EP.2 SLAVE TO LOVE ♥
ตอน NEW GM (General Manager)
- KINGSTON HOTEL -
ณ โรงแรมคิงส์ตัน
กรุงเทพมหานคร
ปั่ก! ฝ่ามือหนากำหมัดแน่นทุบลงที่โต๊ะอาหารสุดหรู ทำเอาเหล่าพนักงานภายในห้องอาหารหรูสะดุ้งโหยงไปตาม ๆ กัน
“รสชาติอาหาร...เอาไปเทให้หมายังไม่รู้เลยว่าหมาจะกินหรือเปล่า!” GM หนุ่มรูปหล่อลูกเสี้ยวไทย-อิตาลีตวาดลั่นห้องอาหาร พนักงานที่ยืนเข้าแถวเรียงรายอยู่ตรงหน้าก้มหน้าลงอย่างไม่กล้าสบตาของเขาเลยแม้แต่คนเดียว
ทางด้านหัวหน้าเชฟห้องอาหารเองก็ถึงกับชะงักไปเลยเมื่อเห็น GM หนุ่มเทอาหารที่เพิ่งจะเสิร์ฟไปลงถังขยะทั้งหมด
เคร้ง~ เขาวางกระแทกจานเปล่าลงบนโต๊ะอีกครั้ง คลินต์ขบกรามแน่นก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ
“อ้างตัวว่าเป็นมือต้น ๆ ของประเทศ...ทำอาหารได้อร่อยที่สุดแค่นี้งั้นเหรอ?” ริมฝีปากร้ายพูดแดกดันอย่างใส่อารมณ์ใส่หัวหน้าเชฟและมองเหล่าพนักงานในห้องอาหารด้วยแววตาดุ ๆ
“นี่มันไม่ใช่แค่รสชาติที่แย่นะ...แต่วัตถุดิบที่ใช้ทำก็เกรดต่ำ อาหารพวกนี้มันคู่ควรสำหรับแขกที่เขายอมจ่ายแพง ๆ เพื่อนอนในโรงแรมหรูระดับห้าดาวแล้วเหรอ?” คลินต์ตวาดลั่นห้องถามไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขาเองก็ทานอาหารภัตตาคารหรูมาโดยตลอด เขารู้ดีว่าอาหารที่รสชาติดี ๆ วัตถุดิบดี ๆ มันต้องรสชาติประมาณไหน
“ผมขอโทษครับคุณคลินต์ ขอโทษนะครับ ๆ” หัวหน้าเชฟวัยกลางคนก้มหัวโค้งคำนำ GM หนุ่มคนใหม่หัวแทบจะติดพื้น
“คำขอโทษฉันไม่ต้องการ...เอากองไว้ตรงนั้นแหละ!”
ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินไปประจันหน้ากับหัวหน้าเชฟทันที
เนื่องจากโดยปกติแล้วห้องอาหารบุฟเฟต์ในตอนเช้าจะปิดให้บริการในเวลา 10 โมงตรง ตอนนี้จึงไม่มีลูกค้าท่านอื่น ๆ บรรยากาศในห้องเงียบสงัด พนักงานเกือบ 20 คนไม่มีใครกล้าพูดคุยหรือส่งเสียงดังใด ๆ ออกมาเลย เพราะพวกเขารู้สึกกลัวเกรง GM คนใหม่จนลนลานไปหมด
หลังจากที่คลินต์ได้อ่านคอมเมนต์รีวิวโรงแรมต่าง ๆ ของบรรดาแขกที่เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ผ่านทางเว็บไซต์ มันก็มีทั้งคอมเมนต์เชิงบวกและเชิงลบปะปนกันไป เชิงบวกส่วนใหญ่จะเป็นห้องพัก และบริการของแผนกสปา แต่คอมเมนต์ในเชิงลบล้วนแล้วแต่มาจากห้องอาหารทั้งสิ้น
เขาจึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเข้ามาสุ่มตรวจการทำงานที่นี่โดยไม่ได้บอกกับใครเอาไว้ล่วงหน้า พวกพนักงานจึงไม่รู้มาก่อนเลยว่าวันนี้ GM คนใหม่จะเข้ามาตรวจในวันนี้ คลินต์รวบรวมผลประกอบการและรีวิวแย่ ๆ เก็บเอาไว้ในแฟ้มเอกสารอ่านซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะลงมาสำรวจด้วยตัวเองว่าทุกอย่างที่แขกคอมเมนต์มาเสีย ๆ หาย ๆ มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ห้องอาหารนี้มีการเบิกงบประมาณสูงถึง 3% เมื่อเทียบกับโรงแรมคิงส์ตันในสาขาอื่น ๆ แม้ว่ามันจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ไม่มากเท่าไร แต่ด้วยความเข้มงวดของ GM คนใหม่อย่างคลินต์เขาไม่คิดจะปล่อยผ่านแน่ ๆ ถ้าเบิกเงินเพิ่มแต่คุณภาพอาหารดีสมราคาเขาก็คงไม่โวยวายอะไร แต่พอมาเจอกับรสชาติอาหารของที่นี่แย่กว่าโรงแรมคิงส์ตันในสาขาอื่น ๆ ที่เขาไปตรวจทานมาก่อนหน้า จึงทำให้เขาโมโหมากจริง ๆ
“อาหารแทบจะทุกอย่างในเลานจ์ ทั้งเย็น ทั้งจืดชืด ไม่มีอะไรอร่อยเลยสักอย่าง!” เขาเริ่มเดินสำรวจอาหารบุฟเฟต์ที่จัดเรียงรายเอาไว้อย่างสวยงาม แต่มันสวยแค่เวลามองจริง ๆ คลินต์กวาดสายตามองไปทั้งโต๊ะอาหาร
“ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องเสียเงินเพื่อซื้อเครื่องครัวชุดใหม่ ฉันคงถีบคว่ำไปแล้วทั้งโต๊ะนี้” เขาพูดอย่างเหลืออด
“ห้องอาหารมีพนักงานตั้ง 20 คน ไม่มีใครคอยดูแล คอยเติมอาหารใหม่ คอยอุ่นอาหาร หรือสับเปลี่ยนเมนูในแต่ละวันให้แขกที่เข้าพักเลยเหรอ?” คลินต์ถามขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง
“ข้าวต้มตอนเช้าของที่นี่...นึกว่าเอาน้ำล้างจานผสมข้าวมาให้กิน” สายตาคมกริบตวัดมองไปที่หัวหน้าเชฟที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไรนัก
“ถามจริง ๆ นี่ใช้มือหรือเท้าทำกันเหรอ?” คลินต์พูดใส่หน้าของเหล่าพนักงานอย่างไม่พอใจจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ
“หมูเมื่อวาน ค้างมาหลายคืนสินะ... เหม็นจนแทบจะอ้วก!” คลินต์ตักข้าวต้มหมูในหม้อขึ้นมามองพิจารณาอยู่พักใหญ่ โดยปกติแล้วถ้าเทียบกับโรงแรมสาขาอื่น ๆ ข้าวต้มจะเป็นตัวเลือกอาหารเช้าสำหรับแขกผู้เข้าพักมากที่สุด แต่ที่นี่เหลือเยอะจนเหมือนว่าไม่มีใครหลงมาตักไปทานเลยด้วยซ้ำไป
“คือ...” หัวหน้าเชฟเหงื่อแตกพลั่ก ๆ อย่างไม่รู้จะอธิบายกับเขาอย่างไรดี
“น่าแปลกที่หัวหน้าห้องอาหารขอเบิกเงินมากกว่าสาขาอื่น ๆ แต่กลับทำออกมาได้แย่ที่สุด โดนลูกค้าคอมเพลนประจานอยู่หน้าเว็บไซต์ของโรงแรม...เข้าไปอ่านกี่ทีก็อายจนฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!” คลินต์ขึ้นเสียงดังลั่นจนพนักงานหน้าเสียกันไปเป็นแถบๆ
“ทั้งเดือนมีเมนูบุฟเฟต์เดิมเมนูเดียว ไม่เปลี่ยนหรือเพิ่มเติมอะไรใหม่ ๆ เลย” ทายาทคนเดียวของเครือโรงแรม KINGSTON ยังคงวิพากษ์วิจารณ์ห้องอาหารต่ออย่างดุเดือด
“แขกที่จองห้องพักสักหนึ่งสัปดาห์ขึ้นไปก็ต้องทนกินข้าวต้มมันทุกวัน ๆ ...ข้าวในคุกยังดีกว่าที่นี่เลยมั้ง!” เขาหยุดถามที่พนักงานเสิร์ฟผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับดึงโบสีแดงให้อยู่ตรงกลาง พร้อมกับจับสูทที่ยับ ๆ ให้เรียบตรงแบบเป๊ะ ๆ
“ที่นี่...อาหารก็โคตรห่วย บริการก็โคตรแย่ และนี่การแต่งตัวยังมอซอดูแทบไม่ได้เลย” คลินต์พูดขึ้นและมองที่รูขาด ๆ ที่ชายเสื้อของพนักงานชายตรงหน้า
“นี่พวกเธอบริการในโรงแรมหรูของฉันหรือบริการในสลัมกันแน่?” เขาพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังพนักงานทุกคนอย่างสำรวจเครื่องแต่งกาย จริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่มาก แต่ถ้าเทียบกับความหรูหราของโรงแรมเขาแล้ว มันดูเก่าอยู่พอสมควรเลยเหมือนกัน
“ขอโทษครับ ๆ” หัวหน้าเชฟไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ นอกจากการขอโทษขอโพยอย่างเต็มที่
“หัวหน้าเชฟส่งจดหมายขอเบิกเงินมาตัดชุดยูนิฟอร์มใหม่เมื่อปลายปีก่อน!” คลินต์พูดต่ออย่างจดจำรายละเอียดได้ถี่ยิบ
“แต่ชุดพนักงานยังเก่าจนขาด ซักจนหด สีซีดสนิท ถ้าจะให้พูดเลยก็คือขอทานข้างถนนยังดูดีกว่าอีกมั้ง” เขาบ่นร่ายยาวและส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้เลยจริง ๆ กับความห่วยแตกของคนในห้องนี้
“คือ...ทางห้องอาหารมีค่าใช้จ่ายเยอะนะครับ GM” หัวหน้าเชฟพูดขึ้นเบา ๆ อย่างเกร็งไปทั้งตัว
“และที่ผมยังไม่ได้ตัดชุดยูนิฟอร์มให้กับพนักงาน เพราะผมก็ต้องค่อย ๆ แบ่งเงินที่เบิกมาไปซื้อพวกของใช้จำเป็นจริง ๆ ก่อน เช่นพวกจาน ชาม แก้วเหล้า แก้วไวน์” หัวหน้าเชฟรีบหาข้อชี้แจงเพื่อเอาตัวรอดในทันที
“ที่พวกลูกค้ามักจะทำแตกอยู่บ่อย ๆ ผมเลยต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่อยู่เรื่อย ๆ” คำพูดของหัวหน้าเชฟทำให้บรรดาลูกน้องที่ยืนฟังอยู่ถึงกับขมวดคิ้วอย่างเก็บอาการไม่อยู่
“เงินที่เบิกมาเอาไปเป็นค่าจานแก้วที่แขกทำแตกเนี่ยนะ?” คลินต์ตวาดกลับไปอย่างเสียงสั่น
“พนักงานที่นี่โง่กันทุกคนแบบนี้เลยเหรอ...แขกทำแตกแต่โรงแรมต้องรับผิดชอบจ่ายเอง?” คลินต์หันไปถามรองหัวหน้าเชฟด้วยแววตาที่กดดัน
“เอ่อ...เรื่องที่หัวหน้าพูดมาไม่เป็นความจริงค่ะ GM” เธอรีบพูดความจริงทันทีเพราะกลัวว่าจะโดนคาดโทษไปด้วย
“จานหรือแก้วต่าง ๆ ที่แตกส่วนใหญ่หากเกิดขึ้นจากแขกที่เข้าพัก เราจะชาร์จค่าเสียหายเป็นสองเท่าของราคาจริงเลย และเราก็ลงบิลค่าเสียหายรวมเข้าไว้ที่ห้องพักของแขกคนนั้นค่ะ” เธออธิบายต่ออย่างละเอียดยิบ ทำเอาหัวหน้าเชฟนิ่งไปอย่างไม่สามารถคิดหาข้อแก้ตัวได้ทัน
“งั้นก็หมายความว่า หัวหน้าเชฟที่นี่ใช้อำนาจ ตำแหน่งของตัวเอง ยักยอกเงินที่เบิกมาของโรงแรมเข้ากระเป๋าตัวเองสินะ” คนตัวสูงเอ่ยถามขึ้นและจ้องมองไปที่หัวหน้าเชฟคนเก่าคนแก่ของทางโรงแรมนิ่ง ๆ
“ผะ...ผม” ทางหัวหน้าเชฟเริ่มพูดจาติด ๆ ขัด ๆ อย่างคิดหาคำแก้ตัวไม่ได้อีก
“ไม่ได้ทำนะครับ” ชายวัยกลางคนส่ายหน้าตอบอย่างเสียงสั่น
“ฉันให้โอกาสตอบอีกครั้งหนึ่ง!” GM จอมโหดเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของเขาอย่างหมดความอดทน