สวนวอแหวน
ปลายเดือนพฤษภาคม ประเทศไทยเริ่มมีฝนตกบ้างแล้ว ชุ่มฉ่ำ เย็นไปทั่วไทย หลังจากที่ต้องทนกับอากาศร้อนอบอ้าวมาหลายวัน ต่างจังหวัดอาจจะโชคดีหน่อย เวลาฝนตก รถไม่ติด แต่ในเมืองหลวง อย่าง กรุงเทพมหานครนี่ซิ ฝนตกทีไร ลำบากใจทุกที คนที่มีรถยนต์ก็สบายหน่อย แต่ก็เสี่ยงกับรถติด นั่งอยู่ในรถอาจไม่เปียกฝน แต่หงุดหงิดใจ นอกจากรถจะติดแล้ว บางเส้นทางยังต้องเจอน้ำท่วมอีก
ส่วนคนที่ไม่มีรถ ต้องอาศัยรถประจำทาง มีเงินหน่อยอาจได้นั่งแท็กซี่ ถ้าประหยัดหน่อยก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์ แต่อาจจะต้องเสี่ยงกับการเปียกฝน ประชาชนคนเมืองต่างก็ชิน เข้าฤดูฝนเมื่อไหร่ ก็พกร่ม หรือไม่ก็เสื้อกันฝนติดตัวไว้ตลอด การโดยสารด้วยวินมอเตอร์ไซค์ สะดวก เร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงมาก
ถ้าไม่ใช่ฤดูฝน การยืนเข้าแถวเพื่อรอคิวขึ้นมอเตอร์ไซค์ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี มีให้เห็นแค่ กรุงเทพฯ เท่านั้น แต้ถ้าฝนตกเมื่อไหร่ ก็ดูไม่จืด คนไม่มีร่ม ไม่มีเสื้อกันฝน ก็เปียก ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่มีปัญหา ยอมรับได้กับสิ่งที่เป็นอยู่ เพราะสิ่งที่ทุกคนรอคอยคือ บ้าน ทำยังไงก็ได้ เพื่อที่จะถึงบ้านให้เร็วที่สุด
วรางคณา เลิศอมรรัตน์ หรือ ทุกคนเรียกว่า วอย หญิงสาวเจ้าของร่างสูงโปร่ง วรางคณาสูง 175 หนัก 60 หน้าสวยโดยที่ไม่ต้องแต่ง จมูกโด่ง ตาสีดำสนิท ขนตางอน ริมฝีปากหยักได้รูป ผิวขาวอมชมพู ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง ท่าทางกระชับกระเชง คล่องตัว วันนี้วอย แต่งตัวออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อนำผักสดที่เก็บจากสวนหลังบ้าน ไปส่งที่ร้านในตลาดสด แล้วเลยไปทำงาน วรางคณา จะทำแบบนี้ทุกวัน วันไหนที่เธอไม่ว่าง ก็จะเป็นวรวิทย์ เป็นคนอาสาไปส่งผักให้ บ้านของเธออยู่แถวนนทบุรี
วันนี้วันศุกร์หลังเลิกงาน วรางคณาเป็นอีกคนที่ต้องอาศัยวินมอเตอร์ไซค์ทุกวัน หลังเลิกงาน เพื่อไปต่อรถไฟฟ้า หลังจากนั้นถ้าวันไหนฝนไม่ตก หรือไม่รีบ เธอเลือกที่จะเดินแทนการนั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้าบ้าน ซึ่งไม่ไกลมาก ประมาณ 200 เมตร เดินได้สบายมาก ข้างหน้าเธอยังมีคนรถต่อแถวอีกเกือบ 20 คน เธอชินแล้ว
ด้วยความสูง 175 ของเธอ โดดเด่นมาก สำหรับผู้หญิงไทย ถือว่าสูงทีเดียว ชุดที่ไส่เป็นยูนิฟอร์ม เสื้อแขนสั้น กระโปรงเข้าชุดทรงสอบยาวเกือบถึงตาตุ่ม สะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่ สำหรับใส่โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ ของใช้จุกจิก ไม่ว่าเธอจะไปปรากฏตัวที่ไหน ก็จะเด่นตลอด วรางคณา ผมยาวถึงกลางหลัง หน้าสวย ไม่แต่ง เธอไม่ค่อยชอบแต่งหน้า ถึงไม่แต่งก็สวย วรางคณา ผิวขาวอมชมพู ตาคม จมูกโด่ง ปากเป็นสีชมพู เธอชอบทาลิปมันมากกว่าลิปสี ฟันเรียงกันสวยมาก ไม่ผ่านการดัด สวยธรรมชาติ
วรางคณา เป็นพนักงานบัญชี ที่บริษัทฯ เอกชนแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท เงินเดือนก็พอสมควร พออยู่ได้แบบคนโสด ถ้ามีครอบครัว คงต้องหาเงินเพิ่ม ตั้งแต่เรียนจบ ที่นี่เป็นบริษัทฯ ที่สองที่เธอทำงาน ไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานนัก รู้สึกไม่เป็นอิสระ ในการทำงาน ในองค์กรมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก พวกประจบสอพลอ เยอะเกินไป ทำให้คนตั้งใจทำงานอย่างเธอ และเพื่อนๆลำบาก เธอเจอปัญหากับคำว่า ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ มีทุกที่ อยู่ที่จะปล่อยผ่านได้ไหม สำหรับคนอื่นอาจปล่อยผ่านได้ แต่ไม่ใช่เธอ และเธอไม่ทน รอให้หางานให้ได้ก่อนเถอะ เธอลาออกแน่
อีกไม่ถึง 10 คน ก็จะถึงคิวของเธอแล้ว วรางคณาขยับเท้าไปมา ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นครึ้มเล็กน้อย และมีละอองฝนโปรยปรายลงมา ตกลงเป็นเม็ดๆ กระจายไปทั่ว วันนี้เธอลืมร่มซะด้วย เภาวนาให้ถึงคิวของตัวเองเร็วๆ ไม่อยากเปียกฝน วรางคณาถอดรองเท้าคัทชู เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ ที่เตรียมมา เก็บรองเท้าคัทชูส้นสูงใส่ถุงพลาสติกแทน เธอต้องเตรียมตัวแบบนี้ทุกวัน ไม่งั้นมีรองเท้ากี่คู่ก็พังหมด เพราะเปียกฝน
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาน้องชาย
“ว่าน ถึงไหนแล้ว พี่วอยกำลังรอคิวขึ้นวิน ใกล้แล้วล่ะ ว่านพี่ฝากซื้อดอกไม้ไหว้พระให้พี่หน่อย พรุ่งนี้วันพระ เอาดอกบัวนะ โอเค แล้วเจอกันหน้าปากซอย”
“ว่านใกล้ถึงแล้วครับพี่วอย ได้ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ เดี๋ยวว่านจัดการให้ แล้วเจอกันพี่”
วรวิทย์ หรือว่าน น้องชายคนเดียวของ วรางคณา เขาจบวิศวะ ทำงานที่บริษัทฯ รับเหมาก่อสร้าง ใกล้บ้าน ว่านมักจะเลิกงาน และมารอพี่สาวที่หน้าปากซอยเข้าบ้านเป็นประจำเกือบทุกวัน ถ้าวันไหนที่เขาทำงานไม่เสร็จ เขาจะโทรมาบอกพี่สาวก่อน มีกันสองคนพี่น้อง ทำให้รักและห่วงกันมาก
และแล้วก็ถึงคิวของ วรางคณา หญิงสาวถอนหายใจ รับหมวกกันน็อคมาจากพี่วิน เธอนั่งรถแบบระมัดระวัง เพราะใส่กระโปรงแคบ และยาวมาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเดินทางลำบาก แต่นั่นแหละ คนเราบางที มันก็มีบ้างที่อยู่ๆ ก็ลืมกิจวัตรประจำวันที่ทำอยู่ทุกวัน โทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ ก็ยังใส่กระโปรงแคบ
“ได้ดอกไม้ไหมว่าน อยากได้อะไรอีกไหม จะได้ซื้อเข้าไปเลย”
“ไม่ครับ รีบเถอะพี่วอย ฝนมาแล้ว เดี๋ยวได้เปียกกันหมดพอดี ป่านนี้แม่รอแล้ว “
สองพี่น้อง รีบเดินเร็วหนีฝน เข้าไปในซอย ระหว่างทางเข้าซอย เป็นบ้านพักอาศัยบ้าง ร้านค้าบ้าง ไม่เปลี่ยวเลย บ้านของสองพี่น้อย อยู่เกือบท้ายซอย แต่ถ้าหลังสองทุ่มไปแล้ว เธอก็ไม่กล้าเดินเข้าบ้านคนเดียว ถ้าน้องชายติดงาน หรือเธอติดธุระ จำเป็นต้องเรียกพี่วินมอเตอร์ ให้เข้าไปส่ง
บ้านชั้นเดียวทรงทันสมัย ปลูกอยู่ในพื้นที่เกือบห้าไร่ เป็นบ้านเรือนหอของพ่อกับแม่ สมัยแต่งงานกันใหม่ๆ นายวรงค์ เลิศอมรรัตน์ เสียชีวิต อุบัติเหตุทางรถยนต์ ตั้งแต่เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ปี 1 พ่อเธอทำงานบริษัทฯ หลังนายวรงค์เสียชีวิตไป ทิ้งเงินไว้จำนวนหนึ่ง พอที่จะให้เธอกับน้อง เรียนจนจบปริญญาตรี และมีเหลือพอเก็บบ้างนิดหน่อย เอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ทำให้พวกเธอไม่ลำบากมาก
โชคดี แม่ของเธอ นางวีรวรรณ เลิศอมรรัตน์ หรือแม่แหวน แม่เธอเป็นครู เป็นคนขยัน มีฝีมือการทำงานอาหาร และขนมไทยต่างๆ ทำโน้นนี่ขาย นางวีรวรรณ ปลูกผักปลอดสารพิษส่งโรงแรม ที่อยู่ระแวกนี้ ส่วนมากรับผักจากสวนแม่ของเธอ กระทั่งนางแม่เกษียณ งานปลูกผัก เลยเป็นงานประจำของแม่ เธอกับน้อง ไม่ได้ห้าม แต่ก็เป็นห่วง หลังๆ สุขภาพแม่เธอไม่ค่อยดี วรางคณากับน้อง พยามยามบอกให้แม่พักบ้าง และเลิกปลูกผัก แต่แม่เธอก็ไม่ยอม อ้างว่า อยู่เฉยๆ เบื่อ ก็เลยต้องตามใจกัน และโชคดีอีกอย่างที่งานของเธอกับน้องหยุด เสาร์ อาทิตย์ ทำให้มีเวลา ช่วยแม่ทำผัก น้องชายเธอเป็นกำลังสำคัญ ผักของแม่เธอเป็นผักปลอดสาร ลูกค้าแม่เธอเยอะ บางทีทำแทบไม่ทัน ปลูกอะไรก็ขายได้หมด แม่ผู้ปลูกทุกอย่างที่อยากกิน ภายในเนื้อที่ 5 ไร่ แม่เธอจัดสรรพื้นที่ปลูกผักได้ดี บางทีวรางคณาเคยคิดเล่นๆว่า ถ้าเธอมีปัญหาเรื่องงานมากๆ เธอจะมาปลูกผักขายช่วยแม่ แค่คิดไว้เท่านั้น
"มากันแล้วเหรอลูก รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะ แล้วจะได้มากินข้าวกัน"
“มาลูก วอย ว่าน มากินข้าวกัน แม่ทำแกงไตปลาไว้ให้วอย มีขนมจีนด้วยนะ แล้วนี่แกงมัสมั่นของว่าน กินกันให้เต็มที่เลยลูก แม่แบ่งไว้ใส่บาตรแล้ว ถ้าจะใส่บาตรก็ตื่นแต่เช้ากันนะลูก พระมาหน้าบ้านเรา 6 โมงเช้า”
“ว่านขอนอนดีกว่าครับแม่ เดือนนี้งานหนัก งานเยอะมาก เหมือนนอนไม่ค่อยพอครับแม่”
“เดี๋ยววอย ตื่นมาใส่บาตรด้วยค่ะแม่ วอยให้น้องซื้อดอกไม้มาให้แล้ว ดอกบัวสวยมากค่ะ”
“ดีๆลูก นี่แม่ยังคิดเลยนะว่า ถ้าบ้านเรามีบ่อ แม่จะเลี้ยงบัวหลวง ไว้ไหว้พระ “
“ดีเหมือนกันนะคะแม่ วอยชอบ จริงๆ เราไม่ต้องขุดบ่อก็ได้นะคะ ก่อปูนเป็นบ่อก็ได้ใช้ผ้ายางปู”
“ใช่ครับแม่ เดี๋ยวว่านเขียนแบบให้แม่ดูนะครับ ว่านทำอยู่ที่บริษัทฯ ครับ บ่่อปูนแบบที่พี่วอยพูดนี่แหละ เขาเลี้ยงปลา”
“ดีจังเลย แม่คิดอยู่ตั้งนานว่าจะทำยังไงดี ถึงจะได้ขุดบ่อ ขอบใจนะลูก “
นางวีรวรรณถูกใจมาก ชีวิตหลังเกษียณของนาง ไม่เคยเหงา นางชอบปลูกผัก เริ่มจากปลูกกินก่อน มีคนมาขอซื้อ ก็ขาย จนโชคดี ได้ส่งผักที่ตลาดสด และโรงแรมใหญ่ ที่สำคัญ ราคาดีมาก นางไม่ได้ทำเยอะ ทำแค่เท่าที่ทำได้ ทำให้มีความสุข ไม่ได้ทำเพื่อรวย
“แม่แหวนขา นอนได้แล้วค่ะ ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก เดี๋ยววอย กับว่าน จัดการให้ นอนนะคะดึกแล้ว”
“วอยก็เหมือนกันนะลูก นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นเช้าใส่บาตร “
นางวีรวรรณ แวะไปดูห้องนอนลูกชาย ก่อนเข้าห้องตัวเอง วรวิทย์หลับไปนานแล้ว เพราะเหนื่อยจากการทำงาน เห็นลูกแล้วก็สงสาร ลูกทั้งสองคนของนางไม่เกเร รักแม่ เป็นเด็กดีทั้งคู่ ไม่เคยทำเรื่องให้แม่ต้องเสียใจ ตั้งแต่เด็กแล้ว อาจเพราะมีแม่เป็นครูหรือเปล่า นางก็ไม่แน่ใจ ลูกทั้งสองของนาง เชื่อฟัง เป็นเด็กดีมาตลอด
ลูกสาวคนโตยังไม่มีแฟน หรือมีนางก็ไม่รู้ เพราะลูกสาวนาง ไม่เคยพาใครมาบ้าน นอกจากเพื่อน ที่มีไม่กี่คน วรางคณา ทำงานอย่างเดียว ส่วนวรวิทย์ก็เหมือนกัน นางไม่เคยเห็นว่าทั้งลูกชายและลูกสาว จะมีพาแฟนมาให้รู้จักเลย นางไม่ยุ่ง แล้วแต่ลูก ลูกรักใครนางก็รักด้วย แต่ที่สำคัญ ลูกทั้งสองไม่เคยพาใครมาให้รู้จักเลยนี่แหละ
ทั้งวอย และว่าน ชอบสันโดษ โลกส่วนตัวสุงด้วยกันทั้งคู่ นิสัยเงียบขรึมเหมือนกัน คงจะเหมือนสามีของนาง เขามาด่วนจากเร็วเกินไป กระทั่งตอนนี้ นางก็ยังคิดถึงตลอดเวลา ดีที่ยังมีลูกสองคนเป็นตัวแทน นางรู้ว่าลูกทั้งสองคนห่วงแม่ ถึงไม่พยายามที่จะหาแฟน อยากอยู่เป็นเพื่อนแม่ อาจเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวด้วย ลูกทั้งสองคนของนาง ไม่ค่อยยุ่งกับใคร เลือกคบคน ถ้าได้พูดคุยกันครั้งแรกแล้วไม่ถูกใจ ก็จะไม่มีครั้งที่สองเลย เพราะแบบนี้ วอย กับ ว่าน ถึงมีเพื่อนน้อยมาก
วรางคณา นอนตั้งแต่หัวค่ำ เสียงฝนตก แน่นอน บ้านเธออยู่ในสวนผัก ทำให้ได้ยินเสียงกบ เสียงเขียดร้องแข่งกัน เธอชอบแบบนี้ ไม่แน่เธออาจจะเปิดเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ไม่ต้องรวย เอาแค่มีความสุขก็พอ ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม วรางคณาไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย เธอเก็บเงินเก่ง นานซื้อแบรนด์เนม ซื้อทีก็ใช้ได้นาน และใช้อย่างระมัดระวัง หญิงสาวนอนคิดโน้นนี่ไปมา จนเผลอหลับไป
วรางคณาตกใจตื่น เสียงแม่เคาะประตู
“วอย ตื่นรึยังลูก ลืมรึเปล่า วันนี้ตั้งใจจะใส่บาตร ว่านตื่นแล้วนะลูก”
หญิงสาวเด้งตัวขึ้นจากที่นอน เธอนอนเพลิน คงเป็นเพราะเมื่อคืนอากาศดี เธอไม่ได้เปิดแอร์
“ค่ะแม่ ตื่นแล้วค่ะ วอยขออาบน้ำแป๊นนึงนะคะ”
วรางคณาวิ่งเข้าห้องน้ำ เธอใช้เวลาอาบน้ำ แต่งตัวไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย
หญิงสาวใส่เสื้อผ้าลูกไม้สีขาว ผ้าถุงลายไทยตัดสำเร็จสีเหลืองไพร ว่านอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีครีม เสื้อยืดตราห่าน สีขาว ส่วนแม่แหวน ใส่เสื้อผ้าลูกไม้สีขาว ผ้าถุงลายสีเลือดนก
"อ้าวว่าน ไหนบอกจะไม่ใส่บาตร เปลี่ยนใจเหรอ"
"ครับพี่วอย เคยตัวครับได้เวลาตื่น ก็ลุกซะเลย"
“แม่กับพี่วอย ไปรอหน้าบ้านเลยครับ เดี๋ยวว่านยกถาดข้าวออกไปเอง วรวิทย์ยกถาดที่ใส่กับข้าว และขนมหวาน ไปวางไว้ที่โต๊ะพับที่เขาตั้งไว้หน้าบ้าน เขาวางขันใส่ข้าวสีเงิน ที่มีทัพพีตักข้าวเป็นเงินเข้าชุดกัน ปลายด้ามทัพพีเป็นลายไทย กับข้าวและขนมหวาน นางวีรวรรณทำเองทุกอย่าง ดอกไม้ น้ำเปล่า พร้อมรอใส่บาตร ไม่นานพระก็มา ทั้งสามคนแม่ลูกใส่บาตรพระด้วยกัน รับพรจากพระ นางวีรวรรณกรวดน้ำใต้ต้นจำปี ที่กำลังออกดอกหอมฟุ้งกระจายไปรอบบริเวณบ้าน
“วอย มากินข้าวกันลูก ว่าน มากินข้าวก่อน ถ้าอยากจะพัก เดี๋ยวค่อยไปนอนต่อ”
“ครับแม่ เดี๋ยวว่านออกไป ขอพับผ้าห่มแป๊ปนะครับ” เมื่อเช้าเขารีบลุก จนลืมพับผ้าห่ม
“หอมจังเลยค่ะแม่ ดีที่แม่ปลุกวอย ไม่งั้นไม่ตื่นแน่ค่ะ เมื่อคืนอากาศดีมาก วอยนอนฟังเสียงฝน เสียงกบ เสียงเขียดร้อง จนหลับเลยค่ะ ไม่ได้เปิดแอร์ด้วยซ้ำ “
บ้านของ วรางคณาอยู่ใกล้เมืองก็จริง แต่บริเวณที่ปลูกบ้าน เงียบ ไม่เสียงดัง อาจเป็นเพราะบ้านของเธออยู่เกือบท้ายซอย และมีพื้นที่ บรรยากาศเวลาฝนตกเหมือนอยู่ต่างจังหวัด
“เดี๋ยววันพระหน้า แม่จะไปถือศีลที่วัด สัก 3 คืน ว่านดูว่าติดงานไหมช่วงหลังเลิกงาน ถ้าลูกติดงานแม่จะได้ไปวันอื่น แม่ใม่อยากให้พี่เขาอยู่บ้านคนเดียว”
“เดี๋ยวดูใกล้ๆ สักวันจันทร์ ว่านให้คำตอบนะครับแม่ จำตารางงานไม่ได้ครับ”
“วอยไม่มีปัญหาค่ะแม่ เลิกงานก็กลับบ้าน เหมือนทุกวันค่ะ”
“ถ้าว่านติดงาน เดี๋ยววอย ต้องอยู่บ้านคนเดียว แม่เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรหรอกคะแม่ แหม.....เราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีปัญหาอะไร แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ สบายมาก วอยดูแลตัวเองได้ นี่ถ้าวอยไม่ติดงาน วอยจะไปกับแม่นะคะ นานแล้วไม่ได้ไปถือศีลที่วัด แต่ก็ยังดีนะคะ ที่ได้ใส่บาตรเช้าหน้าบ้านบ่อยๆ”
“แม่คะ วอยมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ “
“มีอะไรรึเปล่าลูก “ นางแหวนมองหน้าลูกสาวคนโต ปกติวรางคณาไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
“ถ้าวอยไม่ไหวกับที่ทำงาน วอยจะลาออกนะคะแม่ “
“ได้เลยลูก แม่ไม่มีปัญหา น้องก็ทำงานแล้ว แม่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เหนื่อย เบื่อ ก็พักลูก ดีซะอีก วอยจะได้พัก มาช่วยแม่ส่งผัก “
“จริงนะคะแม่ วอยเครียดมาหลายเดือนแล้วค่ะ “
“ไม่ไหวก็ออกมาพักผ่อนนะพี่วอย ว่านก็ไม่มีปัญหา หาอะไรทำที่บ้านเราก็ได้ พี่วอยอยากขายกาแฟไม่ใช่เหรอ เห็นบอกว่าอยากช่วยแม่ ว่านเห็นด้วยนะ “
“ขอบใจนะว่าน ในหัวพี่นี่ มีหลายอย่างมากที่อยากจะทำ ในสวนผักของแม่”
วันจันทร์ก็ไปลาออกซะเลยซิลูก ไม่ดีก็ไม่ต้องอยู่ “
“แม่ใจร้อนกว่าวอยอีกนะคะ ยังไม่ได้หรอกค่ะแม่ อย่างน้อยก็อีกประมาณ 3 เดือน ต้องบอกเขาล่วงหน้าค่ะ เขาจะได้หาคนมาแทน วอยต้องสอนงานน้องใหม่ด้วย “
“สบายใจจังเลยค่ะแม่ งั้นวอยจะช่วยแม่นะคะ มาทำของเราเองดีกว่า เงินน้อยก็ไม่เป็นไร “
สามแม่ลูกกินข้าวเช้าด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย และมีความสุข นางวีรวรรณ หายห่วง เพราะเวลาที่ลูกสาวนางเดินทางไปทำงาน และเดินทางกลับ คนเป็นแม่ห่วงตลอด ส่วนลูกชายนางก็ห่วง แต่ก็ยังห่วงน้อยกว่าลูกสาว เช้านี้ที่โต๊ะอาหาร ใช้เวลานาน เพราะทุกคนติดคุยกัน คุยไปกินไป วรางคณา โล่งใจ สบายใจ มากกว่าทุกคน เป็นเช้าวันหยุดที่มีความสุขมากๆ