ตอนที่ 4 ตกบันได

1390 Words
"อุ้ย!" หลังจากรับประทานอาหารค่ำกันเสร็จปัณณ์ก็ขอตัวขึ้นห้องนอน อีฟถึงกับผงะเมื่อประตูห้องเป้าหมายเปิดออก "ทำอะไร" น้ำเสียงเย็นชาถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่คิ้วหนากลับขมวดเข้าหากันแสดงความสงสัยในท่าทางลับๆ ล่อๆ อย่างตลกของอีฟที่เหมือนจิ้งจกตะกายประตูอยู่หน้าห้องนอนของเขา "อีฟ...อีฟจะมาเข้าห้องน้ำ" อีฟมีท่าทีกระอึกกระอัก คิดหาคำแก้ตัว "เธออย่ามาพูดแก้ตัวโง่ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ เธอรู้ดีว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน" "ชิ เบื่อคนรู้ทัน" "แล้วตกลงเธอกำลังจะทำอะไรโง่ๆ ที่หน้าห้องฉัน" "ปากร้าย คำก็โง่สองคำก็โง่ งั้นคนฉลาดอย่างปัณณ์ก็ช่วยทำให้อีฟหายโง่เป็นคนฉลาดเหมือนปัณณ์หน่อยสิ ว่าแต่อีฟจะให้ปัณณ์ช่วยยังไงดีน๊าาา ติ๊กต๊อกๆ อ๋อ อีฟรู้แล้ว เรามาเป็นแฟนกันไหมล่ะ อีฟจะได้ซึมซับความฉลาดจากปัณณ์ ส่วนปัณณ์ก็จะได้ซึมซับความร่าเริงของอีฟ จะได้ไม่เย็นชาแบบนี้ยังไงล่ะ เอาม่ะ เรามาเป็นแฟนกัน" ".........." ปัณณ์จ้องมองอีฟด้วยสายตาเย็นชา เมื่อก่อนเธอจะคอยหลบหลีกสายตาหรือการเผชิญหน้ากับเขา ตั้งแต่วันที่ไปหัวหินจู่ๆ เธอก็เปลี่ยนไป และเธอก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ แล้วพฤติกรรมของเธอที่ทำก้อร่อก้อติกเขาก็มากขึ้นทุกวัน เขาจึงต้องหยุดการกระทำของเธอด้วยความรุนแรงบ้าง "เงียบ ไม่ตอบ งั้นอีฟจะคิดว่าปัณณ์ตกลงเป็นแฟนกับอีฟแล้วนะ ป่ะ งั้นเราเข้าห้องกัน ...โอ๊ย! เขกหัวอีฟอีกแล้วนะ" อีฟจับแขนปัณณ์ข้างหนึ่งออกแรงลากหมายจะเข้าไปยังห้องนอนของเขา แต่คนตัวสูงก็ยืนแข็งทื่อทำตัวหนักอึ้ง ไม่ยอมขยับเดินตามเธอ ก่อนที่มะเหงกจะถูกประเคนใส่หน้าผากของเธอเป็นครั้งที่สองตั้งแต่มาที่นี่ มือบางปล่อยแขนแกร่งทันที ยกขึ้นกุมหน้าผากตนเอง มองค้อนคนตัวสูงกะหลับกะเหลือก ว่าปากยู่ "เธอนี่มันไร้สาระจริงๆ" ปัณณ์ว่า มองหน้าอีฟด้วยสายตาหน่ายๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ เดินไปยังทางบันได "อีฟไม่ได้ไร้สาระซะหน่อย อีฟจะจีบปัณณ์ อีฟจริงจังสุดๆ เลยด้วย ปัณณ์นั่นแหละยอมเป็นของอีฟซะดีๆ อย่าให้อีฟต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดนะ" อีฟขู่ด้วยท่าทางขึงขัง แต่มันไม่ได้ดูน่ากลัวสำหรับเขาเลยสักนิด "ทำไม? เธอจะทำอะไรฉัน" ปัณณ์หันมาหลี่ตาถาม "ไม่บอกหรอก ปัณณ์ต้องยอมเป็นแฟนอีฟก่อน" "เชิญเธอฝันลมๆ แล้งๆ ต่อไปเถอะ เพราะฝันของเธอมันไม่มีทางเป็นจริงแน่ แล้วถ้ายังไม่หยุดพูดเพ้อเจ้อ เธอก็ไม่ต้องมาให้ฉันติวภาษาอังกฤษ" พูดจบปัณณ์ก็ก้าวเท้าฉับๆ ลงบันไดไป "ชิ แค่นี้ก็ต้องมาขู่กันด้วย วันนี้ไม่พูดแล้วก็ได้ แต่...ว๊ายยยยยยย!!! ...อุ๊บ!" อีฟเบ้ปากยืนมองค้อน ก่อนจะก้าวเท้าเดินตาม แต่ไปได้เกือบสุดทางบันไดก็เกิดสะดุดขาตัวเองเสียก่อน จนเสียหลักถลาลงบันไดปะทะเข้ากับร่างสูงที่หันมามองตามเสียง "เฮ้ย!! ...อุ๊บ!" ปัณณ์ร้องตกใจเมื่อหันมาเจอหน้าเหวอๆ ของอีฟพร้อมกับตัวเธอที่พุ่งถลาลงมา เขาคว้าตัวเธอไว้ตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มกลิ้งลงไปสุดทางบันได และด้วยจังหวะที่พอดิบพอดีริมฝีปากของทั้งคู่ประกบติดกัน ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง "ปัณณ์! อีฟ!" เสียงร้องเรียกด้วยความตกใจของนาวที่กำลังอุ้มพาฝันดังขึ้น พร้อมกับทุกคนที่ต่างรีบวิ่งมาดูตามเสียง และต่างเห็นภาพอีฟนอนทาบทับอยู่บนกายแกร่งของปัณณ์ โดยที่ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบติดกันอยู่ "โอ๊ย!" อีฟร้องเสียงหลงเมื่อถูกมือหนาผลักใบหน้าจนหงายเงิบกลิ้งลงไปจากกายแกร่ง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมานั่งพลางใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ริมฝีปากตนเอง นาวส่งพาฝันให้ปุณณ์ก่อนจะไปดูอาการของอีฟ "เลือดมึงออก" ปุณณ์ร้องตกใจเมื่อเห็นปัณณ์มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากริมฝีปาก "อีฟเป็นยังไงบ้างลูก" ชะเอมรีบเข้าไปดูอีฟทันทีเช่นกัน "อีฟไม่เป็นไรค่ะ แต่ปัณณ์..." อีฟมีสีหน้ารู้สึกผิด เพราะความซุ่มซ่ามของเธอ เขาถึงได้เจ็บตัวจนได้เลือด ดีที่ตกลงมาแค่ไม่กี่ขั้น ไม่เช่นนั้นคงได้มีแขนขาหักหรือหัวแตกกันบ้าง แต่ทุกขั้นที่กลิ้งตกกันลงมาก็มีมืออุ่นหนาคอยกันไม่ให้ศีรษะของเธอกระแทกพื้น "ฉันไม่เป็นไร" ปัณณ์ตอบเสียงเรียบเมื่อเห็นสีหน้าราวกับจะร้องไห้เพราะความรู้สึกผิดของอีฟ "อีฟขอโทษ อีฟซุ่มซ่ามเอง ปัณณ์เจ็บมากไหม" อีฟคลานเข้ามาหาปัณณ์ ก่อนจะยื่นมือหมายจะแตะริมฝีปากของเขา "ก็บอกไม่เป็นไรไง เธอนี่มันเข้าใจอะไรยากจริงๆ" ปัณณ์ว่าเสียงดุพร้อมทั้งปัดมือบางออก ก่อนจะลุกขึ้นยืน "ปัณณ์ทำแผลก่อนลูก" ชะเอมบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "แค่ปากแตกนิดเดียว คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ" ปัณณ์บอกคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ผลจากการเรียนศิลปะป้องกันตัวทำให้เขาเซฟตัวเองจากอุบัติเหตุได้ ถ้าอีฟไม่เอาปากมากระแทกเขาในตอนที่ตกถึงพื้น เขาก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะโทษอะไรเธอ เพราะเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจ "ขอแม่ดูก่อน แผลไม่ลึกมาก แต่ยังไงก็ต้องทำแผล" ปัณณ์ยอมให้คนเป็นแม่ดูแผลแตกที่ริมฝีปาก และยอมให้ทำแผล เพราะความสบายใจของคนเป็นแม่สำหรับเขาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก "อีฟไม่เจ็บตรงไหนแน่นะ" นาวถามด้วยความเป็นห่วง "ปัณณ์เอาตัวรับไว้ก็เลยไม่เจ็บน่ะ" อีฟบอก สายตาจับจ้องไปที่คนตัวสูงที่นั่งให้คนเป็นแม่ทำแผลด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่จางหาย "มีอะไรกัน" อาชิเอ่ยถาม เขาพึ่งกลับจากการไปรับประทานอาหารเย็นกับลูกค้า อีฟยกมือไหว้ทักทาย "อุบัติเหตุตกบันไดนิดหน่อยค่ะพี่อาชิ แต่ไม่มีใครเป็นอะไรมาก เสร็จแล้วลูกปัณณ์" ชะเอมตอบคนเป็นสามี ก่อนจะเอ่ยบอกลูกชายพลางเก็บอุปกรณ์ทำแผล "ขอบคุณครับคุณแม่" "ไม่มีใครเป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ปัณณ์ เดี๋ยวเข้าไปคุยงานกับพ่อที่ห้องหนังสือด้วยนะ" "ครับคุณพ่อ" ปัณณ์รู้ตัวดีว่าคนเป็นพ่อจะคุยอะไรกับตน "อีฟขอตัวกลับก่อนนะคะ" "แล้วอีฟจะกลับยังไงลูก" น้ำเสียงนุ่มทุ้มของอาชิเอ่ยถาม "ปุณณ์กับนาวไปส่งเองครับ" "ปะๆ" พอได้ยินคำว่าไป พาฝันก็ส่งเสียงพร้อมทั้งพยักหน้าหงึกหงักอยู่บนตักคนเป็นพ่อ เพราะคิดว่าจะได้ไปเที่ยว "มืดแล้วพาฝันอยู่กับย่าค่ะ ไปไม่ได้ มาค่ะย่าอุ้ม" ชะเอมยื่นมือไปหาหลานสาว "มะๆ" พาฝันส่ายหน้าพัลวัน ไม่ยอมให้คนเป็นย่าอุ้ม "เที่ยวเก่งจริงๆ เด็กคนนี้ มันมืดแล้วย่าเป็นห่วง พาฝันอยู่กับย่ากับคุณปู่นะคะ" ชะเอมว่าก่อนจะปะเหลาะหลานสาว แต่พาฝันก็ไม่ยอมให้อุ้ม "ปู่คิดถึงพาฝันจังเลยครับ พาฝันอยู่กับปู่นะ ปู่อยากกอดพาฝันมากเลย ปู่อุ้มครับ" อาชิช่วยปะเหลาะหลานสาวอีกคน พาฝันเอียงคอไปมาอย่างน่ารัก ก่อนจะชูแขนป้อมให้คนเป็นปู่อุ้ม ทุกคนยิ้มเอ็นดู ก่อนปุณณ์กับนาวจะไปส่งอีฟที่คอนโดมิเนียม อาชิอุ้มพาฝันเข้าไปในห้องหนังสือ ปัณณ์ก็เดินตามคนเป็นพ่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD