มือกรกนกยังคงกำแน่นอยู่บนพวงมาลัยรถนิ่ง เหงื่อออกจนชุ่ม ร่างกายเขาเกร็งอย่างอึดอัด มีเพียงแววตาหม่นมัวเท่านั้น มันแสดงออกถึงความเจ็บปวดมากมายมหาศาล ต่อให้สะกดจิตตัวเองนับหมื่นนับพันครั้งเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงเรื่องนี้ได้อยู่ดี
ก็ในเมื่อรถยนต์คันที่ทั้งคู่ยืนจูบกันอยู่ มันเป็นรถของแม่เขาแท้ๆ ส่วนผู้ชายคนนั้นเขายังพอจำหน้ามันได้ ถึงเวลาจะผ่านพ้นมาหลายเดือน เขาก็ยังจำได้ว่ามันเป็นคนเดียวกันกับที่นั่งร่วมโต๊ะในร้านอาหารกับงามเด่น โต๊ะที่แม่เขาเอาแต่ส่งสายตารอบมองไปหาอยู่เรื่อย คนที่แม่บอกกับเขาและพ่อว่าแค่คนหน้าคล้ายกับคนรู้จัก
ความจริงเปรียบเสมือนมีดกีดลงกลางดวงใจ เป็นเหตุให้กระบอกตาของกรกนกร้อนผ่าว เขาจำต้องกะพริบมันถี่ๆ จงใจขับไล่ละอองน้ำในหน่วงตาให้เหือดแห้ง
ในเวลานี้ เขายังไม่พร้อมจะให้ใครเข้ามารับรู้ถึงเรื่องอัปยศภายในครอบครัวตัวเอง
เรื่องที่แม่กำลังมีชู้...
นี่แม่หมดรักพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่?
แล้วแม่ไม่ได้รักเขาตั้งแต่ตอนไหน?
คำถามอีกมากมายประดังประเดผุดเข้ามาในความคิด กรกนกกลับเอื้อมมือควานหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านั้นไม่ได้สักคำตอบเดียว มีเพียงแววตาเจ็บปวด เอาแต่มองจ้องตรงไปยังท้องถนน ไม่กล้าแม้แต่จะดึงสายตากลับไปมองด้านหลัง
เขากลัว...กลัวว่าอาจจะทำให้มาวินผิดหวัง ด้วยการพารถพุ่งชนเข้าข้างทางเสียก่อน...
ตัวรถเคลื่อนต่อไปโดยละมุนละม่อม เพราะคนขับพยายามตั้งสติไม่ยอมให้ตัวเองวกกลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่
มาวินนั่งเกร็งมาได้ไม่นานประจวบเหมาะกับมีสายเรียกเข้า จึงปล่อยให้เพื่อนสนิทประคองรถขับต่อไปเรื่อยๆ เลยไม่ทันสังเกตหยดน้ำใสที่มันเกินกำลังหักห้าม เอ่อล้นอยู่ตรงหางตา กรกนกรีบปาดมันทิ้ง แล้วหันกลับไปมุ่งมั่นกับเส้นทางข้างหน้า จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง อันที่จริงขับต่อมาอีกแค่ไม่กี่สี่แยกก็ถึงหน้าตึกปูนขนาดสามชั้น ...
เจ้าเพื่อนที่นัดหมายวิ่งหอบกระเป๋าเป้ติดหลังออกมายืนดักรอตรงจุดนัดพบ พอรถเก๋งขับมาถึงเจ้าตัวก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งทันที...
----------------------------------------
งานกลุ่มจบลงตอนหนึ่งทุ่มตรง กรกนกเดินสีหน้าเหนื่อยออกมาส่งทุกคนขึ้นรถกลับที่พัก บางคนกลับบ้าน บางคนเดินแยกกลับไปยังหอพักของตัวเอง ส่วนกรกนกเขาล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกุญแจรถออกมาถือไว้
การต้องแบกรับความอึดอัดใจลากยาวติดต่อกันหลายชั่วโมง มันทำให้กรกนกแทบคลั่งตาย พอเพื่อนๆทุกคนต่างแยกย้ายจนสายตาไม่แลเห็นแผ่นหลังใคร ชายหนุ่มจึงเดินย้อนมายังใต้ตึกกระโดดขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้เคียงกับรถยนต์ส่วนตัว
รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ เขาอ้อนขอแม่ซื้อไว้ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งเพราะว่ามันใช้งานได้บ่อยกว่ารถยนต์ พอนึกถึงแม่หัวใจเขาก็เจ็บปวดจนต้องรีบสลัดมันทิ้งไปซะ...
ความร้อนใจนำพาให้กรกนกขี่รถมาด้วยความเร็วสูง ใช้เวลาไม่นานเขาก็มาถึงหน้าตึกหอพักที่ยังคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษา พลันสายตาเขาสอดส่ายมองหาคนที่อยากเจอ...
บังเอิญเหลือเกินว่าเขาดันรู้เวลานี้เจ้าตัวมักมานั่งหลบอ่านหนังสือตรงจุดไหน เขาถีบขาตั้งรถลง จอดไว้ตรงริมฟุตบาท กรกนกเดินหน้าบึ้งตึงตรงมายังโต๊ะม้าหินอ่อน มันถูกวางแอบอยู่ทางใต้ต้นหูกวางและตั้งไม่ห่างกับตึกหอพักรวมสักเท่าไหร่ด้วย...
งามเด่นเงยหน้าจากตัวอักษรทันทีที่เธอเห็นเงาตะคุ่มของคนนั่งฝั่งตรงข้าม วันนี้วินทามีธุระกับครอบครัวโทรมาบอกว่าจะค้างที่นั่นเลย งามเด่นจึงฉวยเอาตำราเรียนเดินออกจากห้องพัก มุ่งหน้าตรงมานั่งยังม้านั่งประจำ เงานั่นคงไม่ใช่เพื่อนของเธอแน่นอน
ครั้นพอเงยหน้ามองเจ้าของเงาก็ทำเอางามเด่นสะดุ้งโหยง จะไม่ให้สะดุ้งไหวได้ยังไง คนไม่เคยเห็นเธอในสายตาจู่ๆเขาก็มานั่งจ้องหน้าชนิดตาไม่กะพริบ
“นายมีอะไร?...หรือเปล่า” ถามพร้อมกับเอามือลูบขนแขนที่มันลุกซู่ก่อนจะชะงักไปกับคำถามของคนตรงหน้า
“ผู้ชายตัวสูงๆผิวขาวๆหน้าตาดีๆ แต่งตัวมีรสนิยมค่อนมาทางแพง คนที่เธอเคยไปทานข้าวในร้าน...เป็นอะไรกับเธอ”
คุณสมบัติร่ายยาวนั้นงามเด่นไม่ต้องใช้สมองคิดทบทวนสักประโยคก็รู้ได้ทันทีหมอนี่หมายถึงใคร ดวงตาดำขลับกะพริบปริบๆ ว่าแต่เขาถามถึงพี่ชายคนละพ่อของเธอทำไมกัน อย่าบอกนะว่า...
งามเด่นสูดหายใจเข้าอกลึก พร้อมจ้องตาเขากลับ
มาถามถึงผู้ชายอีกคนพร้อมด้วยสีหน้าร้อนใจ แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออก...
คงเพิ่งจะรู้ถึงรสนิยมตัวเองสินะ ก่อนหน้านายถึงตอบปฏิเสธผู้หญิงเกินครึ่งกว่ามหาวิทยาลัย หนึ่งในนั้นก็คงหมายรวมถึงตัวเธอด้วย...
ดวงตากลมโตจึงกลอกกลิ้ง รู้สึกเสียดายชะมัด ถ้านายกรจะหันเหไปชอบไม้ป่าเดียวกันจริง...
ผิวแก้มใสร้อนผะผ่าว มือไม้มันดูเกะกะไปหมด แล้วคนเข้าใจไปอีกความหมายก็ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“คนที่นายหมายถึงเขาเป็นพี่ชายของฉันเอง ว่าแต่...นายถามถึงพี่มิ่งทำไม รู้จักกันด้วยเหรอ...”
ยังไม่ทันได้รับคำตอบ คนถามก็ถามเสียงรัวมาอีกระลอก
“เขาทำงานอะไร อยู่ที่ไหน แล้วมีครอบครัวหรือยัง...”
“นายอยากจะรู้ประวัติพี่ชายของฉันไปทำไม...แล้วทำไมฉันต้องบอกกับนายด้วยล่ะ”
“ก็เอ่อ...นั่นสิ...” กรกนกเหมือนเพิ่งได้สติ เขายกมือขึ้นลูบหน้า นี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ ชายหนุ่มนิ่วหน้าพร้อมถอนหายใจหนัก รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อรู้ตัวว่าเขาใจร้อนจนดูราวกับคนไร้สติต่อหน้าผู้หญิงที่เขาพยายามไม่ให้ความสนใจ
“ขอโทษที...บังเอิญว่าฉัน...เอ่อไม่ใช่สิ...พอดีว่าทางครอบครัวเขาอยากได้นายแบบหน้าใหม่ อยากให้มาเป็นพีอาร์ให้กับโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ แล้วก็พอดีวันนั้นไง...ฉันเห็นเธอกับพี่ชายเธอใช่ไหม เลยสนใจ...”
คนใจร้อนคิดหาคำแก้ตัวพัลวัน หยิบยกเอาเรื่องกิจการของครอบครัวมาเป็นข้ออ้าง เรื่องนายแบบหน้าใหม่คือเรื่องจริง คุณอาผู้หญิงที่รับหน้าที่ในส่วนนี้เคยโทรมาแย็บๆกับเขา สนใจจะมาเป็นนายแบบคนใหม่ให้โครงการนี้หรือไม่ อยากได้ความสดใหม่มาเป็นจุดขาย เขาตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ลำพังกิจกรรมทางมหาวิทยาลัยก็เอาเวลาพักผ่อนเขาไปเกือบหมด เรื่องอะไรเขาจะหาเรื่องใส่ตัวเพิ่ม
“ก็ไม่ใช่ความลับที่จะบอกกันไม่ได้...” งามเด่นรีบเสนอ เบาใจเรื่องหมอนี่จะเปลี่ยนรสนิยม อีกใจก็อยากให้พี่ชายได้งานนี้ อาชีพนายแบบเงินดีจะตาย
“ถ้านายอยากรู้ฉันก็จะเล่าให้ฟัง...พี่มิ่งขวัญเป็นพี่ชายคนละพ่อกับฉัน ความจริงเรายังมีพี่สาวอีกคนด้วยนะ รายนั้นก็คนละพ่อเหมือนกัน เราสามคนพี่น้องไม่ได้ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนกับพี่น้องคนอื่นๆเขาหรอก จะบอกว่าต่างคนต่างใช้ชีวิตก็น่าจะใช่ เพราะว่าเวลาแม่หาพ่อใหม่ได้ทีไร ท่านก็มักจะตัดขาดกับครอบครัวเก่าของบรรดาพ่อๆทุกคน เราทั้งสามเลยเติบโตมากับพ่อ ไม่มีใครได้อยู่กับแม่ เวลาไปเล่าให้ใครฟังก็มีแต่คนหัวเราะ...”
กรกนกช้อนสายตาขึ้นมองคนเล่าประวัติครอบครัว ฟังดูก็รู้ว่ามันขื่นขมใช่เล่น ฟังดูไม่เห็นจะน่าขำตามน้ำเสียงอย่างคนเล่าต้องการจะสื่อออกมาสักนิด ชายหนุ่มเพ่งมองหญิงสาวตรงหน้าใหม่ๆ
เพราะว่าถูกพ่อเลี้ยงมานี่เอง งามเด่นถึงได้ดูคล้ายม้าดีดกะโหลก...
“เดี๋ยวๆ นายอย่ามองหน้าฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ ถึงฉันจะไม่มีแม่แต่พ่อก็เลี้ยงฉันมาอย่างดีเชียวนะ”
“อืม...ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ...”
ชายหนุ่มส่ายหัว แผ่นหลังเกร็งขนัด อารมณ์ภายในไม่ปกติค่อยๆเอนเข้าหาพนักม้านั่ง รู้สึกผ่อนคลายขึ้น การเต้นของหัวใจก็ชักสงบลงอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็นะ...มันก็ไม่ใช่เหตุผลเอามาหักล้างให้อภัยคนเป็นชู้กับเมียชาวบ้านหรือเปล่า
“อา...คำถามนอกจากความสัมพันธ์ แล้วนายถามว่าอะไรอีกนะ...อ้อๆ พี่มิ่งทำงานอะไร” ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ งามเด่นก็พูดต่อ
“พี่มิ่งทำงานอยู่ที่บริษัท...แล้วก็พักอยู่ที่คอนโดคนเดียว เพราะบ้านจริงๆของพี่มิ่งอยู่ต่างจังหวัดน่ะ เป็นบ้านของคุณลุง ส่วนเรื่องครอบครัว พี่มิ่งยังไม่มี ส่วนคนรัก...” งามเด่นทำท่านึก
“ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่มิ่งเขามีเป็นตัวเป็นตนหรือเปล่า...เคยเห็นแค่แผ่นหลังเฉียดๆ ไม่เคยเห็นหน้าสักครั้ง แต่ก็ดูดีเชียวแหละ...”
คำบอกเล่าประโยคหลังไม่ต่างกับการก่อคลื่นพายุลูกย่อมให้ผุดขึ้นกลางใจกรกนก ดวงตาเขาวาว กระเด้งตัวมาหาหญิงสาว ดวงตาเรียบสงบเปล่งประกายกร้าวกระด้าง งามเด่นตกใจถึงขั้นผละตัวหนีห่าง
“คนที่เธอเห็น ลักษณะเขาเป็นยังไง? ช่วยบอกให้ละเอียดกว่านี้หน่อยจะได้ไหม...” เขาอยากรู้ให้ลึกกว่าเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับพี่ชายงามเด่นอยู่ในลักษณะไหน ขั้นกว่า หรือขั้นสูงสุด
“แค่แผ่นหลังนี่นะ”
“อืม...แค่แผ่นหลังก็ยังดี...” กรกนกทอดเสียงอ่อน
“ดีกว่าให้มันคาใจไปตลอด...ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง” เขาคะยั้นคะยออีก ท่าทางกระตือรือร้นอย่างที่งามเด่นไม่เคยเห็น ทำเอาใจคอไม่ดีขึ้นมาตงิด หมอนี่กินยาขวดไหนผิดมาหรือเปล่า แค่อาชีพนายแบบต้องรู้ประวัติกันลึกขนาดนี้เชียวหรือ?
“นายเริ่มทำให้ฉันกลัว”
“อย่าเพิ่งนอกเรื่อง...บอกมาก่อน” คนถูกคาดคั้นนิ่วหน้า นอกเรื่องตรงไหนก็มันเรื่องเดียวกันนี่แหละ
“ก็...หุ่นดีๆ ผิวขาวๆ สูงกว่าฉันนิดหน่อย ผมดัดน้อยๆทำสี ว่าแต่...แล้วนายจะสนใจคนรักพี่ชายของฉันไปทำไม”
ดวงตากลมพิจารณาคนตรงหน้าละเอียดมากยิ่งขึ้น ลำคอของเธอคล้ายกับกำลังกลืนยาขมปี๋...
“อยากหานายแบบหน้าใหม่แน่นะ...นายคงไม่ได้คิดที่จะ...”
“บ้าสิ...”
ตวาดเสร็จก็ลุกพรวดสะบัดก้นเดินหันหลังทิ้งให้งามเด่นนั่งหน้าเหวอ...
สาวเจ้านั่งนิ่วหน้า ทำปากขมุบขมิบ
“พิรุธมาเพียบ...โมโหกลบเกลื่อนอีกต่างหาก”
---------------------------------
มีสายตาจากทางกลุ่มเพื่อนซึ่งนั่งกันตรงด้านหลังห้องเรียนมองเขาด้วยสายตาแปลกพิกล กรกนกเหลียวคอกลับไปมองซ้ำ ดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง พอถูกเขามองตรงๆ เพื่อนกลุ่มนั้นก็แสร้งทำเป็นหยิบงานขึ้นมากองบนโต๊ะ รวมหัวกันหัวเราะคิกคัก
กรกนกถอนหายใจหนัก เลิกสนใจกลุ่มสาวช่างเมาท์ พอจะเดาออกอยู่หรอก หนึ่งในหัวข้อสนทนาต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งของเขา ในเมื่อสมาชิกหนึ่งในนั้นคืองามเด่น เขาจึงเบือนหน้าหนีเดินเข้าไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนสนิทตรงโต๊ะส่วนด้านหน้า
“เสียดายของจัง...”
พรชีวันเอียงตัวมากระซิบ ปล่อยสายตาชำเลืองตรงไปยังกลุ่มเพื่อนชายด้านหน้าห้อง กรกนกคงไม่มีตาหลัง เรื่องที่คุยกันค้างไว้ยังไม่จบ เลยต้องขอต่ออีกสักหน่อยพอให้หายคันปาก
“นั่นสิ” เสียงสมทบหลุดจากปากของวินทา เจ้าตัวยกมือขึ้นเท้าคางเหล่สายตามองไปยังแผ่นหลังตั้งตรง ศีรษะทุยได้ทรงสวยเส้นผมสั้นดำขลับ
กลุ่มนั้นคือพวกบ้ากิจกรรม พ่วงมากับการมีส่วนของมันสมองชั้นเยี่ยม ไหนจะเรื่องฐานะทางบ้าน กลุ่มนั้นก็จัดว่ามั่นคงในระดับเศรษฐี ทางคณะเลยต้องยกให้เป็นกลุ่มคอยเชิดหน้าชูตา จะว่าวางไว้บนหิ้งก็ไม่ผิดนัก
ส่วนเรื่องบุคลิกหน้าตายิ่งไม่ต้องพูดถึง มีแต่พวกโอปป้าดาราเกาหลียังต้องอาย จำพวกตัวตึงเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆทั่วทิศได้ทุกงาน โดยเฉพาะนายกรกนก รายนั้นเป็นทั้งเดือนมหาวิทยาลัย เป็นทั้งเดือนคณะ เป็นนักกีฬา แล้วไหนจะเป็นนายแบบหนังสือวารสารคอยเรียกแขกจนหนังสือขายหมดเกลี้ยงในชั่วพริบตา
โอ๊ย!แต่ดันมาชอบผู้ชายเพศเดียวกันนี่นะ โลกช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย วินทาบ่นอุบอยู่ในใจก่อนจะดึงสายตากลับมาในกลุ่มเพื่อนขาเมาท์
ส่วนงามเด่นตัวจุดประเด็นของเรื่องกลับนั่งกลอกตากลิ้ง ดันศีรษะเพื่อนทั้งสองมาชนกัน ผลุบหัวตัวเองเข้าไปรวมอีกหัว เพื่อนทั้งสามมองหน้าพร้อมแววตาซุกซน...
“สองคนแกนี่ก็เวอร์เกินไป ทำมาเป็นเสียดงเสียดาย อย่าลืมสิ...แกทั้งสองคนมีแฟนแล้วทั้งคู่ เหลือแต่ฉันที่ยังมุ่งหน้าเดินขึ้นคานอยู่คนเดียว”
“เออๆ รู้หรอกน่า...ก็แค่อาหารหู อาหารตา ใช่ว่าพวกกลุ่มนั้นจะสนใจผู้หญิงหน้าตาดาดๆอย่างพวกเราสามคนสักหน่อย”
“ส่วนแกยัยเด่น...แกก็ไม่ต้องมากันท่าพวกฉัน เพราะถึงยังไงแกก็อดเหมือนกันละย่ะ เพราะนายกรเขาไม่กินชะนี...”
พรชีวันกระเซ้าดักทาง พลางดึงศีรษะทั้งสามออกห่าง นิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนตัวร้าย ทั้งสามสบตากันอีกครั้ง พร้อมปล่อยเสียงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน
ส่วนคนถูกนินทาทั้งลับหลังและต่อหน้า เขายังคงนั่งหน้าเครียดรวมในกลุ่มเพื่อน บทสนทนาหลากหลายไม่อาจผ่านเข้าหู ในสมองเขาเต็มไปด้วยคำถามค้างคาใจมากมาย
ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน เขาลองโทรกลับเข้าบ้าน แม่บ้านบอกกับเขาว่าทั้งแม่และพ่อยังไม่มีใครกลับเข้าบ้านสักคน พ่อเขาบินไปดูงานต่างประเทศ ขึ้นเครื่องไปเมื่อสองวันก่อนทว่ายังไม่มีกำหนดกลับแน่นอน อันนี้พ่อโทรคุยกับเขาก่อนท่านบิน จึงเป็นการเปิดโอกาสให้แม่เขา...กรกนกไม่อยากคิดต่อ หัวใจเขามันรู้สึกหนักจนไม่รู้จะหาทางแก้ไขอย่างไร...
นี่ถ้าหากเป็นสมัยตอนเขายังเด็กกว่านี้ ไม่มีกิจกรรมสำคัญอะไรต้องทำที่โรงเรียน พ่อมักจะพาทั้งเขากับแม่ บินไปเที่ยวที่นั่นพร้อมกันเป็นประจำ พอเขาโตขึ้นมาหน่อยกิจกรรมทางโรงเรียนดึงเวลาในส่วนนั้นมาเกือบครึ่ง ผสมกับแม่ก็เบื่อการเดินทางไกล พ่อเลยเลิกหิ้วเราสองคนแม่ลูกติดสอยห้อยตามไปด้วย ต้องบินเดี่ยวไปประชุมงานต่างประเทศลำพังตลอด...
พ่อไปเรื่องงาน ส่วนแม่เขา...กรกนกสูดหายใจลึก ทอดสายตาเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย ถ้าสิ่งนั้นหมายถึงความสุขของแม่ เขาจะไม่ทำลายมันก็ได้ เขาจะทำเป็นไม่เคยเห็นภาพนั้นมาก่อน...
------------------------------------
งามเด่นยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดูหน้าจอ มีเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นไลน์ เจ้าของข้อความคือพี่สาวต่างบิดา งามเด่นใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่น เพียงนึกในใจ วันนี้คุณพี่สาวจะส่งภาพอะไรมาอวดอีกก็ไม่รู้
ตอนต้นปีก่อนก็ส่งภาพรถเก๋งป้ายแดงมาโชว์ ถัดมาอีกสามสี่เดือนก็ส่งภาพบ้านหลังใหม่หลังงามมาให้เธอเห็นอีก
งามเด่นเพียงแค่ดู เธอไม่อยากออกความคิดเห็น ไม่ได้รู้สึกอิจฉาเลยสักนิด เพราะยังไงซะของนอกกายเหล่านั้นพี่สาวเธอก็ไม่ต่างจากฉกชิงแย่งของคนอื่นเขามาอยู่ดี สถานะเมียเก็บ เมียน้อย มันก็ไม่ต่างจากการขโมยของ ของคนอื่นมาใช้ สร้างเวรสร้างกรรมกับผู้หญิงเพศเดียวกัน โดยไม่กลัวบาปกรรมนั้นจะตามสนองในไม่ช้า
ภาพล่าสุดที่ส่งมาอวดเป็นภาพถ่ายคู่ พี่สาวเธอบินไปเที่ยวต่างประเทศกับผู้ชายคนใหม่ งามเด่นขยายหน้าจอมือถือให้กว้างจนเห็นใบหน้าของผู้ชายน่ารังเกียจชัดแจ๋ว
หัวคิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากันโดยกะทันหัน ทำไมถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดูคุ้นๆพิกลแฮะ...น้องเล็กคนสุดท้องนิ่วหน้า เพ่งมองผู้ชายที่พี่งามละเมียดเอนซบตอนกำลังเดินช้อปปิ้ง
“เอ...เหมือนจะเคยเห็นโครงหน้าแบบนี้ ดวงตาคมๆเข้มๆแบบนี้มาก่อน แถมยังเคยเห็นบ่อยๆด้วยซ้ำ”
งามเดนทำหน้าครุ่นคิดแต่ก็นึกไม่ออก จึงหมดความสนใจ ใครก็ช่างมาทำสันดานมักมากแบบนี้ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
เมื่องามเด่นหมดความสนใจ เธอจึงวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะเผ่นเข้าห้องน้ำแน่บ หูได้ยินเสียงพ่อตะโกนเร่งมาจากข้างล่าง...ให้เธอลงไปทานข้าวเช้าพร้อมกัน ก่อนที่ท่านจะออกไปทำงาน...
----------------------------------