในชีวิตของนักแสดงต้องมาทำอะไรแบบนี้ แล้วมาร้องไห้ต่อหน้าผมแบบนี้ ผมควรทำยังไงละเนี่ย จะดึงมาปลอบจะด่าผมไหมเนี่ย ผมเลยทำได้แค่ส่งทิชชูเพื่อให้เธอซับน้ำตา แต่ไอ้เตเหมือนจะรู้ใส่เอาเครื่องดื่มมาวางให้เธออีกแก้ว “ฉันต้องถูกบังคับให้วางตัวให้อยู่เหนือใคร และสดใสต่อหน้ากล้อง บางทีวันนั้นฉันทำงานยันเช้า ง่วงจะตาย ร่างกายแทบจะแหลก แต่ถ้าปั้นยิ้มสดใส แม้จะตาย ก็ต้องยิ้มออกมา ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นงานเยอะแค่ไหน แต่ฉันมีงานตลอด 7 วัน เช้า เย็น ละคร ซ้อนละคร เช้าละคร บ่ายซีรี่ย์ ทั้งที่ตอนมาทำครั้งแรก เค้าบอกว่า พี่จะทำให้หนูได้ร้องเพลงต่อหน้าคนเยอะๆ มันผิดเองที่ฉันโง่” เธอกระดกแก้วค็อกเทลจนหมดอีกแล้ว แล้วตอนนี้ก็ยิ่งร้องไห้ด้วย เธอคงอยากจะหาคนระบายมานานแล้ว เมาแล้วพอๆ ยิ่งเมาแล้วพูดมากนะเธอเนี่ย ผมปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ “คุณเข้าใจว่าคู่จิ้นไหม แค่ในจอมันก็แย่แล้ว นอกจอฉันต้องไปไหนมาไหนกับพระเอกหลายคน เพื่อให้นักข่าวเห็น เพื่อให้ได้ซีน เพื่อให้คนที่เห็นถ่ายภาพ เพื่อให้มีพื้นที่สื่อ ฉันอยากจะบอกว่า ไอ้พระเอกคนนี้มันนิสัยเลวโว้ยยยย บางคนก็มือปลาหมึก บางคนก็ชอบทำตัวเด่น ตอนที่เดท ฉันอยากจะกรี๊ดดดดดด ใส่หน้ามันไปเลย” “ต่อไปคุณจะไม่ต้องกลับไปทำอะไรพวกนี้อีกแล้ว แต่ผมไม่สนับสนุนให้หนี เพราะคุณจะเป็นแค่คนที่ไม่มีความรับผิดชอบทันที” “ฉันควรทำยังไงคะ” เธอถามผมแต่น้ำตาของเธอกลับไหลออกมามากมาย “ผมว่าเราควรเลิกคุยเรื่องนี้” แล้วผมก็ทนไม่ไหว ดึงเธอมาซบลงที่อก แล้วกอดปลอบเธออยู่แบบนั้น เพียงแค่ผมตบหลังเธอเบาๆ เธอก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง ดีที่เลาจน์ตอนนี้มีเพียงแค่ผมกับเธอเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้เธออายุแค่นี้เอง เธอต้องทำงานอย่างหนัก เหมือนผมเห็นตัวเองในตัวเธอเลย ผมกอดเธออยู่แบบนั้น จนเธอหยุดร้องไห้ ผมเลยค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก “จริงๆ ผมก็ทำงานที่นี่ตั้งแต่ 15 นะ มันยากมาก สำหรับเด็กอายุ 15 มันไม่ใช่แค่คุณสักหน่อย ที่เจอเรื่องแย่ๆ แต่คุณแค่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน โลกนี้มันไม่เคยยุติธรรม คุณเลยต้องสร้างความยุติธรรมให้ตัวเอง” แล้วเธอก็กระดกแก้วเครื่องดื่มเข้าปากอีกครั้ง พอๆ พอแล้วอีหนู เมามากแล้ว ผมหันไปสั่งไอ้เต ไม่ให้เอามาให้เธอแล้ว “ใช่มันไม่เคยยุติธรรม แล้วคุณล่ะ ยุติธรรมไหม” “ไม่ ผมเนี่ยตัวไม่ยุติธรรมเลย แล้วผมคิดว่าคุณเมามากแล้ว ผมไปส่งคุณที่บ้านพักดีกว่า” “ขออีกแก้วนะ” จ้าาา แม่คุณ คออ่อน แต่กินเก่ง “พอแล้วลำยอง คุณจะต้องกลับบ้านพักแล้ว” ผมต้องอุ้มเธอมาส่งที่บ้านพัก เพราะตัวเธอไม่ยอมเดิน มาส่งถึงห้องนอน เธอยังมีหน้ามาขออีกแก้ว เธอนี่มันขี้เมาดีจริงๆ เลยยยย ห้ามอ้วกนะ สูทนี่แพงนะบอกเอาไว้เลย ผมยังคงยืนมองเด็กสาวขี้เมา ที่เดินเซไปเซมาจนหล่นตุ๊บลงข้างเตียง จนไม่ได้ถอดสูทตัวนอกออกกันเธออ้วกใส่ แล้วไปประคองเธอขึ้นมา แต่พอมองเธอใกล้ๆ แล้วนั้น ริมฝีปากเธอน่ารักจัง ตัวเธอเล็กจนเบาหวิว ตากลมโตที่กะพริบช้าๆ เพราะความเมา มันทำให้ผมคิดว่า อื้มมมมมมมม อดมาเป็นอาทิตย์แล้วนะวายุ “คุณยังอยากจูบผมอยู่รึเปล่า” เธอไม่ได้ตอบอะไร เหมือนจะยังอึนๆ แล้วยังกะพริบตาใส่ผม ไม่ตอบแสดงว่าโอเคนะ ผมประทับริมฝีปากลงบนปากเล็กๆ ของเธอ รสสตรอว์เบอร์รี่หวานๆ ยังอบอวลอยู่ในปากเธออยู่เลย หวานจัง ผมวางเธอลงบนขอบเตียง โดยที่ไม่ยอมให้ปากของเธอเป็นอิสระเลย ริมฝีปากที่ขยับตามช้าๆ ของเธอ มันเริ่มทำให้จูบของเธอหวานยิ่งขึ้นไปอีก “จูบกับผม คุณโอเคไหม” “อื้ม” อ่ออออ แบบนี้นิเอง เธอเป็นพวกปากกับใจไม่ตรงกันสินะ ตอนไม่เมาทำเป็นรังเกียจเรา หนอยยยย แบบนี้ต้องเอาให้เข็ด ผมประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง พร้อมกับคลายกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมให้มันหายอึดอัด ก่อนจะรวบเธอเข้ามากอด แล้วสอดลิ้นเข้าไปในปากเล็กๆ เพื่อตวัดเกี่ยวลิ้นของเธอที่ไม่รู้งานเอาซะเลย เพราะตอนนี้ลิ้นของเธอพยายามจะหนี แต่หนียังไงก็หนีผมไม่พ้นหรอก กลิ่นลมหายใจที่ผสมกลิ่นแอลกอฮอล์ มันกระตุ้นอารมณ์ดีจัง =====================
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD