หลังจากที่ โอภาษและกัญญา กลับไปแล้ว ระหว่างที่วรวิทย์พูดคุยและปลอบพี่สาว อยู่ๆทั้งสองคนก็เพิ่งนึกได้ว่า ในห้องยังมีคนอีกคน ที่ยังอยู่ สองพี่น้องหันมามองผู้ชายร่างใหญ่ หนวดเคราเฟิ้ม พร้อมกัน วรางคณา ลืมเขาไปเลย เขาบอกว่าจะเอาโทรศัพท์มาคืน จนโอภาษ และกัญญาเข้ามา ตาหนวดยังยืนอยู่ตรงนั้น โทรศัพท์ของเธอยังอยู่ในมือของเขา ก็แล้วทำไม ไม่วางไว้ตรงไหนสักที่ แล้วก็ออกไปซะ จะมายืนฟังเรื่องทั้งหมดทำไม วรางคณาชักสีหน้าใส่คนร่างใหญ่ จนวรวิทย์สังเกตเห็น
“เอ่อ คุณครับ มีธุระอะไรเหรอครับ แล้วโทรศัพท์พี่วอย ไปอยู่กับคุณได้ยังไง” วรวิทย์ถามธันวา และหันไปหาพี่สาว
“คือแบบนี้นะ ผมนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟ ชั้นสอง กำลังจะกลับบ้าน เห็นพี่สาวคุณลุกจากเก้าอี้พอดี แล้วลืมโทรศัพท์วางไว้ที่เก้าอี้นั้น ผมเลยเก็บแล้วตามมาเพื่อจะคืนให้ หาห้องอยู่นานกว่าจะเจอ พอผมมา สองคนนั่นก็ตามเข้ามาพอดี ก็เลยยังไม่ได้คืน “
“ทำยังกะจะกลัวไม่ได้พูด เอามาคืนก็วางไว้ซิ จะมายืนฟังอยู่ทำไมตั้งนาน” วรางคณาพูดบ่นเบาๆ แต่ทั้งธันวาและวรวิทย์ก็ได้ยิน
“พี่วอยครับ พี่วอยต้องขอบคุณพี่เขานะครับ ไม่งั้นโทรศัพท์พี่วอย คงไปอยู่ที่มือใครแล้วก็ไม่รู้ พี่เขายังอุตสาห์ตามหาว่าพี่วอยอยู่ห้องไหน อย่าบ่นพี่เขาเลย”
“เอ๊ะ....นี่ตาหนวดที่ทำให้พี่เจ็บนี่นา” วรางคณาเพิ่งนึกขึ้นได้
“จริงด้วย ทำไมบังเอิญขนาดนี้ครับ “วรวิทย์ก็เพิ่งจำได้เหมือนกัน
“ว่าแล้วทำไม่ว่านคุ้นหน้าจัง”
“นี่คุณจะมาสมน้ำหน้ากันรึยังไง วันนั้นยังไม่สะใจเหรอ ที่คุณผลักฉัน จนล้มกระแทก สะโพกและขาฉันปวดร้าวไปหมด มานอนโรงพยาบาล เจ็บเจียนตายเนี้ย เพราะฝีมือคุณนั่นแหละ ทำฉันขาดรายได้ไปหลายวันเลยนะ ผักก็ไม่ได้ส่ง ลูกค้ามิบ่นแย่แล้วเหรอ งานก็ไม่ได้ทำ”
“พี่วอย ขาเจ็บนี่เพราะล้มที่บ้านไม่ใช่เหรอครับ ล้มที่บ้านไม่เกี่ยวกับคุณเขาสักหน่อย”
“ว่าน นี่เป็นน้องพี่รึเปล่า ก็เพราะเขาผลักพี่ไง เดินไม่ถนัดทำให้มาล้มที่บ้านต่อ มันก็เกี่ยวข้องต่อเนื่องกันนั่นแหละ”
“ก็ส้นรองเท้าของพี่วอย ก็ทำให้พี่เขาเจ็บเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ นั่นไง หลังเท้าพี่เขา นี่แสดงว่าพี่มาทำแผลที่นี่เหรอครับ”
“ครับ ใช่ ส้นรองเท้าพี่สาวเรา มีเชื้อโรค ทำให้หลังเท้าพี่อักเสบ บวม มีหนอง วันนี้พี่มาหาหมอ คว้านเนื้อเสียออกตั้งเยอะ ไม่ฉีดยาชาด้วย จะดูไหม จะเปิดให้ดู” หน้าเขาก็กวนคนบนเตียง ธันวาเดินไปนั่งที่โซฟาข้างเตียง ยกขามาวางพาดที่เก้าอี้ แกะผ้าพันแผลออกจนหมด เผยให้เห็นแผลที่ถูกคว้านเนื้อออก
“บ้าเหรอคุณ รีบปิดเลย เดี๋ยวเชื้อโรคเข้าไปใหม่อีกรอบ คราวนี้แหละ ได้ตัดขาทิ้งแน่ๆ”
“ปากเหรอนั่น ก็กลัวเธอไม่เชื่อไง ฉันก็เจ็บเหมือนกัน ที่มานี่ก็เพื่อจะเอาโทรศัพท์มาคืน และจะขอโทษที่ผลักเธอวันนั้น “
ธันวา พันแผลเหมือนเดิม เสร็จแล้วนั่งมองคนบนเตียงนิ่งๆ
“พี่วอย พี่เขาก็เจ็บเหมือนกัน หายกันไม่ได้เหรอพี่ โทรศัพท์เขาก็อุตสาห์เก็บไว้ให้”
“ยังไงก็ใจร้ายอยู่ดี เจ็บขนาดไหนก็ต้องทน พี่เป็นผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย มาผลักพี่ได้ยังไง”
“พี่วอย ปกติพี่วอยเป็นคนมีเหตุผลนี่นา ”วรวิทย์ทำหน้าเมื่อย เขารู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่พี่สาวเขาดื้อ ก็ดื้อแบบไม่มีเหตุผลเลย
“ดูตัวเขาซิ ใหญ่โตซะขนาดนั้น พี่เป็นผู้หญิง เป็นเพศที่อ่อนแอกว่า ถ้าเขาสำนึกดี เขาต้องคิดได้ ว่าไม่ควรทำแบบนั้นกับผู้หญิง”
วรวิทย์หันไปมองหน้า ธันวา ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม แปลกใจ ว่าทำไมเขาไม่รีบกลับ เหมือนจะแกล้งพี่สาวเขาให้โมโหมากยิ่งขึ้น
“ผมเข้าใจนะว่าคุณกำลังเสียใจ ที่แฟนกับเพื่อนสนิท แอบกินกัน ไม่เป็นไร ผมไม่โกรธ หรือโมโหคุณหรอก เอาเป็นว่าผมขอโทษทุกอย่างที่ทำให้คุณเดือดร้อน และถ้าเวลามันย้อนกลับไปวันนั้นได้ ผมจะไม่ทำแบบนั้น นี่ครับโทรศัพท์ของคุณ “
“ธันวา ลุกขึ้นวางโทรศัพท์ไว้ที่ปลายเตียง ผมไปก่อนล่ะกัน คุณยังอารมณ์ไม่ดี อ้อ...เสียใจด้วยนะครับ อยู่ๆก็ถูกแฟนทิ้ง”
ยังไม่ทันที่ธันวาจะเดินออกไป ถึงประตู หมอนทั้งสองใบก็ขว้างตามหลังเขาไปติดๆ เขาหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ตอนนี้โกรธจนหน้า หู แดงไปหมด แล้วหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ ผู้หญิงอะไร ไม่มีเสน่ห์เลยสักนิด
“ไอ้บ้า สมน้ำหน้าฉันเหรอ แน่จริงอย่าหนีซิ “วรางคณาตะโกนตามหลังเขาออกไป
“พี่วอย ไม่เอาน่า พอได้แล้ว ไม่น่ารักเลย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ เรื่องมันจบไปแล้ว ให้มันผ่านไปเถอะ หายใจลึกๆ ว่านไม่เห็นพี่วอยเป็นแบบนี้มานานแล้วนะ นี่ครั้งที่สองแล้ว ที่แสดงอาการแบบนี้ แบบคนไม่มีเหตุผลเลย”
“ก็เพราะตาหนวดยักษ์นั่นแหละ ทำให้พี่เป็นแบบนี้ แล้วเรื่องอะไร ที่จะต้องเป็นเขาด้วย ที่มาเจอโทรศัพท์พี่ เขามายั่วประสาทพี่เองนะว่าน ”
“แล้วคืนนี้จะอยู่เองได้ไหมเนี้ย พี่วอย หรือจะให้ว่านอยู่เป็นเพื่อนดี”
“ไม่ได้ๆ ว่านต้องไปนอนกับแม่ เดี๋ยวแม่เป็นห่วง พี่ว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้ ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องโอม ไม่สำคัญหรอก ไม่ต้องห่วง ว่านกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”
วรวิทย์รอจนพี่สาวอาบน้ำ กินข้าว กินยาหลังอาหาร เขาถึงยอมกลับบ้าน อย่างน้อย เขาก็อุ่นใจ พยาบาลมาดูตลอด ไม่น่าห่วงมากนัก ถ้าเขาอยู่เฝ้า เขาแทบไม่ได้นอน พยาบาล หมอ ดูแลดีจริงๆ มาเกือบทุกชั่วโมง เห็นใจพี่สาวก็เห็นใจ แต่อีกใจก็ห่วงแม่มาก
“อ้าว พี่ครับ ยังไม่กลับเหรอครับ “ วรวิทย์ตกใจเขาออกมาจากห้อง ก็เจอตาหนวดของพี่วอย นั่งอยู่หน้าห้อง ก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้ได้ยินทุกอย่างที่เขากับพี่สาวคุยกันทุกอย่าง
“ยังครับ ยังไม่สบายใจ”
“อย่าถือสาพี่วอยเลยนะครับ ปกติพี่วอยไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้เลย ผมยังแปลกใจ ต้องขอโทษพี่ด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไร พี่ชื่อธันวานะ เรียกพี่วาเฉยๆ ก็ได้ “
“พี่วอยคงหงุดหงิดเรื่อง อดีตแฟนกับเพื่อนสนิทครับ อารมณ์โกรธพี่ธันวายังไม่หายด้วย ยิ่งมานอนป่วยอยู่โรงพยาบาล เลยพาลหงุดหงิดไปกันใหญ่ “
“พี่อยากคุยกับพี่สาวเราให้จบ ไม่งั้นพี่ไม่สบายใจแน่ๆ รับรองว่าพี่จะไม่อารมณ์เสีย เด็ดขาด พี่สัญญา นี่นามบัตรพี่ แต่ไม่ต้องบอกพี่สาวเรานะ ตรวจสอบพี่ได้เลย “ ธันวายื่นนามบัตรของตัวเองให้กับวรวิทย์
“พี่ไม่กลัวอารมณ์พี่วอยเหรอครับ” วรวิทย์ดูรายละเอียดในนามบัตร แล้วถามกลับไป
“ไม่หรอก ไม่เห็นน่ากลัวเลย พี่อยากอธิบายให้เขาเข้าใจ ไม่งั้นพี่ก็จะไม่สบายใจ อยากเคลียร์ให้จบ พี่ไม่ใช่คนอย่างที่พี่สาวเราพูด”
“ตามนั้นเลยครับพี่ ผมต้องรีบกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง ผมเชื่อใจพี่นะครับ ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งรู้จักกัน แล้วก็ไม่สนิทกันก็ตาม ”
“ขอบใจนะว่าน เอาเบอร์โทรพี่ไป โทรหาพี่ได้ตลอดเวลา ขับรถดีๆล่ะ “ธันวาตบบ่าวรวิทย์เบาๆ เขารู้สึกถูกชะตากับเต็กหนุ่มคนนี้
วรวิทย์เชื่อว่าเขา จะคุยกับพี่วอยดีๆได้ อีกอย่างที่นี่พยาบาล หมอ มาดูทุกชั่วโมง นามสกุลที่อยู่ในนามบัตรนั่น ทำให้วรวิทย์เชื่อใจเขาว่า ไม่น่าจะอะไรน่าเกลียด
ธันวา ลงไปที่ประชาสัมพันธ์ จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายของวรางคณา เขาแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่า ถ้าหากว่า วรางคณาออกจากโรงพยบาลเมื่อไร ให้เรืยกเก็บค่าใช้จ่ายกับเขาได้เลย เขาเดินไปเดินมาจนเท้าระบบขึ้นมาอีก ยาที่หมอให้ยังอยู่ในถุง สามทุ่ม ชายหนุ่มมายืนอยู่ที่หน้าห้องของวรางคณาอีกครั้ง สองมือเขาพะรุงพะรังไปด้วยของเยี่ยมคนป่วย ผลักประตูห้องเข้าไปโดยที่ไม่ได้เคาะ
วรางคณา นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง กำลังนอนดูโทรศัพท์เพลินๆ ตกใจที่อยู่ๆ ธันวาเข้ามาอีกครั้ง เขายังอยู่ในชุดเดิม นี่แสดงว่า เขายังไม่ได้ไปไหน น้องชายเธอก็กลับบ้านไปแล้ว พยาบาลเพิ่งออกไปเมื่อสักครู่ หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี นึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดจาไม่ดีกับกับเขาหลายอย่าง นี่เขาจะมาไม้ไหนกันแน่นะ จะกลับมาทำไม มีเธอกับเขาเพียงสองคน ต้องทำยังไง วรางคณาเริ่มกลัว
ธันวาถือวิสาสะ เอาของเยี่ยมไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วหันไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ทำให้คนบนเตียงถอยไปจนชิดเตียงอีกฝั่ง เตียงผู้ป่วย ก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร หนีไปก็เท่านั้น วรางคณานั่งนิ่ง หน้าตามีคำถาม
ชอบนักผู้หญิงแบบนี้ ดื้อ พูดอะไรไม่ฟัง ลองมาเจอกันหน่อย ไม่มีเหตุผล โตแต่ตัว ถ้าพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาจะอยู่ที่นี่แหละ อยู่ให้รู้ไปเลยว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ
“คุณกลับมาทำไม่อีก ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลับมา”
“ถ้าเธอไม่มีเหตุผล ฉํนก็จะไม่กลับ จะอยู่ที่นี่แหละ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
"ฉันว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะคะ ฉันไม่อยากคุยกับคุณ ไม่อยากรู้จัก"
"ไม่ใช่ว่าอยากรู้จัก หรือไม่อยากรู้จัก ฉันไม่สบายใจ ที่เธอเข้าใจผิด ว่าฉันทำร้ายเธอ เป็นใครก็ต้องทำเหมือนฉัน ก็เจ็บขนาดนั้น เธอจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันยืนเฉยๆ ทนเจ็บ จนกว่าเธอจะรู้ตัวว่าเหยียบเท้าฉันอยู่งั้นเหรอ หรือต้องให้ฉันต้องเป็นฝ่ายขอโทษเธอ"
"ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณก็ผิด มีตั้งหลายวิธี อาจดึงแขนฉันออกก็ได้ หรือบอกฉันสักหน่อย แต่นี่คุณกลับผลักฉันออก ยังไงคุณก็ผิด"
"นี่ มีเหตุผลหน่อยได้ไหม ฉันขอโทษแล้วไง จะให้ทำยังไงอีก จริงๆ ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอโทษเธอด้วยซ้ำ"
"แล้วไง ก็ไม่จำเป็นนี่ คุณก็กลับไปซิ จะมาทำไม หลายรอบ"
"ก็ถ้าเธอยังดื้อ ไม่มีเหตุผล เอาเรื่องส่วนตัว มาพัวพันกับเรื่องความเจ็บป่วย ฉันก็ไม่กลับ จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง"
"หมายความว่ายังไง ที่บอกว่าฉันเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับความเจ็บป่วย"
"เอ้า ก็เรื่องที่แฟนเธอ แอบกินกันกับเพื่อนสนิทของเธอไง ทำให้เธอเสียใจ แล้วพาลมาลงที่ฉัน"
"คุณพูดเรื่องอะไร ที่คุณเสียมารยาท ยืนฟังคนอื่นคุยกัน ก็น่าเกลียดมากแล้วนะ ยังจะมากล่าวหาฉันอีก"
"ก็เพราะแบบนี้ไง ผู้ชายเขาถึงได้เบื่อ ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเอง "
"นี่คุณ ไม่มีสิทธิมาว่าฉันแบบนี้นะ เราไม่รู้จักกัน ไม่สนิทอย่ามาวิจารณ์ฉันแบบนั้น แล้วก็กรุณากลับออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน"
"ตกลงว่าเธอจะไม่ยอมรับคำขอโทษจากฉันใช่ไหม ค่ารักษาเธอเท่าไหร่ ค่าเสียเวลาที่เธอไม่ได้ส่งผัก ไม่ได้ไปทำงานเท่าไหร่ บอกฉันมา ฉันจะจ่ายค่าเสียหายให้เธอเอง และค่าที่เธอนอนโรงพยาบาลนี่ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉันยินดีรับผิดชอบ"
"ขอบคุณ ตามนั้น ฉันจะพักผ่อน เชิญคุณกลับไปได้แล้ว ฉันพอใจแล้ว"
ธันวายังคงนั่นอยู่ที่เดิม นั่งนิ่ง หน้าตาเขาเวลานี้ ถ้าพูดภาษาบ้านๆคือ กวนมาก ทำรวย วรางคณาคิดอะไรขึ้นมาได้
“คุณจะอยู่ที่นี่ใช่ไหม ไม่กลับใช่ไหม “วรางคณาถามเขาเพื่อความแน่ใจ ธันวายังคงนั่งนิ่ง
“งั้นคุณก็อยู่ไปเลย อยากอยู่นักก็อยู่ไปเลย “วรางคณา ก้าวขาลงจากเตียง อาศัยช่วงที่ธันวากำลังงง เธอก็ออกมานอกห้องแล้ว ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ ใส่กระเป๋าเสื้อออกมาด้วย ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรืออะไร ทำให้เธอลืมเจ็บ โชคดี ลิฟท์อยู่ไม่ไกลจากหน้าห้องที่เธอพักนัก วรางคณาลงลิฟท์ไปชั้นล่างสุด ธันวายังนั่งงง อยู่ในห้อง
“เหมาะเจาะอะไรขนาดนั้น วรางคณาลงมาชั้นหนึ่ง เดินออกมานิดเดียว แท็กซี่จอดเรียงรายรอผู้โดยสารอยู่แล้ว “
“พี่วอย มาได้ยังไงเนี้ย แล้วทำไมยังใส่ชุดโรงพยาบาลอยู่เลย นี่อย่าบอกนะว่าหนีออกจากโรงพยาบาล โอ้ย...หัวจะปวด นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี้ย ว่านปวดหัว “เสียงกริ่งหน้าบ้าน เขาออกมาดู วรวิทย์กุมขมับ เมื่อเห็นพี่สาวลงจากแท็กซี่ด้วยชุดโรงพยาบาลสีมพู หน้าตาของวรางคณาตอนนี้ นิ่งมาก เขารู้สถานการณ์แบบนี้ดี พี่สาวเขาโมโหมากจริงๆ ดีที่แม่เขานอนหลับแล้ว วรวิทย์ไปเปิดประตู จูงแขนพี่สาวเข้าบ้าน ไม่มีคำพูดอะไร นานๆพี่สาวเขาจะมีอาการแบบนี้ เงียบ นิ่ง ไม่โวยวาย นั่นแสดงว่า โกรธมาก ทิฐิเป็นที่หนึ่ง ไม่มีเหตุผลเป็นที่หนึ่ง
วรวิทย์พยุงพี่สาวเข้าห้อง เขารู้หน้าที่ ไม่พูดอะไร ปลีกตัวเข้าห้อง นอนให้หลับ พรุ่งนี้เขามีงานต้องทำ แค่พี่วอยกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย เขาก็พอใจแล้ว ไม่อยากรู้ว่า พี่ธันวากับพี่วอยของเขา พูดคุยอะไรกัน วรวิทย์หลับไปแล้ว
“บ้าจริง อะไรเข้าสิงให้ตาหนวดนั่นกลับเข้าไปหาเธออีก ชังน้ำหน้านัก เกลียดจริงๆ คนเห็นแก่ตัว อวดรวย เวอร์
เที่ยงคืนแล้ว วรางคณายังนอนไม่หลับ เธอขุ่นเคืองใจ เรื่องโอภาษกับกัญญา ไหนจะตาหนวดนั่นอีก เธออาบน้ำสระผม ใหม่ ตั้งใจนอน ไม่นานก็หลับ
ธันวา เดินตามวรางคณาไม่ทัน แค่เขาอยากจะบอกว่า เขาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้วรางคณาหมดแล้ว ขอโทษก็แล้ว แต่เด็กวอยนั่น ก็ไม่มีเหตุผลเลย พูดมั่วไปหมด คงยังเสียใจเรื่องแฟน กว่าเขาจะลงลิฟท์มาชั้นล่าง เดินตามออกมาหน้าโรงพยาบาล ก็เห็นแค่ท้ายรถแท็กซี่ ทำไมดื้อแบบนี้นะ ไม่มีเหตุผลเลย จะมาโกรธอะไรเขาหนักหนา ขอโทษก็แล้ว พูดดีก็แล้ว ก็ยังเล่นตัวอีก มีสิทธิ์อะไรมาเล่นตัวกับคนอย่างเขา ก็เด็กบ้านสวนผัก ทำเขาจะต้องให้ความสนใจ ในตัวของเด็กนั้นมากขนาดนี้
ในเมื่อคุยด้วยดีๆ ไม่ได้ เขาก็จะไม่คุย เรื่องมากนัก ดีเท่าไหร่แล้ว เขายอมออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเด็กนั่น พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ธันวาตัดสินใจ กลับที่ไปที่ประชาสัมพันธ์ ยกเลิกทุกอย่าง จ่ายเองเถอะ ถ้าจะดื้อขนาดนั้น น่าเบื่อ แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมารับผิดชอบ เขาก็เจ็บเหมือนกัน ไร้สาระ พอแค่นี้ จบแค่นี้ ในเมื่อไม่อยากคุยกันดีๆ ก็ไม่ต้องคุย ธันวาเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ทันทีเหมือนกัน