bc

ปั้นรัก

book_age18+
373
FOLLOW
3.3K
READ
love-triangle
HE
second chance
doctor
sweet
bxg
brilliant
office/work place
like
intro-logo
Blurb

“เจ็บเหมือนมดกัดนิดเดียว ไม่ร้องนะคะคนเก่ง”

“ไม่เอา จะร้อง คุณหมอใจร้าย” จบประโยคตัดพ้อนั้น แทนที่คนถูกว่าจะโกรธ แต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เขากลั้วหัวเราะในลำคอด้วยท่าทีสบายๆ ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนตามเธอไปสักกะนิด ไม่พอยังพูดล้อเธอเล่นอย่างอารมณ์ดีอีกตางหาก

“ร้องไปอายเขาแย่นะคะ เด็กเจ็ดขวบห้องข้างๆ ก็เป็นไข้เลือดออกเหมือนมัดหมี่ โดนแบบเดียวกันเลย แต่เก่งมาก ไม่ร้องสักเอ๊ะ แต่เรารู้ว่ามัดหมี่เก่งกว่า อดทนหน่อยนะคะ แล้วเดี๋ยวหายเมื่อไร จะมีรางวัลให้คนเก่ง”

หลังประโยคนั้น คนกลัวแต่ก็ถูกหลอกง่ายไม่แพ้เด็กค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองตาแป๋ว แพขนตายังชุ่มด้วยหยาดน้ำบาง แต่ก็ส่งสายตาแสดงความยากรู้ พอได้ยินรางวัลที่อีกคนบอกก็ถึงกับอดไม่ได้ที่จะดีใจตาโต

“คูมะตัวโตเท่ามัดหมี่เลยเป็นไง เอาไปตั้งไว้ในห้อง”

“หาได้จริงๆ เหรอ ”

“คิดว่าหาให้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเด็กดีของหมอหรือเปล่า ว่าไง”

จบประโยคนั้น ความกลัวก็มี แต่ความอยากได้ก็มาก ชั่งใจอยู่นาน ก่อนตัดใจพยักหน้ารับอย่างหงอยๆ

ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนกระหม่อมของคนในซุกหน้าแน่นกับอกอย่างต้องการปลอบขวัญ

เข็มแหลมที่กดลงไปบนผิวบอบบางบนนิ้ว เพียงชั่วครู่ที่กรรณหทัยกลั้นใจสะดุ้งเฮือก ก่อนร่างเล็กที่เกร็งไปทั้งตัวจะค่อยๆ ผ่อนคลายลงมา เพราะความรู้สึกที่ไม่ได้เจ็บปวดมากอย่างที่คิด

“ขอบคุณนะคะคนเก่ง ที่เป็นเด็กดีของหมอ”

ขอบคุณที่คอยดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงโก๊ะๆ คนหนึ่งให้กลายเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ขอบคุณนะคุณหมอ

chap-preview
Free preview
นางสาวกรรณหทัย
“ห่วย โปรแจคคุณมันไม่ได้เรื่อง นี่เหรอคุณภาพนักศึกษาระดับปริญญาเอก ถ้าทำได้เท่านี้ ผมคิดว่าคุณควรกลับไปพิจารณาตัวเอง ถ้ายังทำไม่ได้ดีกว่านี้ ก็อย่ากลับมาเรียนอีก!!” เสียงเข้มทรงอำนาจยังคงดังกังวานอยู่ในหู ไม่พอยังตามมาด้วยเสียงทุบโต๊ะอีกโครมใหญ่ เธอไม่ได้ตั้งใจจะคิด แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัวไม่เลิก มีอิทธิพลขนาดไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ก็มากพอที่จะทำให้ผู้หญิงที่มีชื่อว่า “กรรณหทัย” ตัดสินใจพาร่างแบบบางตามแบบฉบับสาวตัวเล็กยัดใส่รถตู้โดยสารจนมาหยุดลงตรงจุดหมายปลายทาง “จังหวัดอุทัยธานี” ทันทีที่ล้อรถหยุดลง ผู้โดยสารราวสิบกว่าชีวิตค่อยๆ ทยอยลงจากรถ เหลือก็แต่ร่างบางในชุดสำลองสบายๆตามสไตล์ตัวเองที่คงหนีไม่พ้นเสื้อยืดกับกางเกงยืนขาสั้นอีกตัวที่พาตัวเองออกมาเป็นคนสุดท้าย เธอกล่าวขอบคุณคนขับรถเบาๆ สิ่งที่ได้รับคือรอยยิ้มเป็นการตอบแทน แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว รอยยิ้มจริงใจ ที่มีให้สำหรับคนที่ไม่รู้จักกัน สาวร่างเล็กละสายตาจากรถตู้ พลางยกมือขึ้นกระชับเป้ใบกะทัดรัดที่สะพายหลังให้เข้าที่ ดวงตากลมภายใต้คิ้วเรียวเข้มได้รูปที่เธอภูมิใจนักหนากวาดตามองไปโดยรอบ ลอบสูดอากาศบริสุทธิ์ไว้จนเต็มปอดอีกครั้ง แม้บริเวณที่เธอยืนอยู่จะมีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาบ่งบอกชัดว่าคือเขตตัวเมือง แม้กระนั้นก็ยังไม่หนาตาเท่าอนุสาวรีย์ชัยที่เพิ่งจากมาไม่ถึงสามชั่วโมง กรรณหทัยยิ้มให้กับตัวเองด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จิตใจจะเรียกร้องต้องการ แต่เธอก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะสัมผัสและรับความรู้สึกนี้มานานแสนนาน เธอเลือกที่จะปฏิเสธร้านสะดวกซื้อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่มีอยู่เกลื่อนในเมืองกรุง พาตัวเองก้าวต่อไปไม่ถึงสิบก้าวแวะซื้อน้ำอัดลมรสซ่าที่ภาชนะที่ใช้บรรจุยังคงเป็นถุงพลาสติกรัดด้วยหนังยางแบบที่เธอไม่เคยเห็นมานานนับตั้งแต่ยังเด็กมือบางยื่นไปรับถุงน้ำจากป้าวัยกลางคนยกขึ้นดูดเรียกความสดชื่นไปซะอึกใหญ่ ก่อนเสียงระคนแววเอ็นดูจากแม่ค้าคนเดิมที่ร้องทัก จนทำให้กรรณหทัยเพิ่งรู้สึกตัวได้ ยิ้มเก้อเงยหน้าขึ้นมอง “ดูดทีเดียวซะครึ่งถุงเชียวนะนังหนู ค่อยๆ ก็ได้เดี๋ยวสำลักตายกันพอดี” นางว่า แต่ตาก็มองไปทาง “นังหนู” ที่ยืนส่งยิ้มแก้เก้ออยู่ตรงหน้าสลับกับมองท้องฟ้าที่ดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนมากไปทุกที “นังหนูคงไม่ใช่คนแถวนี้ล่ะสิ แล้วนี่จะไปไหน เมฆมามืดขนาดนี้ อีกไม่นานฝนคงจะตก” พอได้ยินประโยคนั้นขึ้นมา คนจ้องแต่จะรีบจนลืมมองฟ้าฝนก็รีบเงยหน้าขึ้นมองตาม ก่อนสิ่งที่ปรากฏโดยรอบจะทำให้สรุปด้วยตรรกะของตัวเองได้ไม่ยากว่าคงจะจริง กรรณหทัยหันไปส่งยิ้มให้ป้าขายน้ำคนเดิมอีกครั้ง ถามในประโยคสั้นๆ เพียงหนึ่งคำถาม แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือน้ำจิตน้ำใจอันล้นเหลือ ความรู้สึกแบบนี้ เธอเองจำไม่ได้จริงๆ ว่าครั้งล่าสุดที่ได้รับมันตั้งแต่เมื่อไร “หนูจะไปอำเภอลานสักค่ะป้า ไม่ทราบว่าต้องไปขึ้นรถตรงไหนหรือคะ” เธอถามแบบคนกรุง ใช้น้ำเสียงและถ้อยคำแบบชาวกรุงด้วยความเคยชิน แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับตรงกันข้ามด้วยสุ้มเสียงและถ้อยคำแบบชาวบ้าน พร้อมกับร่างท้วมของป้าคนเดิมที่ทิ้งร้านกระวีกระวาดนำเธอเดินดุ่มๆ มือก็ชี้ไปบริเวณที่เมื่อเธอกวาดสายตามองตามก็มีทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง สามล้อ เลยไปถึงทั้งรถกะบะและหกล้อขนาดเล็กที่ถูกดัดแปลงโดยการ ใส่หลังคาแปลงสภาพเป็นรถโดยสารประจำทางสำหรับรับส่ง ป้าคนเดิมให้ข้อมูลเธอว่ารถโดยสารสองแถวเหล่านี้จะวิ่งวนรอบเมือง ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ มองป้าเดินเข้าไปถามคนขับรถซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคิวต่อไปที่ออก ได้ความว่าหากเป็นอย่างนั้นคงต้องรอเวลาอีกเป็นชั่วโมง คำตอบนั้นดูเหมือนจะทำให้ป้ากลุ้มใจขมวดคิ้วมุ่นซะยิ่งกว่าตัวเธอซึ่งเป็นคนเดินทางซะอีก ป้าให้เหตุผลว่า หากรอนานขนาดนั้นฝนอาจจะชะลงมาซะก่อนและเธออาจไปไม่ทันหรือไม่ก็เสี่ยงกับการเปียกระหว่างทาง แกทำท่าคิดอยู่อีกแป๊บ ก่อนเงยหน้าขึ้นมาถามว่า“อีหนูพอมีเงินอยู่บ้างหรือเปล่า” เธอไม่รู้ว่าตัวเงินที่ป้าว่ามันจะสักเท่าไร แต่ก็พยักหน้ารับกลับไปแบบซื่อๆ เพราะตัวเองก็ยังพอมีเงินติดตัวมาบ้าง ป้าเห็นดังนั้น จึงเดินกลับไปหาคนขับรถ ต่อรองกันอยู่อีกซักพัก ก่อนเดินกลับมาเสนอทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเธอ คือการเหมารถโดยสารให้ไปส่งถึงหน้าบ้านด้วยเงินมูลค่าสองร้อย เธอยื่นพิกัดบ้านเลขที่ที่จดใส่ไว้ในกระดาษให้คนขับรถ ก่อนกระโดดขึ้นท้ายรถสองแถวที่เธอผูกขาดกรรมสิทธิ์เบาะทั้งสองด้านไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณป้าขายน้ำที่มีน้ำใจกับเธอมากมายขนาดนั้น ระยะทางจากตัวเมืองไปยังจุดหมายจากการสอบถามทราบว่าเป็นระยะทางห้าสิบกว่ากิโล รถโดยสารขับเคลื่อนมาเรื่อยๆ ผ่านเส้นทางที่ระหว่างสองข้างทางปกคลุมไปด้วยแมกไม้และหุบเขา นานๆ ทีจะมีรถขับสวนมาสักคัน มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อมองไปโดยรอบเธอเองก็ชักไม่แน่ใจว่าถ้ารถเคลื่อนที่เข้าไปไกลเกินกว่านี้ จะยังมีสัญญาณโทรศัพท์ให้เธอใช้ได้อยู่หรือเปล่า “อ้าย เราถึงอุทัยแล้วนะ กำลังนั่งรถเข้าไปจอดหน้าบ้านแก…อือ…ขอบใจมาก อุตส่าห์ยกบ้านให้เพื่อนใช้เป็นที่พักพิงฟรีแบบไม่มีกำหนด รับรองเลยจะดูแลทำความสะอาดให้เป็นอย่างดี…จ้า แค่นี้ล่ะ” คนปลายทางวางสายไปแล้ว แต่รอยยิ้มบางยังเจืออยู่บนดวงหน้าหวานของอีกคนไม่จางหาย ตัวรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าสวนทางกับสัมผัสเย็นของลมแรงที่ตีปะทะเข้ามาจนหัวยุ่ง แต่ก็ไม่เป็นผลให้รอยยิ้มสดใสบนดวงหน้าจางลง ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้กลับทำให้เธอยิ้มได้กว้างขึ้น เธอสูดลมหายใจรับกับสัมผัสเย็นจนเรียกให้มือทั้งสองต้องยกขึ้นกระชับกอดอกแน่นเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างแบบบางของตัวเองโดยอัตโนมัติ ยิ้มรับกับกลิ่นชื้นของละอองฝนพร้อมไอบางๆ ที่ลอยมากระทบใบหน้า นับเป็นโชคดีที่สุดท้ายโชเฟอร์ก็นำเธอมาส่งตรงหน้าบ้านก่อนฝนจะกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก เท้าก้าวลงจากรถ ส่วนมือก็ทำหน้าที่แข็งขันในการควานหาพวงกุญแจที่เพิ่งได้มาเป็นกรรมสิทธิ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้จากคนเป็นเพื่อน อัญญา หรือ อ้าย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่จับพลัดจับผลูมาทำงานในสถาบันใหญ่ที่เธอใช้ชีวิตหลังจบในการศึกษาระดับปริญญาตรีเรียนต่อในระดับสูงขึ้นเกินมาตรฐานที่ตลาดคนทำงานจะมีอัตรารองรับ ตลอดระยะเวลาเกือบสามปีที่สลัดชุดนักศึกษาออกมาเผชิญโลกกว้าง ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านมีอะไรมากมายให้ผู้หญิงหนึ่งคนต้องคิด ทางเดินที่ไม่ได้เต็มใจเลือกกับความกดดันที่สาดซ้ำทับโถมเป็นอะไรที่บางครั้งก็ยากเกินจะรับไหว ถ้าเป็นไปได้ เธออยากออกมาโบยบินไปในโลกกว้าง บินไปตามที่ใจฝัน กรรณหทัยลอบถอนหายใจเมื่อคิดมาไกลถึงตรงนี้ ดวงตาคู่กลมที่ก่อนหน้าฟุบต่ำค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองโดยรอบ ลองมองให้ดีๆ อีกครั้ง รอบตัวเธอตอนนี้โอบล้อมไปด้วยป่าเขาและต้นไม้ใหญ่ ไม่มีผู้คนมากมายมาวุ่นวายรอบตัวให้ยุ่งยากอย่างในความคิด ภาพเบื้องหน้ามีเพียงบ้านไม้สองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ อาณาบริเวณถูกกั้นจากบ้านอีกหลังข้างๆ เพียงแค่รั้วดอกเฟื่องฟ้าหลากสี กวาดตามองไปอีกไกลกว่าจะพบพิกัดที่อยู่ของบ้านเรือนในละแวก ต่างจากชีวิตในเมืองใหญ่ที่แทบจะไม่มีพื้นที่ให้หายใจหรือแม้แต่กำแพงยังต้องใช้ร่วม ไม่รวมไปถึงห้องสี่เหลี่ยมลอยฟ้าที่ตั้งตระหง่าน บางทีเธออาจกำลังต้องการชีวิตแบบนี้ เธอมาที่นี่เพื่อการพักผ่อน ทำในสิ่งที่ชีวิตคิดจะทำมานาน อิสระที่ต้องการค้นหา ร่างบางยิ้มให้กับตัวเอง สลัดความคิดรวมถึงเรื่องราวมากมายที่รกอยู่ในหัว ก่อนหยดน้ำเม็ดใหญ่ขึ้นจากเดิมที่ร่วงจากฟ้าหล่นมาบนกระหม่อม จะเป็นเสมือนสัญญาณเรียกให้มือบางต้องรีบไขโซ่คล้องซี่ไม้ของบานประตูทั้งด้านหน้าทั้งสองไว้ด้วยกัน พาขาตัวเองรีบวิ่งระเห็จเข้ามาหลบฝนได้ในตัวบ้าน ทันเวลาก่อนที่หยาดน้ำในช่วงเวลาปลายฝนต้นหนาวจะซัดกระหน่ำ มีคนเคยบอกไว้ว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ คนยืนเช็ดหยดน้ำพราวบนเส้นผมยิ้มขำกับตัวเองเมื่อมองไปยังภาพที่ปรากฏตรงหน้าแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจริงหรือเปล่า สายตาที่ทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่าง สิ่งที่ฉายชัดตรงหน้าคือแสงตะวันรอนสีส้มจัดจ้าตัดกับรุ้งกินน้ำเจ็ดสีที่สาดมากระทบปลายยอดเขาที่ตั้งตระหง่าน กอรปกับเสียงกบเขียดหรือสัตว์อะไรเธอก็ไม่ใจนัก ที่พากันส่งเสียงร้องระงม หรือความจริงมันก็มีความสุขไปอีกแบบ เธอสรุปให้กับตัวเองอย่างนั้น ก่อนเลือกที่จะเดินหันหลังกลับ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า การได้แต่ยืนมองอย่างเดียวคงไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว เธอควรจะออกไปซึบซับรับบรรยากาศด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวเองคงจะได้อารมณ์มากกว่า กรรณหทัยเลือกที่พาเจ้ามอเตอร์ไซด์รุ่นเก่าที่อัญญาจอดไว้ทิ้งไว้หน้าบ้าน มันเป็นความโชคดีที่เธอพอที่จะขับเจ้าสองล้อติดเครื่องนี้เป็น บวกกับสภาพของตัวมันเองที่ยังไม่เลวร้ายถึงขั้นสตาร์ทไม่ติด เธอและมันจึงพากันออกมาได้ด้วยอัตราเอื่อยเฉื่อยพอประมาณ กินลมชมวิวมองสองข้างไปเรื่อยๆ ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาเป็นก๋วยจั๊บชามละสิบห้าบาทหนึ่งถุงกับข้าวเหนียวย่างไส้กล้วยอันละห้าบาทสองอันตรงสี่แยก ที่ยายคนขายย้ำนักย้ำหนาว่ามันเป็นสองอันสุดท้าย และถ้าเธอมาช้ากว่านี้อีกหน่อย อาจจะ “ไม่มีอะไรให้กิน” ร่างบางพาตัวเองและเจ้ามอเตอร์ไซด์คู่ใจที่แอบตั้งชื่อให้แล้วเสร็จสรรพว่าเจ้า “เอื่อยเฉื่อย” ค่อยๆ เรียบทางขับกลับมาด้วยความเร็วสมชื่อ เดาเอาจากบรรยากาศโดยรอบพอมองคร่าวๆ ได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาไม่น่าจะเกินหนึ่งทุ่ม แต่เมื่อมองไปโดยรอบ บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็ดูจะเงียบสงัดต่างจากบรรยากาศเมื่อตอนกลางวันที่นั่งรถผ่าน บางหลังปิดไฟสนิท มีบางหลังสมาชิกในบ้านออกมานั่งล้อมวงกินข้าวที่แคร่ไม้ด้านนอก หรือจะมีบ้างที่เพื่อนบ้านข้างเคียงออกมาพบปะพูดคุยกันตามประสา กรรณหทัยพาเจ้าเอื่อยเชื่อยมาหยุดลงตรงหน้าบ้าน จัดการคล้องโซ่ล๊อกประตูเป็นที่เรียบร้อย กวาดตาสำรวจตรวจตราไปยังบริเวณโดยรอบ ด้านหลังเป็นทุ่งนา ส่วนด้านหน้าเป็นที่ว่างมองไกลออกไปคือภูเขา ทุกอย่างปกคลุมด้วยความมืดสนิท เธอพยายามสลัดความกลัวเล็กๆ ที่ค่อยๆ ย่ามเข้ามาในจิตใจ ปลุกปลอบตัวเองด้วยเหตุผลต่างๆ นานา หันหลังกลับพาขาสั้นๆ ก้าวไปด้วยอัตราเร็วสูงสุด ก่อนที่บานประตูจะถูกลงกลอนปิดสนิท แสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามากระทบหางตา ทำให้ต้องแง้มบานไม้ตรงหน้าสอดส่ายสายตาเหลือบกลับไปมอง แสงจากหลอดนีออนถูกสาดส่องออกมาจากบ้านที่ตั้งอยู่เคียงข้างกั้นกลางเพียงแค่รั้วดอกไม้ ดวงตากลมไล่มองตั้งแต่รถอเนกประสงค์จำพวกคลอสโอเวอร์สี่ประตูหลายที่นั่งสีดำที่ไม่เคยผ่านตามาก่อนเมื่อตอนกลางวัน มาจนถึงร่างสูงที่เห็นเพียงแผ่นหลังไหวๆ แต่ก็มั่นใจได้ว่าคงเป็นผู้ชาย บานประตูถูกปิดลงอีกครั้ง คราวนี้จัดการลงกลอนเป็นที่เรียบร้อย กรรณหทัยเผลอปรายตามองอีกครั้งผ่านหน้าต่าง แสงไฟจากเพื่อนบ้านข้างๆ ยังคงส่องสว่างอยู่เหมือนเดิม อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดายจนเกินไป เพราะตลอดเวลาที่พยายามข่มตาเข้านอนยังมีเสียงดังกุกกักเป็นระยะจากบ้านข้างๆ สลับกับเสียงจักจั่นจิ้งหรีดเป็นท่วงทำนองให้คนไม่คุ้นเคยได้คลายกังวล เสียงกีตาร์ทำนองเพลงคุ้นเคยที่ดังแว่วผ่านสายลมมากระทบประสาทหู ความอบอุ่นที่หลงลืมไปนานแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ เมื่อเผลอคิดตามความหมายของเพลงนั้น นานแล้วที่หลงลืม ไม่เคยได้ยินได้ฟังเพลงนี้ “ได้ชิดเพียงลมหายใจ แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน แค่เพื่อนเท่านั้น แต่มันเกินห้ามใจ ที่ค้านในความรู้สึก ว่าลึกๆ เธอคิดยังไง รักเธอเท่าไร แต่ไม่เคยพูดกันอะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้ มันมีความสุข แค่นี้ก็ดีมากมาย….” มือบางกระชับผ้าห่มขดตัวลงไปให้ร่างกายคลายหนาว หลับตาก้าวสู่นิทราด้วยลำนำเสียงเพลงที่แว่วกระทบสัมผัสขับกล่อมให้หัวใจอบอุ่น คืนนี้เธอคงนอนหลับฝันดี *เพลงอยากรู้แต่ไม่อยากถามแคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
31.9K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
31.4K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
78.5K
bc

ขังรัก

read
17.8K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
14.9K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
52.4K
bc

My Sister น้องสาว... ที่รัก

read
6.6K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook