ธันวารีบดำเนินการตามที่ย่าเขาขอ เรียกช่างที่เคยมาปรับปรุงบ้าน ให้รีบเข้ามาทำงานทันที จริงๆ ฝั่งบ้านของเขาไม่ต้องปลูกต้นไม้เลยก็ยังได้ เพราะฝั่งของบ้านสวนผัก มีรั้วต้นไม้ที่หนาแน่นอยู่แล้ว เรียกว่าหนามากด้วย แสดงว่าได้รับการดูแลอย่างดี แต่กันไว้ก่อนล่ะกัน เขาสั่งให้ปลูกต้นไม้เป็นรั้วฝั่งบ้านของเขาอีกชั้น ไม่อยากอาศัยรั้วของบ้านฝั่งโน้นอย่างเดียว อนาคตจะได้ไม่มีปัญหาต่อกัน ทำให้เสร็จเรียบร้อยเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า
ชายหนุ่มยอมเพียงย่ามนทาคนเดียวเท่านั้น เขาไม่ค่อยสนิท กับพ่อและแม่เท่าไร เชื่อฟังย่ามากกว่า ย่าคอยบอกคอยสอนเขาทุกอย่าง ขอร้องเขาให้เรียนให้จบ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ธันวา รับปาก เขาตั้งใจเรียนจนจบ พ่อกับแม่เขาสบายใจที่เขาพ้นช่วงเวลาที่อันตรายมาได้ ถึงแม้จะใช้เวลาหลายปี ถึงยอมยกธุรกิจทั้งหมดให้เขาดูแล ทั้งโรงแรม และห้างสรรพสินค้า แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้สายธาร น้องสาวของเขาดูแลร่วมกัน
ธันวาไม่ไม่ค่อยเปิดเผยตัว น้อยครั้งที่เขาจะเข้าไปดูงาน ปล่อยให้ พนักงานทำงานกันสบายๆ เขาวางงานไว้ให้น้องสาวคนเดียวเขาดูแล ส่วนเขาเป็นฝ่ายคอยสนับสนุน คอยอยู่เบื้องหลัง คอยดูแลอยู่ห่างๆ สองคนพี่น้องช่วยกันบริหาร ธุรกิจของบ้านเขาเจริญเติบโต ทำกำไรให้กับครอบครัวเขามหาศาล
“ย่าครับ ช่วงที่ช่างเข้ามาทำงาน ทุบกำแพง ผมจะพาย่าไปพักที่โรงแรมก่อนนะครับ หรือกลับไปพักที่บ้านพ่อกับแม่ ไว้อีกสองสามวัน ช่างทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะไปรับย่ากลับมาที่นี่ ”
“ไม่เอา ไม่เป็นไรหรอก ช่างเขาทำงานกลางวันไม่ใช่เหรอ กลางคืนเขาก็กลับไปนอนบ้านเขา ไม่ได้นอนที่นี่สักหน่อย กลางวันเดี๋ยวย่าเดินไปบ้านสวนผักก็ได้ หลานจะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา "
"ทำไมย่าอยากไปบ้านนั้นจังเลยครับ มีอะไรพิเศษมากกว่าสวนผักรึเปล่า ไว้ใจได้เหรอครับย่า" เป็นไงล่ะย่าเขา ดื้อใช้ได้
"ธันวา ย่าว่าเราคิดมากไปรึเปล่าลูก ไม่เอาแล้ว ย่าจะเดินไปดูสวนผักเขาสักหน่อย เย็นนี้ย่าจะทำต้มจับช่าย ย่าจะไปดูผักสดๆ "
เขาแอบถอนหายใจ นี่แหละ เขาว่า คนแก่ดื้อ ช่วงนี้ตามใจหน่อยล่ะกัน ไว้ค่อยคิดหาทางให้ย่าเขา ไม่ต้องไปยุ่่งเกี่ยวกับคนบ้านนั้น
“ตามใจครับย่า เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”
“ดี งั้นไปกันเลย" หญิงชราคว้าตะกร้าหวายสำหรับใส่ผัก ไปด้วย ถึงแม้ว่าคุณมนทาจะอายุเจ็ดสิบแล้ว แต่ยังดูแข็งแรงมาก สองย่าหลานเดินไปที่หน้าบ้านสวนผัก หน้าบ้านหลังนั้น เป็นต้นไม้ใหญ่ มีป้ายไม้เขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบสวยงามว่า สวนวอแหวน
นางวีรรรณ รีบออกมาเปิดประตูบ้านให้ เมื่อเห็นว่าเป็นคุณมนทา หญิงสูงวัยสังเกตุเห็นว่า มีผู้ชายยืนอยู่ข้างๆ หญิงชรา เดาว่าคงจะเป็นลูกหรือหลาน ดูหน้าละม้ายคล้ายกันมาก ดูจากสายตาแล้ว พ่อหนุ่มคนนั้น คงไม่ค่อยชอบใจ ที่หญิงชราคนนี้มาปรากฎตัวที่นี่ ปกติคนทั่วไป ถ้าเห็นคนที่สูงอายุกว่า จะต้องยกมือไหว้ แต่ผู้ชายคนนี้ดูวางตัว นางวีรวรรณไม่ได้ถือสาอะไรเขา คนแบบนี้ไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย เดาเอาว่าคง่รวยมาก
นางพอรู้มาว่า จะมีโรงแรมมาสร้างใหม่ติดบ้านของนาง หลังตึกสูงมีคนซื้อที่ไปแล้ว อีกฝั่งของตึกขายแล้วเหมือนกัน ที่สำคัญขายให้คนๆ เดียวกัน คงเป็นคนบ้านนี้แน่นอน ก่อนหน้านี้มีคนมาติดต่อขอซื้อที่ดินผืนนี้ คิดว่าแค่มาซื้อเป็นที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ตอนนี้นางเริ่มสงสัยแล้วว่า นานหน้าที่มา คงมาจากคนบ้านนี้ แน่นอน นางวีรวรรณมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่แค่นางยังไม่ได้ปรึกษาลูกทัังสองคนแค่นั้นเอง ผู้ชายคนนั้น ยังคงยืนอยู่ข้างหญิงชรา ไม่ได้ทักทายนาง แต่อย่างใด นิสัยของนาง ไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว เมื่อเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญกับเขา ไม่ชอบมีเรื่อง ไม่ชอบการปะทะ เห็นท่าทางของผู้ชายคนนี้แล้ว ทำให้นางตัดสินใจบางอย่างได้ไม่ยาก
คุณย่ามนทา รู้สึกได้ถึงบางอย่าง หญิงชรารู้ทันทีว่า สถานการณฺระหว่างเจ้าของบ้านสวนวอแหวน และหลานชาย ไม่ดีนัก
“ธันวารีนกลับไปดูช่างเถอะลูก ไม่ต้องห่วงย่า “
“ครับย่า ดูแลตัวเองนะครับ “ เขาไม่แม้แต่จะทักทายเจ้าของบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณป้า เชิญๆค่ะ เข้ามาก่อน มีอะไรหรือเปล่าคะวันนี้ “
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็เหงาเหมือนเดิม พอดีวันนี้ช่างเขาเข้ามาทุบกำแพง เห็นว่าเสียงดัง หลานชายเขาจะให้ฉันไปอยู่ที่อื่นสักพัก ฉันเองก็ไม่อยากไป เลยจะมาขออยู่ที่สวนแม่แหวน คงไม่กี่วันหรอก ช่างเขามากันหลายคนน่าจะเสร็จเร็ว อีกอย่างฉันจะมาดูผักไปต้มจับฉ่ายมื้อเย็นด้วยจ๊ะ”
“ได้เลยค่ะคุณป้า ฉันเองก็ไม่ได้เก็บผักมาสองวันแล้วค่ะ ไม่มีคนส่งให้ “
“เอ้อ แล้วลูกสาวอาการเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“นี่ล่ะค่ะที่เป็นห่วง รอฟังข่าวอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าจะยังไง อ้อลูกชายโทรมาพอดีเลยค่ะ สักครู่นะคะคุณป้า”
"ตามสบายเลยจ๊ะ คุยกับลูกเถอะ "
“ว่าไงว่าน พี่เขาเป็นยังไงบ้าง จะได้กลับบ้านวันไหนลูก”
“หมอบอกอีกสัก สามสี่วันครับแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่วอยสบายดี เดี๋ยวเย็นนี้ผมกลับบ้านนะครับแม่”
“แล้วพี่เราจะอยู่กับใครล่ะลูก”
“ว่านจะกลับไปอาบน้ำ แล้วเตรียมเสื้อผ้ามาอยู่เป็นเพื่อนพี่วอยคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าว่านจะเลยไปที่ทำงานเลยครับแม่”
“ก็ดีลูก แม่จะได้ทำกับข้าวไว้รอ จะได้เอาไปให้พี่เขากินด้วย ว่านก็เดินทางระมัดระวังนะลูก”
“ครับแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับแม่ รักแม่นะครับ”
วรวิทย์วางสายไปแล้ว นางวีรวรรณค่อยสบายใจ หลังได้ข่าวจากลูกชาย ถึงลูกไม่อยู่นางก็ยังมีเพื่อนคุย คุณป้าข้างบ้านช่างมาได้เวลาพอดี มาเป็นเพื่อนพูดคุยกับนาง ทำให้ค่อยคลายความกังวลไปได้บ้าง เพราะพอลูกไม่สบาย นางก็ไม่มีกำลังใจดูแลสวนผักเลย”
“เป็นยังไงบ้างแม่แหวน ลูกสาวดีขึ้นไหม”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ เห็นลูกชายบอกว่าอีกสองสามวันก็กลับบ้านได้”
“ดีใจด้วยนะจ๊ะ คนเป็นแม่ก็แบบนี้แหละ ห่วงไปหมดทุกอย่าง ลูกเจ็บเรายิ่งเจ็บกว่าเขามากนัก”
ผู้หญิงต่างวัยสองคน พูดคุยกันถูกคอ ระหว่างนั้น คนงานที่รื้อทุบกำแพงรั้วข้างบ้านก็ทำงานกันไป สมัยนี้ดี เวลาที่มีการก่อสร้าง ในเมืองผู้รับเหมาจะกั้นผ้าใบกันฝุ่นละออง ไม่ให้ไปรบกวนเพื่อนบ้าน คาดว่าคงใช้เวลาไม่กี่วันก็คงเสร็จ
เจ้าของสวนวอแหวน คิดในใจ ดีเหมือนกัน ลูกสาวกับลูกชายนางไม่อยู่ เด็กสองคนขี้รำคาญ อาจรำคาญเสียงทุบกำแพง และไม่ชอบให้คนภายนอก มาวุ่นวายภายในรั้วบ้าน ทั้งลูกสาวและลูกชายของนาง โลกส่วนตัวสูงด้วยกันทั้งคู่ ลูกของนางทั้งสองคน นิสัยไม่ค่อยเหมือนคนทั่วไป บางทีดูเหมือนคนไม่ค่อยมีเหตุผล
“เดี๋ยวเราลงไปสวนกันดีไหมคะ ตอนนี้แดดยังไม่ร้อน เผื่อคุณป้าจะได้เดินดูสวนผักด้วย จริงๆถ้ากำแพงเสร็จแล้ว จะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้นะคะ ฉันก็อยู่ทุกวันนั่นล่ะค่ะ ลูกๆ เขาก็ไปทำงานกัน ”
“จริงเหรอแม่แหวน ฉันนี่ชอบมากเลยรู้ไหม อยากมีสวนผักเป็นของตัวเองบ้าง แต่อายุปูนนี้ คงไม่มีแรงแล้ว อาศัยมาชื่นชมสวนข้างบ้านนี่แหละ หวังว่าจะไม่รำคาญคนแก่อย่างฉันนะ”
"ไม่หรอกค่ะ ฉันเข้าใจดีว่าความเหงามันเป็นยังไง พอมาทำสวนผักนี่ล่ะค่ะ ดีขึ้นมาก "
สองหญิงต่างวันเดินลงสวนไป นางวีรวรรณ ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ไปด้วย
ภาพของหญิงสูงวัยสองคน พากันเดินเข้าไปในสวนหลังบ้านนั้นไม่รอดพ้นสายตาของธันวาไปได้ เขาสงสัยว่าทำไม ย่าเขาติดใจบ้านสวนผักนันนัก ดูพูดคุยกันสนิทสนมมาก แล้วดูย่าของเขาก็มีความสุขมาก หน้าตายิ้มแย้ม เขายืนอยู่บ้านชั้นสอง ทำให้มองเห็น บรรยากาศของสวนข้างบ้านนั้นได้ทุกมุม ที่ดินสวย ทำเลดีมาก
เกือบสิบเอ็ดโมง คุณมนทากลับบ้าน ได้ผักสดมาเต็มตะกร้าใหญ่ มีครบทุกชนิด สำหรับที่จะทำต้มจับช่าย
“เป็นไงลูก ธันวา หิวข้าวรึยัง เที่ยงนี้กินกับข้าวเก่าไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยกินจับฉ่าย “
“ได้ผักมาเยอะแยะเลยนะครับย่า สดๆทั้งนั้น นี่ย่าซื้อเขามาเหรอครับ”
“ไม่เลย เขาให้มาฟรี ไม่คิดเงิน ผักเขางามมากนะลูก ไม่ใช้สารเคมีเลย เหลือกินเหลือใช้ จริงๆ เขาบอกว่าแรกๆ เขาทำแค่กินในบ้านนะ ปลูกทุกอย่างที่อยากกิน แต่กลับออกดอกออกผล เยอะเกินไป เลยแจก เพื่อนเกรงใจ เลยขอซื้อ แล้วก็ได้ส่งตามโรงแรม ตามร้านต่างๆ นี่ย่าเห็นแล้วนะว่าเขาก็ส่งที่โรงแรมเราด้วย นี่ไงเห็นโลโก้เขาไหม สวนวอแหวน”
“จริงด้วย ผมจำได้ว่าเคยเซ็นเช็คจ่ายค่าผักสด ไม่น่าเชื่อนะครับย่า บอกเขาไหมครับว่าเรารับผักจากเขา”
“ไม่บอกหรอก นี่เห็นว่าไม่ได้ส่งผักมาสองวันแล้ว เพราะลูกสาวป่วย ลูกชายต้องไปเฝ้าพี่สาวที่โรงพยาบาล ไม่มีคนส่งผักให้”
“ย่านี่รู้เกือบทุกเรื่องนะครับ ไปคุยกับเขาไม่กี่วันเอง”
“นี่ธันวา ว่าย่า อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นเหรอ แม่เขาเล่าเอง ลูกชายเขาโทรมาส่งข่าวลูกสาวเขา ย่าก็อยู่ตรงนั้นพอดี จะไม่ถามก็จะดูไม่มีมารยาท เห็นบอกว่า ต้องนอนโรงพยาบาล สามสี่วัน “
“เป็นเยอะขนาดนั้นเลยเหรือครับย่า แค่ล้มต้องไปนอนโรงพยาบาลเลยเหรอครับ เมารึเปล่า”
“แม่เขาบอกว่าลูกเขาล้มมาก่อนหน้านี้แล้ว มาล้มที่บ้านอีก คืนที่เรียกรถโรงพยาบาลมารับนั่นแหละ เราไม่รู้ก็อย่าไปกล่าวหาเขา”
ชายหนุ่มเงียบ ปล่อยให้ผู้เป็นย่า บ่นไปตามเรื่องตามราว นี่แหละย่าเขา เกลียดใครก็เกลียดจริงๆ รักใครก็รักแบบไม่ลืมหูลืมตา
“ย่าครับ วันนี้ช่างเขาทุบกำแพงเสร็จแล้ว พรุ่งนี้เขาจะมาปรับดิน วันมะรืนก็ลงต้นไม้ได้ ”
“ดี ทำงานเร็วดี นี่ถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นตึก ต้องทุบเยอะ ย่าก็อยากทุบนะ ไปเห็นสวนเขาแล้ว ย่าก็อยากมีบ้านสวนเป็นของตัวเองบ้าง “
“อะไรกันครับย่า นี่ผมซื้อที่นี่ เพื่อที่จะสร้างโรงแรมนะครับ ทุบไม่ได้หรอกครับ เสียหายหลายล้านเลยล่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ทำไม เสียดายเงินเหรอ ย่าจ่ายให้เองก็ได้ ย่าจะเอาที่ตรงนี้ทำสวน ถ้าหลานอยากได้ที่สร้างโรงแรม ก็ไปหาที่ใหม่”
“ย่าครับ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ยังไม่ใช่เวลานี้หรอกครับ ยังอีกนานครับย่า”
“ธันวา หลานอย่าบอกนะว่า อยากได้ที่ดินของสวนวอแหวน อ๋อ ย่ารู้แล้ว มีแผนนี่เอง ไม่ได้นะธันวา ย่าไม่อยากให้ทำแบบนั้นเลย ที่อื่นมีเยอะแยะ แล้วไอ้โรงแรมนี่ จะขยายอะไรกันนักหนา ที่มีอยู่นี่ไม่พอรึไง ”
“ย่าครับ แล้วที่ดินที่ผมซื้อไว้แล้วล่ะ ข้างซ้ายตึกเรานี่ ข้างหลังอีก ผมซื้อหมดแล้วนะครับย่า เหลือแค่สวนผักนี่แหละ ที่ยังไม่ได้”
“นั่นไง จริงอย่างที่ย่าคิดไว้ ห้ามไปยุ่งกับสวนผัก เขาเด็ดขาด เขาอยู่ของเขามานาน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่าให้เขามาเดือดร้อนเพราะเรา “
ได้ยังไงครับย่า ผมวางแผนไว้หมดแล้วนะครับ อยู่ๆ จะให้มาล้มเลิกได้ยังไงกัน”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าอยากสร้างก็ไปหาที่อื่น ส่วนที่นี่ ย่าจะซื้อคืนเอง เอาโฉนดมาให้ย่า เอาเลขบัญชีมาด้วย”
“สงสัยจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว หยุดคุยกันเรื่องนี้ก่อนนะครับย่า ”
“ธันวา ย่าถามหน่อย ว่าจะทำไปทำไมนักหนาเยอะแยะไปหมดแล้ว แค่ที่มีอยู่ ย่าว่ามันก็ควรพอแล้วนะลูก เงินที่มีชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด”
ธันวาปล่อยให้ผู้เป็นย่าบ่นไป ส่วนตัวเองปลีกตัวไปดูงาน ไม่อยากเถียงกับย่า เพราะเขาเถียงไม่เคยชนะ ทุกอย่างเขายอมหมด เขารู้ว่าย่าเขาเหลือเวลาน้อยเต็มที ไม่อยากให้ย่าเครียด แค่โรคร้ายที่ท่านเป็นอยู่ ก็ทำให้ท่านเจ็บปวดมากพอแล้ว เขายังอยากอยู่กับย่าเขาให้นานมากกว่านี้
แต่เรื่องนี้เขายอมไม่ได้ เขาตั้งใจ ตรงนี้ทำเลดี เหมาะกับการสร้างโรงแรมมาก อยากรู้ว่าคนบ้านนั้นพูดอะไรกับย่าของเขาบ้าง ปกติย่าของเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ตามใจเขาตลอด ไม่เคยขัดเขาเลย แล้วครั้งนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ซะด้วย อยู่ๆ ก็ถูกใจที่นี่ ถูกใจบ้านสวนผัก เจอแต่คนเป็นแม่ นี่ถ้าได้เจอลูกสาวบ้านนั้น ย่าเขาก็คงถอย ท่าทางเด็กนั่นร้ายจะตาย ถ้าย่าเขามีโอกาสได้เจอเด็กนั่น เห็นกิริยาท่าทางที่ไม่น่ารัก ก็คงถอยเองแหละ เห็นว่านอนโรงพยาบาลหลายวัน สมควร ไปเก่งในโรงพยาบาลดีแล้ว
ช่วงนี้เขาจะต้องเงียบๆ ไปก่อน แบบแปลนการก่อสร้างโรงแรม เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเรื่องเจรจาขอซื้อที่ดิน ไม่น่าจะยาก เสนอราคาดีๆ ขึ้คร้านคนบ้านสวนนั้นจะตาลุก ยิ่งเป็นชาวสวนแบบนี้ เห็นราคาดีๆ อาจจะรีบย้ายไปอยู่ที่อื่นแทบไม่ทัน รอสักหน่อยเถอะ ไม่เกินฝีมือเขาหรอก งานยากกว่านี้เขาก็ทำมาแล้ว แต่ตอนนี้เขาเริ่มเจ็บหลังเท้ามาก เริ่มบวม เหมือนจะอักเสบ ไม่รู้ส้นรองเท้าเด็กนั่นจะมีเชื้อโรคไหม แล้วถ้ามันเข้าไปในร่างกายเขา เขาจะเป็นอะไรไหม ถ้าไม่ดีขึ้น พรุ่งนี้เขาน่าจะต้องไปหาหมอ
เกือบหนึ่งทุ่ม ธันวาขึ้นมาทำงานต่อ โต๊ะทำงานของเขาหันหน้าไปทางสวนผัก ไม่นานก็เห็นเด็กหนุ่ม น้องชายของผู้หญิงคนนั้นกลับมาบ้าน สองแม่ลูกนั่งกินข้าวกันสองคน เกือบสองทุ่ม เขาก็เห็นลูกชายบ้านนั้นถอยรถยนต์คันเล็กออก ที่เขาเรียกว่ารถกะป้อ สีชมพูหวานมาก เห็นเด็กหนุ่มหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ขึ้นรถ คงกลับไปเฝ้าพี่สาว
สามทุ่มไฟในบ้านสวนก็ดับลง คงเหลือแต่ไฟที่เปิดทิ้งไว้ในสวนผัก ไฟล่อแมลง และไฟหน้าประตูบ้าน เป็นชีวิตที่เรียบง่ายดี ก็เหมาะแล้วสำหรับวิถีชีวิตแบบนั้น แต่ไม่ใช่แบบของเขา เขาใช้ชีวิตแบบนั้นไม่ได้หรอก พื้นฐานครอบครัวต่างกัน ตอนนี้เขาคิดอย่างเดียวว่าต้องรีบส่งคนไปเจรจาอีกครั้ง ขอซื้อที่ดินบ้านสวนให้ได้เร็วที่สุด ธันวาเริ่มรำคาญเสียงกบ เสียงเขียด เขาเปิดหน้าต่างไม่ได้เลย เสียงสัตว์พวกนั้น ดังเข้ามาถึงด้านในห้องของเขา
ตอนนี้เขาเริ่มเจ็บหลังเท้ามาก เริ่มบวม เหมือนจะอักเสบ ไม่รู้ส้นรองเท้าเด็กนั่นจะมีเชื้อโรคไหม แล้วถ้ามันเข้าไปในร่างกายเขา เขาจะเป็นอะไรไหม ถ้าไม่ดีขึ้น พรุ่งนี้เขาน่าจะต้องไปหาหมอ อยู่ๆ เขาก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง ยาแก้ปวดเริ่มเอาไม่อยู่ เขาเลือกที่จะดื่มแทนการหายาแก้ปวดกิน เขาทำแบบนี้บ่อยๆ เวลาที่ไม่ค่อยสบาย ไม่ชอบไปนักหรอกโรงพยาบาล