“ไม่เอาหรอกค่ะ สำหรับพี่ต้องดีที่สุด น้องพลอยกินเถอะค่ะ” ปราบนึกระอาใจ แต่ปากก็พูดจาหวานหู คะขาไปเรื่อย
“ไอ้ปราบ” เสียงเรียกของปองภพ ปิติภัทร เพื่อนรักของปราบทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
“อ้าวไอ้ภพมากินข้าวร้านนี้เหมือนกันเหรอ”
“ใช่ ขวัญก็มา แต่ขอไปเข้าห้องน้ำ”
“แกสองคนมาด้วยกันมีอะไรกันรึเปล่าวะ”
“มีบ้าอะไรของแก เป็นเพื่อนกันเฉย ๆ โว้ย!” ขวัญหรือดวงขวัญ เจิดจันทร์คือเพื่อนสนิทอีกคนของกลุ่ม ที่คบกันมานานแล้วตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
“น้องพลอยคะ จำไอ้ภพเพื่อนพี่ได้ไหมคะ” ปราบรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพลอยฟ้านั่งเกร็งอยู่อีกด้าน
“จำได้ค่ะ สวัสดีค่ะพี่ภพ” พลอยฟ้ายกมือไหว้ปองภพ ชายหนุ่มรับไหว้ก่อนจะยิ้มกว้างให้หญิงสาวแสนเชยตรงหน้า
“สวัสดีครับน้องพลอย วันนี้มาฝึกงานวันแรกเหรอครับ” ประโยคคำถามของปองภพทำให้พลอยฟ้าต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
“พี่ภพรู้ด้วยหรือคะ”
“ไอ้ภพมันสนิทกับพี่ คุยกันบ่อยพี่เลยบอกว่าน้องพลอยมาฝึกงานกับพี่วันนี้วันแรกน่ะค่ะ” ความจริงเมื่อคืนเขาออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ทั้งยังบ่นว่าวันนี้ต้องต้อนรับพลอยฟ้าให้ดีเพราะมาฝึกงานวันแรก
พลอยฟ้าเองเคยเห็นปองภพไปมาหาสู่กับปราบหลายครั้ง จึงพอรู้ว่าทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก
“อ้อ... ค่ะ” พลอยฟ้ารับคำ
“แกมากินข้าวเหรอ นั่งกินด้วยกันสิ ฉันเพิ่งสั่งอาหารเอง อยากกินอะไรสั่งเลย ฉันเลี้ยง” ปราบรีบเอ่ยชวนเพื่อน
“งั้นไม่เกรงใจนะโว้ย” ปองภพพูดขำๆ แต่เขาก็ร่ำรวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เพื่อนเลี้ยงก็ได้ แต่เพราะเห็นเพื่อนอยากจะเลี้ยงก็ไม่ขัด รอบหน้าก็จะเลี้ยงคืน
ดวงขวัญมาร่วมรับประทานอาหารกับทุกคนด้วย เธอยิ้มให้พลอยฟ้าด้วยท่าทีเอ็นดู ตักโน่นตักนี่ให้ ทำตัวเป็นกันเอง ทำให้พลอยฟ้าหายเกร็งไปได้มาก
พลอยฟ้ารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าเธอไม่ค่อยเหมาะกับสังคมของปราบ อาจเพราะเขาชอบสังสรรค์ดื่มกิน ในขณะที่เธอไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเที่ยวกลางคืน
ปราบเปิดเผยให้เธอได้รับรู้นิสัยตรงส่วนนี้แต่แรก ไม่ได้สร้างภาพเป็นคนดี พลอยฟ้าจึงคิดว่าเขาจริงใจ แต่หารู้ไม่ว่าปราบไม่ได้อยากทำถึงขนาดเป็นคนดีไม่กินเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนจนกว่าจะบรรลุแผนการ
“ขอให้น้องพลอยฝึกงานอย่างมีความสุขนะคะ” ดวงขวัญอวยพร
“ค่ะพี่ขวัญ ขอบคุณพี่ขวัญมากๆ นะคะ”
“ปราบก็อย่าดุน้องมากล่ะ น้องทำอะไรไม่เป็นก็ค่อย ๆ สอน” ดวงขวัญหันไปพูดกับเพื่อนหนุ่ม
“ฉันนี่นะจะไปว่าอะไรน้องพลอย น้องพลอยเขาเก่งทุกเรื่อง เรียนก็เก่ง เรียนจบได้เกียรตินิยมแน่นอนใช่ไหมคะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” พลอยฟ้าถ่อมตัว
“ไม่ถึงขนาดนั้นได้ยังไงครับ ไอ้ปราบนี่มันเล่าว่าน้องพลอยเรียนเก่งมากนะครับ ไอ้เอทุกวิชา ถ้าไม่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง มหาวิทยาลัยก็คงไม่มีมาตรฐานแล้วล่ะครับ” ปองภพเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ทำให้พลอยฟ้ามองสบตากับปราบก่อนที่เธอจะยิ้มอย่างเขินอาย ไม่คิดว่าเขาจะเอาเธอไปชื่นชมให้เพื่อน ๆ ของเขาฟังด้วย เธอรู้สึกดีที่เขาพูดถึงเธอในทางที่ดีลับหลังแบบนี้
“พลอยขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” พลอยฟ้าเอ่ยขอตัว เพราะทุกคนเริ่มอิ่มกันแล้ว และกำลังจะเตรียมตัวกลับ
“ให้พี่เดินไปส่งไหมคะ” ปราบรีบอาสา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พลอยไปเองได้” พลอยฟ้ารีบเอ่ยบอกอย่างเกรงใจ
“เดินดี ๆ นะคะ” ปราบยังพูดให้พลอยฟ้ารู้สึกดีต่อไปอีก
“เดินดี ๆ นะคะ พี่ไปส่งนะคะ” ปองภพเลียนเสียงของเพื่อนหลังจากที่พลอยฟ้าเดินไปเข้าห้องน้ำแล้ว
“พอเลยไอ้ภพ”
“มึงพูดจาเลี่ยนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ปราบ นี่ถ้ากูไม่ได้ยินกับหูคงคิดว่ามึงโกหก ที่บอกว่าต้องเอาอกเอาใจน้องเชยสารพัด” ลับหลังของพลอยฟ้า ปองภพเรียกพลอยฟ้าว่าน้องเชย เพราะอีกฝ่ายแต่งตัวมิดชิด ใส่แว่นตาหนาเตอะ พากระเป๋าผ้าใบใหญ่เหมือนมนุษย์ป้าขี้บ่นที่เขาเคยเห็น
“ถ้าไม่พูดแบบนี้น้องเชยของแกจะหลงรักกูเหรอวะ”
“นี่มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ เพื่อให้ได้ที่ดินของน้องเชย ทำไมแกไม่เดินไปขอซื้อตรง ๆ ล่ะวะ”
“พ่อกูส่งคนไปขอซื้อยายของพลอยฟ้าแล้ว ไปหยั่งเชิงดู ยายแกตอบมาว่าให้ราคาเท่าไหร่ก็ไม่ขาย พ่อกูอยากได้มาก เพราะเมื่อก่อนเคยจะซื้อแต่พ่อของพลอยฟ้าชิงซื้อตัดหน้าไปก่อน!”
ปองภพพอรู้ว่าสองพ่อลูกมักได้ที่ดินสวย ๆ ไว้ทำบ้านพักตากอากาศ มีที่ดินแถวจังหวัดเศรษฐกิจภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยาและหาดใหญ่ ได้ค่าเช่าที่ต่อวันหลายล้านบาท ยิ่งเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต แค่บ้านพักครึ่งไร่วิวทะเลก็มีเศรษฐีมีเงินเข้าพักทุกวัน ค่าเช่าวันนึงหลักแสนบาท
ปราบได้พ่อมาเต็ม ๆ ทำงานเก่ง มีคอนเน็กชั่นเยอะ สามารถหาคนมาเช่าพักผ่อนได้ทุกวัน แม้ว่าเศรษฐกิจจะแย่แค่ไหน แต่คนที่รวยและมีเงินเยอะก็ยังใช้จ่ายกันได้อย่างสบายไม่เดือดร้อนอะไร
“ที่สำคัญการแต่งงานกับพลอยฟ้าจะทำให้ฉันได้ตำแหน่งประธานบริษัทมาครองด้วย”
“แกแต่งกับเขาแล้วจะเลิกเลยเหรอวะ”
“ได้ทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็พร้อมเลิก ใครจะไปทนอยู่กับผู้หญิงเชยๆ กันล่ะ ดีไม่ดีชวนฉันสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น ได้อกแตกตายกันพอดี”
“ที่สวยมากเหรอวะ ที่พ่อแกอยากได้”
“ก็สวยนะ แต่ทำเลโคตรดี วิวหลักล้าน มีหมอกจาง ๆ ให้ดูบนยอดเขา ถนนหนทางก็โอเคว่ะ ปรับปรุงเสียหน่อยก็ใช้ได้ สองยายหลานก็ไม่ได้ทำอะไร เล่นตัวฉิบ ไม่ยอมขายสักที” ปราบบ่นอุบ
“ท่าทีน้องเชยจะชอบแกแล้วว่ะ” ปองภพเอ่ยขึ้น
“แล้วถ้าน้องพลอยรู้ว่าปราบหลอกเขา มิเสียใจแย่เหรอ” ดวงขวัญเอ่ยถาม มองเพื่อนอย่างจริงจัง
“เสียใจอะไร ได้ควงคนหล่อแบบฉัน วาสนาดีแค่ไหนแล้ว หน้าตาบ้าน ๆ เชย ๆ แบบพลอยฟ้า จะมีผู้ชายดี ๆ ที่ไหนกล้ามาจีบ ถ้ามีก็คงกรรมกรแถวบ้านว่ะ”
“โหย... แรงอะ” ดวงขวัญค้อนเพื่อนหนุ่ม
“ฉันซื้อที่ก็ให้เงินนะโว้ย ไม่ได้จะหลอกเอาฟรี ๆ เสียหน่อย ฉันเอาเปรียบเขาตรงไหน” ปราบเอ่ยถามเพื่อน
“
“แต่ฉันกลัวว่าถ้าเลิกกัน น้องเชยจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง กอดแข้งกอดขาไม่ยอมเลิกกับแก ถึงเวลานั้นแกจะไม่สงสารหรือใจอ่อนกับเขาเหรอวะ”
“แค่เห็นหน้าก็เบื่อ ระอาเต็มที ที่ต้องพูดจาคะขาคบด้วยก็เกินพอแล้ว โชคดีหน่อยว่าพ่อแม่ของฉันกับเขาเคยตกลงหมั้นหมายกันเอาไว้ ก็เลยเอาเรื่องนี้ไปทวงสิทธิ์เข้าหาได้ ไม่อย่างนั้นยายของพลอยฟ้าไม่ให้ฉันไปยุ่งกับหลานสาวของเขาหรอก”
“ท่านดุมากเหรอ”
“ไม่ได้ดุหรอกใจดี แต่หวงหลานสาวมาก ยิ่งกว่าไข่ในหิน ไปเรียนต้องรีบกลับอย่าไปเถลไถล สอนให้หลานสาวนักนวลสงวนตัว นี่ถ้าฉันไม่เข้าไปจีบ ขนาดจับมือคงไม่มีใครกล้า พลอยฟ้าคงต้องหันไปบวชชีรักษาพรหมจรรย์แทน”
“พลอยฟ้ายังจิ้นอยู่เหรอวะ” ปองภพเอ่ยถามอย่างทะลึ่ง