บทที่ 1 ลูกชู้

2391 Words
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ป่วยหนักจนเสียชีวิต เธอไม่มีทางหอบลูกมาที่วัด แล้วทำให้ลูกได้ยินคำนินทาระคายหูแบบนี้หรอก ระฆังแก้ว พิสุทธิ์ภาพร คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวในวัยปลายยี่สิบ บอกตัวเองให้ใจเย็นๆ ช่างคนพวกนั้นเถอะ อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลยมันได้ไม่คุ้มเสีย ใช่ว่าเธอจะมีนิสัยยอมคน แต่เพราะตอนนี้มีลูกสาวเป็นดั่งแก้วตาดวงใจจะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ หากเกิดเป็นอะไรขึ้นมาแล้วลูกน้อยจะอยู่อย่างไร “น้องหอมขา กราบลาคุณยายเร็ว” คุณแม่บอกลูกสาวแก้มกลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะชี้ไปยังรูปของคุณยายที่สิ้นลมหายใจไปเมื่อหลายวันก่อน “ค่า ลาก่อนค่ะคุณยาย ธุค่า” เด็กหญิงวัยเกือบสี่ขวบตาแป๋วพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาพนม ก้มกราบผู้หญิงที่มีชื่อว่าสร้อยทองซึ่งเป็นคุณยายของตนเอง “เก่งมากค่ะ มามี้ขอคุยกับคุณยายแป๊บหนึ่ง หนูเล่นอยู่แถวๆ นี้อย่าไปไกลนะคะ” คุณแม่ลูบหัวลูกสาวอย่างรักใคร่ เธอมีเรื่องอยากพูดกับมารดาที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันหลายประโยค กลัวลูกนั่งอยู่ตรงนี้แล้วจะเบื่อจึงอนุญาตให้ยัยหนูตาแป๋วไปเล่นได้ เด็กหญิงหอมรัก พิสุทธิ์ภาพร ยิ้มหน้าบานหลังจากได้ยินแบบนั้น รีบสอดส่ายสายตามองว่าตัวเองไปเล่นตรงไหนได้บ้าง ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่ใต้ต้นไม้จึงชี้ให้มารดาดู “น้องหอมจะไปเล่นตรงนั้น” “ได้ค่ะ แต่อย่าไปไกลเด็ดขาดถ้าไม่อยากถูกจับตัว” “โอเคค่า น้องหอมจะไม่เล่นไกล” “แล้วถ้ามีคนแปลกหน้ามาชวนไปด้วย หนูจะทำยังไงคะ” “ไม่ไปๆ น้องหอมจะร้องเสียงดัง” “เก่งมาก ต้องร้องว่ายังไงเอ่ย” “ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่า” “โอเค อย่าไปไกลนะคะ” “ค่า ขอบคุณค่ะมามี้คนสวย” หลังจากขอบคุณมารดาเรียบร้อย เด็กหญิงตาแป๋วแก้มอมชมพูในชุดเดรสกระโปรงบานสีดำคลุมเข่า ผมนุ่มดุจแพรไหมถูกมารดาถักเปียพันรอบศีรษะอย่างสวยงาม รีบเดินแกมวิ่งเข้าไปหากลุ่มเด็กที่กำลังเล่นกันอยู่ไม่ไกลด้วยความอยากเล่นด้วย ระฆังแก้วมองลูกสาวได้เพียงครู่เดียวก็กลับมาจดจ่อกับเรื่องที่อยากจะพูดกับมารดาอีกครั้ง เธอเสียใจที่มาหาแม่ช้าไป แต่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะแม่เป็นคนผลักไสไล่ส่งเธอเอง ถ้าตอนนั้นแม่เข้าข้างลูกสาวบ้าง ความสัมพันธ์ระหว่างเราแม่ลูกก็คงไม่เป็นแบบนี้ “หนูขอโทษนะคะหม่าม้าที่มาช้าไป หนูมีลูกสาวแล้ว แกชื่อหอมรัก ลูกของหนูน่ารักมากเลยค่ะ แต่หนูจะไม่เลี้ยงลูกเหมือนที่หม่าม้าเลี้ยงหนู ความรักของหนูจะไม่ทำร้ายแก” คนเป็นลูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำด้วยความเสียใจกับความรักที่เกินขอบเขตของมารดา ทว่ายังไม่ทันจะพูดต่อกลับได้ยินเสียงใครบางคนดังมาจากข้างหลังจึงหันไปมอง “ยังมีหน้ากลับมาอีกนะ ถ้าเป็นฉันไม่กลับมาแล้ว อายคนอื่นเขา ดูสายตาที่คนอื่นมองแกสิ มีแต่คำว่าสมเพช” ไม่ใช่เสียงของใครอื่นแต่เป็นเสียงของมุกดา อดีตเพื่อนสนิทของระฆังแก้วที่ปรี่เข้ามาทักคล้ายหาเรื่อง นอกจากเป็นเพื่อนสนิทแล้ว มุกดายังเป็นหลานสาวของแม่บ้านตระกูลพิสุทธิ์ภาพร วันนี้เธอมาช่วยป้าจัดการเรื่องงานศพ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้เจอผู้หญิงที่ตัวเองแอบอิจฉามาตลอด รอยยิ้มเย้ยหยันของมุกดาทำให้ลูกสาวของผู้วางวายรู้สึกเจ็บแปลบในอก ทำไมเธอถึงไม่เคยมองเห็นความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้ ทำไมเธอถึงได้ให้ความจริงใจกับคนที่พร้อมจะเอามีดมาแทงข้างหลังอยู่ตลอดเวลา มีแต่คำว่าทำไมวนเวียนอยู่ในหัวของระฆังแก้ว สายตาของคุณแม่ลูกหนึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดยามที่จ้องมองใบหน้าอดีตเพื่อนสนิท ที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเหมือนจะไปเล่นงิ้วเปิดโรงมากกว่ามางานขาวดำ “ทำไมฉันต้องอายในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันมากราบศพแม่ตัวเองไม่ได้มากราบศพเธอ หรือตอนนี้เธอกลายเป็นศพแล้ว มิน่าล่ะ สันดานถึงได้เน่าเฟะ ปากเหมือนมีหนอนชอนไช แถมยังหน้าไหว้หลังหลอก” คำพูดเจ็บแสบของระฆังแก้วทำให้มุกดาหน้าชา เธอรู้ดีอดีตเพื่อนสนิทกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทว่ายังทำหน้าด้านไม่เข้าใจ รีบกลบเกลื่อนด้วยการพูดเสียงดังเพื่อให้คนในงานได้ยินกันถ้วนทั่ว ระฆังแก้วจะได้อับอายแล้วเร้นกายหายไปเหมือนในอดีตที่ผ่านมา “แกมีชู้จนผัวจับได้ ไม่รู้จักอายก็หน้าด้านเกินทน” มุมปากกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้คนต่างหันไปซุบซิบนินทากัน แต่ระฆังแก้วกลับไม่สะทกสะท้าน เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองทำแบบนั้นจริงหรือไม่ “ฉันมีชู้งั้นเหรอ? เธอกับอดีตแม่ผัวของฉันรู้ดี ว่าฉันมีหรือไม่มี เธอมันทั้งเลวทั้งชั่ว ใส่ร้ายคนอื่นได้หน้าตาเฉย ฉันไม่น่าหลงผิดคิดเป็นเพื่อนกับคนอย่างเธอเลย” น้ำเสียงของระฆังแก้วเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เจ็บช้ำ ใครต่อใครหักหลัง ยังเจ็บไม่เท่าคนที่เรารักไม่ต่างจากคนในครอบครัวทำ เธออยากจะถามคนตรงหน้าเหลือเกิน ว่าทำแบบนี้กับเพื่อนที่ให้ความรักความช่วยเหลือกันมานมนานได้อย่างไร อิจฉากันขนาดนั้นเลยหรือ “อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ สันดานเลวเองแต่มาโทษคนอื่น” “ฉันพูดเรื่องจริง ไม่ได้ใส่ร้าย เธอรู้ดีมุกดา” “พูดบ้าอะไรของแก ฉันไม่รู้เรื่อง” “ระวังตัวไว้เถอะ เวรกรรมมันมีจริง” “ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างฉันไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม” “แต่ฉันเชื่อ กรรมจะตามสนองทุกคนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ คนอย่างระฆังแก้วไม่คิดให้อภัยใครทั้งนั้น เกิดชาติหน้าฉันใดฉันก็ไม่ให้อภัย” ในขณะที่ระฆังแก้วกำลังประชันหน้ากับอดีตเพื่อนสนิทที่หักหลังกันอย่างเลือดเย็น ฟากหอมรักก็กำลังถูกเด็กในวัดแกล้งด้วยการผลักให้ล้มลงบนพื้น โชคดีที่มีใครบางคนผ่านมาเห็นจึงเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน “เจ็บตรงไหนไหมครับหนู” ปลายเมฆ กุลวัฒนะวาณิชย์ หรือท่านรองแห่งเควีกรุ๊ปรีบประคองเด็กแก้มกลมตาแป๋วให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ใช้สายตากวาดสำรวจความเสียหายบนร่างเล็กอย่างรวดเร็ว เขาเห็นเต็มสองตาว่ายัยหนูหน้าตาน่ารักล้มลงแรงมากแต่ไม่ร้องไห้สักนิด ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน “ไม่เจ็บค่า” เด็กน้อยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ขณะจ้องมองใบหน้าผู้มีพระคุณด้วยความสนใจ ส่วนเด็กๆ ที่นิสัยไม่ดีต่างพากันหนีหายไปหมดแล้ว “พ่อแม่หนูอยู่ไหน ทำไมมาเล่นตรงนี้” คุณลุงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะเอามือไปปัดทรายบนกระโปรงฟูฟ่อง ปลายเมฆไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆ ในอกยามที่ได้จ้องตาของแม่หนูน้อย ดวงตาแบบนี้เหมือนใครบางคนที่ไม่ได้เจอมานานหลายปี เหมือน...เหมือนซะจนเขาอยากเห็นหน้าพ่อแม่ของยัยหนูน้อยคนนี้ขึ้นมา “อยู่ข้างในค่าคุณลุงสุดหล่อ” หอมรักบิดตัวเขินเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังศาลาที่มีคนเดินเข้าเดินออก ปลายเมฆมองตามการชี้ของนิ้วเล็กๆ นั่นแต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดี ว่าพ่อแม่ของเด็กตาแป๋วตรงหน้าคือใคร เพราะมีคนมาร่วมงานศพจำนวนไม่น้อยเลย จริงๆ เขาไม่ค่อยว่าง แต่เห็นว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายจึงรีบมาเคารพศพก่อนจะถูกเผาตามพิธีกรรม อย่างไรเสียคนตายก็คืออดีตแม่ยาย ถ้าไม่มาเกรงว่าจะถูกต่อว่าได้ “มีอะไรวะไอ้เมฆ” สิบทิศเพื่อนสนิทของปลายเมฆเดินเข้ามาถาม เขาเอารถเข้าจอดเรียบร้อยกำลังจะเดินเข้าไปในงานแต่เหลือบเห็นเพื่อน กำลังคุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจึงเลี้ยวมาทางนี้แทน แอบงงเล็กน้อยเพราะปกติเพื่อนไม่ค่อยชอบเด็ก ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบ “กูเห็นน้องถูกเด็กคนอื่นแกล้งก็เลยเข้ามาช่วย” “อ้าวแล้วพ่อแม่เด็กไปไหน” “ไม่รู้เหมือนกัน เห็นว่าอยู่ในงาน” “ว่าแต่หนูชื่ออะไรคะ พ่อแม่อยู่ในงานเหรอ” คุณลุงหน้าหล่อเบอร์สองสอบถามหนูน้อยพร้อมๆ กับมองไปยังศาลาที่ใช้จัดงานศพ เขาไม่ได้รู้จักผู้ตายเป็นการส่วนตัวแต่มาเป็นเพื่อนปลายเมฆ ที่ไม่อยากมางานศพอดีตแม่ยายคนเดียว ไม่รู้เกิดกลัวอะไรขึ้นมาเขาจึงจำเป็นต้องติดสอยห้อยตามเป็นเงาแบบนี้ “นั่นสิลุงลืมถาม หนูชื่ออะไรคะ” เสียงของปลายเมฆที่สอบถามเด็กตรงหน้าทำให้สิบทิศขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมที่ไม่ปกติของเพื่อน ทุกครั้งนอกจากไม่สนใจเด็กแล้วยังบ่นด้วย ว่าเด็กๆ น่าเบื่อชอบทำเสียงดังแถมซนอย่างกับลิง แล้วทำไมกับหนูน้อยคนนี้ถึงได้ถามแม้กระทั่งชื่อ แถมยังใช้เสียงสองเสียงสามพูดคุยราวกับลูกสาวในไส้ “หนูชื่อหอมรักค่า มามี้อยู่ตรงนั้น” “ชื่อเพราะจังเลย ลุงชื่อปลายเมฆครับ เรียกลุงเมฆก็ได้” “เป็นลุงเลยเหรอวะไอ้เมฆ” สิบทิศหันไปกระซิบถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่ชอบใจ หน้าออกจะเด็กปานนี้แต่ดันจะให้เด็กเรียกลุงซะงั้น เขายังไม่อยากเป็นลุงนี่หว่า ทว่าปลายเมฆกลับพยักหน้า “เออสิ อายุเราสองคนเป็นลุงน่ะดีแล้ว” “ก็ได้ลุงก็ลุง สวัสดีครับสาวน้อย ลุงชื่อสิบทิศ” “เดี๋ยวลุงเมฆพาไปหามามี้เอาไหมครับ” “ไม่เอาค่า มามี้บอกว่าห้ามไปกับคนแปลกหน้า” “แต่ลุงสองคนไม่ใช่คนร้าย หนูไว้ใจลุงเมฆได้” “ลุงสิบก็ไว้ใจได้ค่ะ น้องหอมรักไม่ต้องกลัวลุงสองคนนะ” “ไม่ได้ค่ะ มามี้บอกห้ามไว้ใจใครเด็ดขาด” เด็กน้อยถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทว่าดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของปลายเมฆไม่วางตา หากแต่สองลุงยังไม่ทันจะเอ่ยต่อก็ต้องหันหน้าไปมองตามเสียงเรียกของใครบางคน “น้องหอมอยู่ไหนลูก น้องหอม” “มามี้ขาน้องหอมอยู่นี่ มามี้ขา” “น้องหอม” “มามี้ขา” เด็กน้อยตาแป๋วรีบกระโดดไปกอดมารดา ก่อนจะหันมาจ้องมองสองลุงอีกครั้ง ส่วนปลายเมฆถึงกับยืนตัวแข็งทื่อไปแล้วเมื่อเห็นว่า มารดาของเด็กหญิงที่ตัวเองเอ็นดูคือใคร ระฆังแก้วยังไม่ได้ให้ความสนใจชายหนุ่มสองคนตรงหน้าจึงไม่รู้ว่าหนึ่งในนั้น เป็นอดีตสามีที่หย่าขาดกันไปหลายปีแล้ว “ทำไมมาเล่นตรงนี้ลูก มามี้บอกห้ามไปไกลใช่ไหมคะ” “ขอโทษค่า น้องหอมวิ่งตามคนอื่น น้องหอมอยากเล่นด้วย” “วันหลังไม่ทำแบบนี้นะคะ” “ค่ามามี้ น้องหอมจะไม่ทำแล้ว” เห็นลูกทำหน้าเศร้าคนเป็นแม่มีหรือจะไม่ใจอ่อนจึงหอมแก้มยุ้ยๆ ไปหนึ่งฟอดเป็นการลงโทษ จากนั้นถึงได้ให้ความสนใจผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ไม่ห่าง “ขอโทษด้วยนะคะถ้าลูก... คุณปลายเมฆ!!!” “ระฆังแก้ว เด็กคนนี้เป็นลูกสาวคุณเหรอ” “ค่ะ น้องหอมไปลูก” “ไม่ได้ค่ะมามี้ขา น้องหอมต้องสวัสดีก่อนค่า เด็กดีต้องไหว้สวยๆ แบบนี้ สวัสดีค่ะลุงเมฆ สวัสดีค่ะลุงสิบ” เด็กหญิงตาแป๋วค่อยๆ ค้อมตัวลงหลังจากยกมือขึ้นมาพนม ก่อนจะเอ่ยสวัสดีคุณลุงทั้งสองเสียงหวาน แม่หนูผู้มีความจำเป็นเลิศจึงจำได้ว่าใครชื่ออะไร หลังจากร่ำลาเสร็จระฆังแก้วก็รีบจูงมือลูกสาวเดินกลับเข้าไปในศาลา แววตาของเธอที่มองอดีตสามีดูเย็นชามาก ขนาดที่ว่าเพื่อนสนิทของปลายเมฆอย่างสิบทิศยังสัมผัสได้ “คุ้นๆ ว่ะ ระฆังแก้ว ระฆังแ... เฮ้ย! อดีตเมียมึงใช่ไหม กูจำได้” “อืม เธอนั่นแหละ คงกลับมางานศพแม่” “น้องหอมรักลูกมึงไหมไอ้เมฆ” “ลูกชู้ มึงจำไม่ได้เหรอวะว่าระฆังแก้วคบชู้” “กูจำเรื่องนั้นได้ กูไม่ได้ความจำเสื่อม แต่เด็กหน้าตาเหมือนมึงอย่างกับแกะ ลูกชู้จริงดิ กูว่าไม่ใช่” “เดี๋ยวนะมึงบอกว่าเด็กหน้าเหมือนกูเหรอ” “เออเหมือนมาก เอาตรงไหนมาไม่เหมือนดีกว่า” คำพูดของสิบทิศทำให้ปลายเมฆเริ่มเกิดความสับสนในใจ เขาเองก็คิดว่าลูกสาวของอดีตภรรยาหน้าตาเหมือนตัวเอง แต่จะเป็นลูกของเขาได้อย่างไรในเมื่อตอนนั้น เธอแอบคบชู้จนตั้งครรภ์ “กูถามอีกครั้ง มึงแน่ใจใช่ไหมว่าเด็กหน้าเหมือนกู” “มองมาจากนอกโลกก็โคตรมั่นใจ กูว่าลูกมึงไม่ใช่ลูกชู้” สิบทิศตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในงานศพ ปล่อยให้ปลายเมฆได้ยืนใช้ความคิดอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มแอบเอนเอียงไปตามที่เพื่อนบอก แต่เรื่องราวในอดีตกำลังย้ำเตือน บอกให้เขาอย่าเพิ่งปักใจเชื่อ เพราะบนโลกใบนี้มีคนหน้าเหมือนกัน ทั้งที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเยอะแยะไป น้องหอมรักน่าจะไม่ใช่ลูกของเขา แต่เป็นลูกของชู้นั่นแหละ แค่บังเอิญหน้าตาคล้ายเขาก็เท่านั้นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD