งานฉลองมงคลสมรสถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูระดับห้าดาว ใจกลางเมืองกรุง แขกที่มาร่วมงานมีแต่งผู้รากมากดีและกลุ่มนักธุรกิจมากมายเดินทั่วงาน เหมือนดั่งงานนักสังสรรค์นักธุรกิจขนาดย่อมก็ไม่ปาน
หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเจ้าหญิงสีขาวสะอาดตาฟูฟ่อง ใบหน้าสวยถูกแต่งเต็มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้า จนทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างพากันชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน
ซึ่งแตกต่างจากเจ้าบ่าวที่ยืนทำให้นิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาให้ได้เห็น นอกจากความเบื่อหน่าย ถึงแม้ว่าเจ้าสาวของเขาในคืนนี้จะสวยปานนางฟ้าแค่ไหนก็ตาม
“ยินดีด้วยนะไอ้คิน มีเมียสักที”
“เห็นเงียบ ๆ คนแรกของกลุ่มเลยนะเว้ย” เพื่อนรักทั้งสองของเจ้าบ่าวเดินเข้ามาหาเพื่อนที่ยืนหน้านิ่งไม่มีการตอบรับคำพูดจากเพื่อนทั้งสองบริเวณหน้าแบ็คดรอปของงานโดยมีเจ้าสาวแสนสวยยืนอยู่ข้าง ๆ
“สวัสดีครับพี่ชื่ออรรถ ส่วนไอ้นี่ชื่อเมฆนะ”
“สวัสดีค่ะ หนูพราวฟ้านะคะ” เจ้าสาวยกมือขึ้นไหว้เพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสองด้วยความนอบน้อม รอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนหวาน ทำให้อคินปรายตามองเธอด้วยความหมั่นไส้ไม่น้อย
“น้องพราวฟ้าสวยเหมือนนางฟ้าเลยครับ”
“เหอะ!!”
“หรือมึงจะเถียงว่าเมียมึงไม่สวย” อรรถหันไปถาม อคินที่ยืนทำให้เบื่อโลกและกระแอมเสียงขัดจังหวะเมื่ออรรถเอ่ยชมเจ้าสาวของตัวเอง
“งั้น ๆ ”
“ใครจะไปสวยเหมือน ฟะ” ยังไม่ทันที่อรรถจะพูดจบ มือหนาของเมฆรีบตะครุบปากหนาของอรรถเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะพ่นชื่อของใครบางคนออกมาให้อคินและพราวฟ้าได้ยิน
“อย่าไปฟังไอ้อรรถมันมาก มันชอบเพ้อเจ้อ พี่สองคนขอตัวเข้าไปในงานก่อนนะครับ” เมฆพูดจริง เขารีบลากเพื่อนรักเข้าไปในงานทันที
ภายในงานที่จัดขึ้นเหมือนสวรรค์ รายละเอียดทุกอย่างถูกจัดขึ้นด้วยความปรานี ทุกอย่างจำลองออกมาได้สวยเหมือนดั่งสวรรค์ แสง สีและภาพที่ถูกจัดอย่างสวยงาม แขกเหรื่อใส่ชุดราตรีสีฟ้า ขาว ตรึมที่ถูกเจ้าของงานกำหนดขึ้น
ดอกไม้สดสีขาวสะอาดตาภาพแต่งงานของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ดูผ่าน ๆ เหมือนคนรักกัน แต่เมื่อตั้งใจดูภาพที่ถูกถ่ายออกมาเหมือนใบหน้าของคนที่ถูกบังคับเสียมากกว่า
“ไอ้อรรถ มึงดูภาพคู่ดิ่วะ? หน้าไอ้คิน แม่งเหมือนถูกบังคับให้ถ่ายชัด ๆ” เมฆชี้ให้กับอรรถได้ดูภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของอคินและพราวฟ้าที่ดูยังไงก็ฝืน แต่ยังดีที่เจ้าสาวยังมีรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าหน้าสวยอยู่บ้างทำให้ภาพพรีเวดดิ้งไม่น่ากลัวเกินไป
“กูก็นึกแปลกใจว่าคนอย่างไอ้คิน ทำไมถึงรีบแต่งงาน”
“กูสงสารน้องพราวฟ้าก่อนเลยได้ไหม”
“คิดแบบกูเลยวะ?” เมฆและอรรถหันไปมองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัวเอือมระอา พวกเขารู้จักนิสัยของอคินดีเพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงตอนนี้
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยเจ้าคิน” เสียงคุณหญิงมินตราแม่ของอคินเอ่ยเตือนลูกชายที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกไม่มีแม้แต่รอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อ
“วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม ผมทำหน้าแบบนี้แปลกตรงไหนครับ”
“เจ้าคิน พูดอะไรเกรงใจหนูพราวบ้างสิ”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจ ผู้หญิงที่เห็นแก่เงินหนิครับ”
“คิน!!”
“ผมขอตัว” ร่างสูงในชุดสูทเดินล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เดินผ่านหน้าผู้เป็นพ่อและแม่ไป โดยปล่อยให้เจ้าสาวยืนหน้าเสียเมื่อได้ยินประโยคจากอคิน
“หนูพราว อย่าไปถือสาพี่คินเลยนะลูก”
“ค่ะ คุณป้า”
“ว๊าย!!คุณป้าอะไรลูก ตอนนี้หนูเป็นลูกสะใภ้ของแม่แล้ว ใบทะเบียนสมรสก็มีแล้ว เรียกแม่นะลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนของคุณหญิงมินตราทำให้พราวฟ้าซาบซึ้งใจไม่น้อยที่ได้แม่สามีที่ดีแบบนี้
“ค่ะ คุณแม่”
“วันนี้เจ้าคินไม่เห็นค่า แต่แม่ว่าต้องมีสักวันที่ พี่เขาจะคลานเข่ามาหาหนูลูก เชื่อแม่สิ” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าของคุณหญิงมินตราที่มองตราแผ่นหลังของลูกชายตัวเองที่กำลังยืนดื่มกับเพื่อนอยู่
คุณหญิงมินตราและคุณฌานพ่อของอคิน เดินแยกตัวจากพราวฟ้าออกมารับแขกแต่ก็ไม่วายถูกสามีของตัวเองเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยกับคำพูดของภรรยาซึ่งมีสักเป็นแม่ของอคิน
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นคุณมินตรา”
“ไม่เชื่อคุณก็ค่อยดูลูกชายคุณสิคะ”
“ผมกลัวว่าเมื่อถือเวลานั้น หนูพราวจะไม่ทนนะสิ!!”