สิ่งระแคะระคายจากลูกชายถูกกลบด้วยกิจกรรมมากมายจากทางมหาวิทยาลัย ในฐานะของเดือนคณะ กรกนกเลยต้องให้ความร่วมมือเกือบจะทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะต้องเดินทางไปเป็นทูตแลกเปลี่ยนด้านภาษากับสถาบันอื่น หรืองานรับน้องภายในคณะ งานเดินแบบการกุศลระดมทุนช่วยเหลือน้องๆตามถิ่นทุรกันดาร หรือแม้กระทั่งงานออกแรงอย่างการลงแข่งขันบาสเกตบอล กีฬาภายในรั่วมหาวิทยาลัยด้วยกัน กรกนกก็รับเหมาเข้าร่วมแต่โดยดี...
จากปกติตอนอยู่ปีหนึ่งเขาจะกลับบ้านทุกสัปดาห์ ตอนนั้นถึงจะมีกิจกรรมบ้างทว่าก็ไม่บ่อยเหมือนตอนเขาขึ้นปีสอง อย่าว่าสัปดาห์ละครั้งได้กลับบ้าน ตอนนี้เกือบสองเดือนเต็มเขาแทบไม่ได้ย่างกายกลับไปหาพ่อกับแม่ด้วยซ้ำ
ปรี๊ด!
สิ้นเสียงนกหวีดหนุ่มบ้ากิจกรรมส่งสัญญาณขอเปลี่ยนตัวออก พร้อมกับวิ่งเหยาะหน้ามันเยิ้มออกจากสนามมานั่งพักบนม้านั่ง เสียงกรี๊ดกร๊าดยังคงดังลั่นไล่ตามหลังเขาทุกฝีก้าว เพียงเพราะหนุ่มหน้าดีที่สุดของชั้นปีสองถูกเปลี่ยนตัวออกมานั่งพักข้างสนาม
น้ำสะอาดขวดหนึ่งถูกยื่นส่งมาให้ตรงหน้า คนส่งไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ เจ้าตัวก็เผ่นเอาน้ำอีกขวดไปส่งให้เพื่อนร่วมทีมอีกคน
“ขอบใจนะเด่น” เพื่อนคนนั้นพูดขึ้นเสียงหอบๆตอนรับขวดน้ำมาเปิดฝาดื่ม งามเด่นพยักหน้าตอบรับปลีกตัวมายังถังเก็บน้ำดื่มขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส เธอยืนประจำจุดตามหน้าที่หลักของตัวเองอย่างเคร่งครัด สายตาคอยจับจ้องเพื่อนนักกีฬาคนอื่นๆ เผื่อว่าจะมีใครขอน้ำดื่มเพิ่ม
กรกนกเองก็ไม่ได้สนใจ เขาเปิดฝาขวดน้ำเย็นยกขึ้นดื่มจนหมดเกลี้ยง อาจารย์ที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชยังไม่ส่งสัญญาณเรียกเขาเปลี่ยนตัวกลับเข้าสนาม ชายหนุ่มคิดว่าเขายังไม่หายคอแห้งดี จึงเดินเตร็ดเตร่ไปยังจุดให้บริการน้ำดื่มสำหรับทีมนักกีฬา
“ขอน้ำอีกขวดสิ”
คำเอ่ยขอของเขาฟังดูแข็งกระด้างออกมาทางห้วนจัดคล้ายเป็นการออกคำสั่งด้วยมั้ง แถมยังไม่คิดจะมองหน้ากันอีกต่างหาก ทำราวกับเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ เหมือนจะไร้ตัวตนในสายตาเขาเรื่อยมา
จริงๆก็อยากจะบอก...เธอเองก็ไม่คิดจะพิศวาสเขาอีกเหมือนกัน ครั้งเดียวก็เกินพอ ถ้ารู้จะหลงตัวเองหนักขนาดนี้ จ้างให้เธอจะไม่ยอมปริปากบอกรักเขาก่อนแน่ๆ ตอนนั้นตาเธอคงมืดบอด ถึงได้มองเขาเป็นเทพบุตร
งามเด่นทำได้แต่บ่นกระปอดกระแปดในใจ
ไม่อยากมองหน้ากันอีกก็ช่าง เธอจะไร้ตัวตนในสายตาเขาก็ช่าง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องง้อเลยสักหน่อย
เธอก้มตัวลงเปิดฝาถัง เลือกหยิบเอาขวดน้ำเย็นส่งให้เขาตามคำขอ ส่งน้ำเสร็จก็เห็นเพื่อนชายข้างสนามส่งสัญญาณเรียก ตอนนั้นหูงามเด่นได้ยินคำขอบใจจากคนไม่มีเธอในสายตา
“ขอบใจ”
มือที่ควานหาผ้าเย็นในถังชะงัก ใบหน้านวลพยักลงเล็กน้อยเป็นการตอบรับ ก่อนวิ่งเอาผ้าเย็นไปส่งให้เพื่อนนักกีฬาคนหนึ่งที่ทำมือส่งสัญญาณมาให้เมื่อสักครู่ ทั้งคู่ยืนคุยกันงามเด่นยกมือขึ้นให้กำลังใจฝ่ายนั้นก็แสดงสีหน้าฮึกเหิม เป็นช่วงที่กรกนกหันไปเห็นเข้าพอดี ดวงตาคมปลายเฉียงตวัดมอง มือที่กำลังยกขวดน้ำขึ้นจิบชะงักค้าง
เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับงามเด่น ไม่เลยสักนิด...
สั่งตัวเองเสร็จกรกนกจึงโยนขวดเปล่าลงตะกร้าขยะ พร้อมกับหมุนตัววิ่งมาทางม้านั่งสำหรับจุดนักกีฬาเพื่อรอการเปลี่ยนตัวลงแข่งในสนามต่อ เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นมากกว่าปกติอีกครั้ง...
---------------------------------------
การแข่งขันจบลงในเวลาบ่ายโมงแก่ๆ แต่ทว่าด้านนอกโรงยิมท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้ากลับดูขมุกขมัวราวกับเป็นช่วงเวลาใกล้จะมืดเต็มที พวกหนุ่มนักกีฬาพอจบการแข่งขัน ต่างก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้องเก็บตัว ทำความสะอาดชำระร่างกาย ต่างก็แยกย้ายกันกลับเข้าที่พัก หรือยังมีบางคนนั่งจับกลุ่มคุยเล่นกันก็มี
นักศึกษาในส่วนอื่น ต่างมีหน้ารับผิดชอบในส่วนอื่นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตอนแรก ใครสมัครเข้ากลุ่มในส่วนรับผิดชอบตรงไหน แม้นจะเกิดเสียงบ่นอุบอิบกับอากาศที่โคตรจะร้อนเป็นพักๆ สุดท้ายสถานที่รอบโรงยิมที่แสนจะวุ่นวายก่อนหน้าก็กลับมาสะอาดเกลี้ยงเกล้าตามเดิม
พองานในส่วนรับผิดชอบเสร็จ หลายคนจึงต่างทยอยกันกลับหอพักให้ทันเวลาฝนตก ทั้งโรงยิมจึงเหลือนักศึกษาสาวเพียงไม่กี่คน เพราะเป็นงานค่อนข้างใช้แรงมากกว่าใครเพื่อน เลยทำให้งานค่อนข้างดำเนินได้ช้ากว่าใครเพื่อนนั่นเอง...
อากาศที่ฝนทำท่าตั้งเครากำลังจะตกค่อนข้างร้อนอบอ้าว คนใช้แรงงานอย่างงามเด่นทั้งเหนื่อยทั้งร้อน เจ้าตัวยังคงกัดฟันอดทนเร่งมือทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลัง เสื้อเชิ้ตที่สวมถึงแม้นขนาดตัวจะโคร่งใหญ่กว่าตัวเองก็จริง แต่มาตอนนี้มันกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อแนบติดไปกับลำตัว จะก้มจะหยิบจับงานแต่ละครั้ง งามเด่นต้องคอยดึงให้มันกลับเข้ารูปรอยตามเดิม จนรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ แถมยังเป็นอุปสรรคทำให้งานของเธอล่าช้าลงทั้งที่มันก็ช้ามากพอแล้ว ดังนั้นงามเด่นจึงถอดมันออกพาดไว้บนเก้าอี้ ร่างกลมกลึงจึงเหลือเพียงเสื้อกล้ามพอดีตัว แล้วเริ่มต้นทำงานในส่วนที่เหลือต่อ
“เด่น...เธอเก็บของเสร็จหรือยัง” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนถามมาจากด้านหลังกองลูกบาสที่สูงท่วมหัวคนถาม งามเด่นไม่เห็นหน้าเดาได้จากน้ำเสียงอีกฝ่ายคงกำลังเหนื่อยน่าดู
“อืม...ใกล้แล้วเหลือแค่ยกถึงเปล่าเก็บเข้าที่ ถ้าพรเก็บลูกบาสเสร็จกลับก่อนได้เลย เดี๋ยวเด่นตามไปทีหลัง”
“จะให้ช่วยยกไหม?...”
“ไม่เป็นไร...” จากการจับใจความจากน้ำเสียงของเพื่อนสาวคนสนิท งามเดนจึงตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“โอเคร...แล้วเจอกันวันจันทร์” พรชีวันส่งเสียงตอบรับโดยไม่ลังเลเช่นกัน นอกเหนือจากอาการเหนื่อยจนแทบคลาน ตอนนี้แฟนหนุ่มของเธอนั่งรอกลับหอพักพร้อมกันอยู่ข้างสนาม เจ้าตัวชะโงกหน้าขาวผ่านกองลูกบาสมาส่งกำลังใจ “สู้ๆนะ”
“ต้องสู้อยู่แล้วละย่ะ กลับไปเลยชิ้วๆ...”
งามเด่นแลบลิ้นให้เพื่อนบ๋อง พรชีวันหัวเราะหน้าซีดเซียว โบกมือลาหย่อยๆ ตอนเจ้าตัวเดินไปควงแขนแฟนหนุ่มที่เป็นนักกีฬาคนหนึ่งของทีม พร้อมพากันเดินกลับออกจากโรงยิม
งามเด่นส่ายหัวมองคนทั้งคู่อย่างรู้สึกอิจฉา นี่ก็ขึ้นปีสองแล้วนะยัยเด่น ทำไมไม่ยักจะมีใครเข้ามาจีบเธอสักคน...
เสียงฟ้าดังครืนๆข้างนอก ดึงสายตาของคนขี้อิจฉาให้กลับมาสนใจทำงานชิ้นสำคัญ เธอสูดหายใจลึกเรียกพละกำลังเฮือกสุดท้าย งานชิ้นนี้มันค่อนข้างจะหนักหนาเอาการสำหรับผู้หญิงรูปร่างบอบบาง แน่นอนว่างามเด่นคือข้อยกเว้น เพราะว่าเธอทำมันมาตั้งแต่อยู่ชั้นปีที่หนึ่ง...
ไม่เลือกงานไม่ยากจน ท่องจำไว้สิยัยเด่น...
ถังเปล่าถูกทำความสะอาดคว่ำไว้จนแห้งค่อยๆขยับลอยเหนือพื้น งามเด่นเม้มริมฝีปาก เกร็งข้อมือพร้อมกับข้อเท้าให้มั่นคง เธอออกแรงยกจนตัวถังเปล่าขนาดใหญ่ค่อยๆลอยสูงขึ้นจากพื้นเกิดเป็นช่องว่างทีละน้อย หญิงสาวขยับเท้าเดินทีละก้าวอย่างเชื่องช้า ให้เข้าใกล้ลังไม้ตรงหน้าให้มากที่สุด
ต้องยกถังใบโตใบนี้ขึ้นเทินด้านบนลังไม้นั่น มือทั้งสองข้างเกร็งจนแลเห็นเส้นเลือดโปนเริ่มมีอาการสั่นน้อยๆ เรี่ยวแรงก่อนหน้านั้นก็ค่อยๆถดถอยลง
งามเด่นใจหายวาบตอนถังเปล่าทำท่าจะเอียงล้ม เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ตั้งใจฮึดสู้ใหม่ หากเรียวแขนเล็กมันกลับไม่เป็นดั่งใจ เหมือนจะอ่อนยวบจนทำให้ถังทั้งใบทำท่าจะเอียงล้มทับมายังร่างตัวเอง
หญิงสาวหลับตาปี๋ ทำใจยอมรับความเจ็บปวด กำลังจะเกิดขึ้น หนนี้ไม่แขนก็ขาต้องพิการเป็นแน่...
รอจนกระทั่งเหมือนตัวเองจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมละมุนบางอย่างจากอากาศ แผ่นหลังของเธอก็เหมือนกำลังสัมผัสถูกอะไรแข็งๆแต่ให้ความรู้สึกนุ่มหยุ่น เปลือกตาปิดสนิทจำต้องขยับเปิดขึ้นมอง ใบหน้าขาวใสขมวดมุ่น นี่ตาเธอฟาดหรือสมองได้รับความกระทบกระเทือนตอนถังหล่นใส่
เธอมีแขนสี่แขนตั้งแต่เมื่อไร
แต่เอ๊ะ! ตัวถังยังไม่ล้มกระแทกทับเธอสักหน่อย สมองจะกระทบกระเทือนได้ยังไง...
“ถ้าจะกรุณา ช่วยขยับตัวออกหน่อยจะได้ไหม? มันหนัก”
คำสั่งห้วนสั้นตามแบบฉบับ หากก็ทำให้คนตกใจหันหน้าไปมองขวับ รีบปล่อยมือจากถังพลาสติกหนักอึ้งทันที
“อะ!นายกร!”
สิ้นเสียงตระหนกปลายจมูกโด่งรั้นดันกดเข้าหาแผงอกกว้างเข้าเต็มเปา งามเด่นได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำกลิ่นสปอร์ตสำหรับผู้ชาย ผิวแก้มทั้งสองข้างเห่อร้อน หัวใจเต้นระทึกครึกโครมกับอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขา กรกนกกำลังก้มมองมายังเธอด้วยนัยน์ตาเอือมระอา หัวคิ้วเขาขมวดมุ่น พราะว่าต้องรับน้ำหนักของถังทั้งใบที่ถูกโอนมายังเขาคนเดียว
“จะแต๊ะอั๋งฉันอีกนานไหม ถ้านาน ก็ช่วยหลบให้ฉันยกถังขึ้นเก็บให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เพราะว่ามันหนัก...”
เสียงทักท้วงที่ดังขึ้นนั่นแหละ ดึงสติให้งามเด่นกระเด้งตัวออกห่างจากหน้าอกแน่นปึก เธอหลบมายืนด้านข้างเขา สีหน้าสาวเจ้าเลิ่กลั่กอย่างเขินอาย งามเด่นมองดูการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วตอนเขาออกแรงดันถังน้ำแข็งเจ้าปัญหาขึ้นเก็บ เธอก็เบือนหน้าหนีเมื่อเขาหันมาสบตากะทันหัน...
“ยังต้องยกอะไรขึ้นเก็บอีกไหม?”
เขาถาม พลางสะบัดข้อแขนที่ต้องทนรับน้ำหนักเมื่อตะกี้ เขาเป็นนักบาสของมหาวิทยาลัย เป็นคนสำคัญของทีม ข้อมือย่อมเป็นส่วนสำคัญเลยต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ
“เหลือแค่ถังน้ำแข็งใบนี้แหละ ตรงส่วนอื่นฉันเก็บเข้าที่หมดแล้ว”
งามเด่นบอกเสียงเบา มองมือตอนเขาสะบัด ครั้นพอได้บังเอิญอยู่กันตามลำพัง เจ้าความรู้สึกเธอเหยียบจมหายก็ดันผุดขึ้นมาให้ต้องรู้สึกหวั่นไหว คนเคยถูกขจัดทิ้งสูดหายใจเข้าอกลึก...
“ขอบใจนะที่ช่วยยกถังเก็บให้”
กรกนกพยักหน้าต้อนรับเมื่อยๆ ชะเง้อคอมองไปด้านนอกโรงยิม
เห็นฝนยังคงตกหนัก เขาเองก็ดันลืมหยิบร่มพกติดตัวออกมาเสียด้วย เห็นทีคงต้องรอให้ฝนซ่าสักหน่อยแล้วค่อยวิ่งกลับเข้าหอพัก ครั้นพอเขาจะเดินผ่านสาวเจ้าตรงไปยังทางออก พลันสายตาเขาดันเผลอหลุบลงต่ำกว่าใบหน้าเนียนใส ตอนนั้นคล้ายว่างามเด่นกำลังมองหาอะไรสักอย่าง เจ้าตัวเลยไม่ทันเห็นสายตาวาววับเพราะว่าบังเอิญสะดุดเข้ากับเนินอกขาวละเอียด ซึ่งดันโผล่พ้นขอบเสื้อยืดขึ้นมาโชว์หราโดยไม่ตั้งใจ
กรกนกต้องดึงสติกลับมาให้ไว เขากลั้นใจตอนเดินเฉียดงามเด่นออกมายังบริเวณพื้นที่ของสนาม สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าอกถี่ๆ สาวเท้าที่ยาวอยู่แล้วก้าวเดินสวบๆ โดยไม่หันหลังกลับมามองด้านหลังอีกเลย
เขาไม่ได้เกิดอารมณ์กับงามเด่น...
-----------------------------------------
แว่นตาเรแบนสีชาถูกดึงจากกระเป๋าถือขึ้นมาสวมทับใบหน้าสวยพริ้ง เจ้าตัวเดินลงจากรถมารับร่างสูงของมิ่งขวัญหน้าคอนโด
เป็นของขวัญวันเกิดที่เธอซื้อให้ หลังจากได้ยินข่าววงในลือกันหนาหู ยัยคุณหญิงชบาเล่นโอนเงินสดเข้าบัญชีมิ่งขวัญหลักแสนบาท มอบให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า คนที่ไม่เคยถูกชะตาถึงขั้นเหม็นขี้หน้ากันมานาน เลยเกิดอาการหมั่นไส้ อีกทั้งสามีของทั้งคู่ก็ยังขับเคี่ยวเรื่องธุรกิจกันมาตลอด
กลมลาจึงหวังหักหน้ายัยคุณหญิงชบา ด้วยการใช้เศษเงินซื้อดอนโดหรูให้ชายหนุ่มมันเสียเลย งานนี้คนที่ได้กับได้เห็นทีจะเป็นเพียงแค่มิ่งขวัญ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งที่อยู่อาศัยฟรีๆ
“คิดถึงพี่กมลาจังเลยครับ”
“ปากหวาน” คนถูกชมกรีดปลายนิ้วบนหน้าอก ช้อนสายตาพึงพอใจที่มีแว่นกันแดดสวมทับขึ้นมองใบหน้าแสนร้าย
“อย่าคิดว่าจะเชื่อง่ายๆ”
“เฉพาะกับพี่คนเดียวเท่านั้นจริงๆครับ เอาไว้ขึ้นรถ ผมจะพิสูจน์ให้พี่เห็น...” มิ่งขวัญรั้งเอวคอดกิ่วมาแนบลำตัว ส่งสายตากรุ้มกริ่ม กดปลายจมูกโด่งหอมแก้มนุ่มเป็นการเอาใจลูกค้าสาวใหญ่กระเป๋าหนัก
วันนี้กมลาจองชั่วโมงงานมิ่งขวัญลากยาวติดกันถึงสองวัน เธอนัดกับเขาจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ทะเล สืบเนื่องเพราะอนุต้องบินไปเซ็นสัญญากับทางลูกค้าถึงต่างประเทศ อีกสามวันแหนะเขาถึงจะบินกลับ ส่วนลูกชายมีงานที่มหาวิทยาลัย ไม่ขอกลับบ้านอีกเช่นเคย...
เงินแสนถูกโอนเข้ามานอนสงบนิ่งในบัญชีมิ่งขวัญเรียบร้อย เขาจึงจำเป็นต้องโทรไปลากิจกับทางบริษัทกะทันหัน เงินตั้งเยอะแยะขืนเขาไม่รับทำงานนี้ก็คงโง่เต็มที สองวันนี้เขากะว่าจะกอบโกยจากสาวใหญ่ให้ได้อีกสักหมื่นหรือสองหมื่น บ้านหลังโตของพ่อยังขาดรั้วสวยๆ ได้ค่ารั้วบ้านเพิ่มก็ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม...
มิ่งขวัญคิด มือหนึ่งเขาเดินลากกระเป๋ามายังท้ายรถ อีกมือรั้งเอวคอดกิ่วของสาวใหญ่ให้เดินเบียดแนบชิดมากับเขาด้วย รอจนฝากระโปรงท้ายรถเปิด จัดการยัดกระเป๋าใบย่อมเก็บไว้เคียงข้างกระเป๋าใบโตของลูกค้าสาวใหญ่ที่มีลีลาจัดจ้าน
ทั้งคู่สบตากันหวานเชื่อม แรงดึงดูดแห่งอารมณ์ปรารถนาเป็นเหตุให้ริมฝีปากทั้งคู่เคลื่อนกระชับเข้าหากันอย่างดูดดื่ม ลืมเลือนแม้กระทั่งทั้งคู่กำลังยืนแลกจูบกันตรงริมถนนสาธารณะไม่ใช่ห้องหับมิดชิด บนถนนมีรถเก๋งคันสีขาว อยู่ดีๆก็เหยียบเบรกหยุดรถกะทันหัน จนคนนั่งฝั่งผู้โดยสารส่งเสียงร้องลั่นด้วยความรู้สึกตกอกตกใจ...
“เฮ้ย!อะไรของนายวะกร ขับรถแบบนี้อยากตายนักหรือไง...”
คนโวยวายชื่อมาวิน เขาเป็นเจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าว ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปรับเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนหลังจากนัดหมายกันว่าจะไปนั่งทำรายงานกันที่หอพักของกรกนก
“ขอโทษที พอดีฉันคิดอะไรเพลินๆไปหน่อยเลยไม่ทันระวัง”
คนจิตใจล่องลอยพูดแก้ตัว พยายามควบคุมทั้งสีหน้าและน้ำเสียงให้เรียบนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้...
“อืมๆ ขับรถให้มันระวังหน่อยก็แล้วกัน ยังไงฉันก็ยังอยากใช้ชีวิตให้มันคุ้มค่ามากกว่านี้ แฟนก็ยังหาไม่ได้ พ่อกับแม่ก็ยังไม่ได้หาเลี้ยงท่าน นายก็อย่าทำให้ฉันตายก่อนจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำก่อนเลยนะ ถือว่าเพื่อนคนนี้ขอร้อง...”
มาวินพล่ามยาวพร้อมก้มหน้าตรวจสอบเข็มขัดนิรภัยคาดหน้าอกให้มั่นคง เพิ่มความมั่นใจว่าหัวเขาจะไม่กระแทกเข้าหาคอนโซลหน้ารถจนแบะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีกครั้ง
รู้อย่างนี้...เขาขับรถเองซะยังจะปลอดภัยกว่า ไม่น่าขี้เกียจเลยพับผ่าสิ...
รถเก๋งเคลื่อนตัวออกอีกครั้ง...
ภาพที่เห็นเมื่อกี้ตัดฉับลงแค่นั้น กรกนกสั่งตัวเองให้ลืมมันซะ นั่นไม่ใช่แม่ของเขา ใครคนนั้นเป็นแค่คนที่...หน้าคล้ายกันเท่านั้นเอง มันจะเป็นแม่ของเขาไปได้ยังไง คุณแม่ไม่มีวันหักหลังคุณพ่อ คุณแม่รักคุณพ่อ คุณแม่รักเขา และคนที่มีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวานจะไม่มีวันลงมือทรยศทำร้ายใครลงคอแน่ๆ ..