แก้วกัลยารับรู้ได้ถึงความใจดีผ่านสีหน้า เลยทำให้เธอเผลอยิ้มตอบรับ มันอุ่นใจและไม่กลัวเมื่ออยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ เจ้านายบ้านนี้คงใจดีจริงๆ อย่างที่ป้าจันว่า
“ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”น้ำเสียงหวานแผ่วเอ่ยถาม
“ชื่อแก้วค่ะ ส่วนนี้แม่ของแก้วเองชื่อกรอง”เธอตอบ
“มาจากที่ไหนกันล่ะนี่”
“มาจากเชียงใหม่ค่ะ”
“มันสองคนเป็นคนบ้านเดียวกับจันค่ะคุณใหญ่ เห็นว่าลงท่ารถทัวร์เมื่อเช้า”จันรีบบอก
คุณใหญ่พยักหน้าช้าๆ เข้าใจคำอธิบายของบ่าวในบ้าน เห็นหอบหิ้วกระเป๋ามาเช่นนี้ก็พอคาดการณ์ได้ว่าคงลงจากรถแล้วตรงมาที่นี่เลย
“อยากทำงานที่นี่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แก้วกับแม่ไม่มีที่ไปที่ไหนเลยค่ะ นอกจากที่นี่”แก้วกัลยาหลุบตามองพื้น ข่มน้ำตาตนเองเอาไว้เมื่อนึกถึงเหตุผลที่หนีออกมา
อังศนากวาดตามองสำรวจใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า แก้วกัลยาผิวพรรณนวลผ่อง ริมฝีปากบางอมชมพู คิ้วโก่งได้รูป หน้าตาสะสวยจนสามารถจับแต่งเป็นนางเอกละครได้อย่างสบาย พอพิศมองอีกครั้งเห็นริมฝีปากมีรอยเขียวช้ำ ตามเนื้อตัวเช่นกัน เพราะผิวขาวมากเลยเห็นรอยแผลปรากฏง่ายมาก
“ฉันขอเรียกเธอว่าแก้วก็แล้วกันนะ”
“ค่ะ”
“แผลที่ตัวโดนอะไรมาหรือแก้ว”คุณใหญ่ถามสีหน้าเคร่งเครียด
คนถูกถามชะงักครู่หนึ่ง น้ำตาเริ่มเอ่อ ไม่อยากเล่าเรื่องราวความทุกข์ยากเพื่อเรียกคะแนนสงสาร แต่หากปิดบังคงไม่ได้ทำงานที่นี่ คุณใหญ่คงมองออกในเรื่องนี้
“คือ... แก้วพาแม่หนีพ่อเลี้ยงมาค่ะ” เว้นช่วงกลั้นน้ำตาเอาไว้ “พ่อเลี้ยงทุบตีแม่ของแก้วทุกวัน ขโมยเงินที่แก้วหามากับแม่เพื่อเล่นการพนัน เมามาที่ไรก็เห็นแม่แก้วเป็นกระสอบทราย แก้วทนไม่ไหวเลยพาแม่หนีมาค่ะ”เธอตอบทั้งน้ำตา
กรองกาญจ์กอดลูกสะอื้น เพราะเห็นผิดเป็นชอบทำให้ลูกต้องลำบากอดทนกับสามีใจโฉด โชคดีที่เอาตัวรอดมาได้ไม่เช่นนั้นคงต้องกลายเป็นเมียมันอีกคน เธอเองคงทำใจไม่ได้
ฟังเรื่องราวสองแม่ลูกทำให้คุณใหญ่เห็นใจ หากแก้วไม่พาแม่หนีมาคงแย่ เธอเองรู้สึกถูกชะตากับสองคนนี้มาก คงรับไว้ได้ เห็นว่ากรองกาญจ์ทำอาหารเก่ง
“ฉันรับสองคนไว้ก็ได้ กรองทำครัวเป็นใช่ไหม”คุณใหญ่เอ่ยถาม น้ำเสียงอ่อนโยน
“ทำเป็นจ้ะ ฉันทำได้”
แก้วกัลยายกมือพนมไหว้ รู้สึกขอบคุณความมีน้ำใจของนายบ้านนี้ เธอทั้งสวยสง่าแถมยังมีเมตตา
“ขอบคุณมากเลยนะคะ แก้วจะขยันทำงานให้ดีที่สุดเลยค่ะ”
“จ้า” คุณใหญ่หันมองไปทางจันก่อนสั่งงาน “จันพาสองคนไปหาห้องพักซะก่อน พรุ่งนี้จะได้เริ่มงาน”
“ค่ะคุณใหญ่”
จันลุกยืนกวักมือเรียกคนบ้านเดียวกัน แก้วกัลยาและแม่ยกมือไหว้คุณใหญ่อีกครั้งแล้วเดินตามป้าจันไปยังที่พัก สองแม่ลูกเดินผ่านสวนหย่อมด้านหลัง มาจนถึงเรือนพักของบ่าวไพร่โดยเฉพาะ
“อยู่ห้องนี้ก็แล้วกันนะ”จันบอกขณะเปิดประตูห้องนอน
“ขอบใจมากจ้ะป้าจัน”
“ไม่เป็นไรหรอก คนบ้านเดียวกัน”
ลูกจูงมือแม่เข้าในห้องเพื่อจัดเสื้อผ้า จันมาพูดคุยด้วยพักหนึ่งจึงออกทำงานต่อ แก้วกัลยาระบายยิ้มด้วยความยินดี ค่ำคืนนี้ไม่ต้องทนเสียเงินเช่าโรงแรมแถมยังได้งานพ่วงด้วย โชคเข้าข้างแล้ว ต่อไปนี้จะทำงานเพื่อทดแทนบุญคุณคุณใหญ่ รวมถึงเจ้านายทุกคนของบ้านหลังนี้
หกโมงเช่าบ่าวไพร่ในบ้านลุกจากที่นอน กรองกาญจ์ตามจันเข้าห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้าให้กับเจ้านาย เมนูคือข้าวต้มทะเล แก้วกัลยาแยกไปทำความสะอาดแทน
“แล้วมื้อกลางวันเราต้องทำหรือเปล่า?”กรองกาญจ์ถามจันขณะคนข้าวต้มอยู่
“ทำสิ แต่ว่าไม่ต้องมาก มีแค่เจ้าสัวเหลียงทานคนเดียว คุณใหญ่ไปโรงสี”
“แล้วนายที่บ้านมีกี่คนจัน”
“มีสองคนเท่านั้นแหละ”
กรองกาญจ์หันมองสีหน้าแปลกใจ ที่นี่มีคนสวนสองคน แม่ครัวอีกสอง และทำความสะอาดอีกสาม คนขับรถหนึ่งคน ความจริงบ่าวไพร่ดูเกินความจำเป็นหากว่ามีเจ้านายเพียงสองคนเท่านั้น
“บ่าวไพร่ในบ้านเยอะจังเลย มีนายแค่สองคนเอง”เธอบ่นกับเพื่อน
“ก็คนรวยล่ะนะ ทำอะไรไม่น่าเกลียดหรอก”
“ก็จริง”กรองกาญจ์เห็นด้วยกับคำพูดนี้
จันถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อนึกถึงความหลังครั้งอดีตเกี่ยวกับบ้านหลังนี้
“เมื่อก่อนเจ้านายที่บ้านมีมากกว่านี้ แต่มันเกิดเรื่องซะก่อน”จันบ่นสีหน้าหมองลง
คนฟังนิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยถาม แต่ใจหนึ่งกลับอยากรู้เรื่องราวเหมือนกัน เห็นบ้านเงียบเหงาขนาดนี้
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“บอกไม่ได้หรอกกรอง เรื่องของเจ้านายเค้า ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากนักหรอก” เว้นระยะหายใจ แล้วนึกถึงใบหน้าเจ้านายอีกคน “เสียดายที่แกไม่ได้เห็นคุณธัญ”
กรองกาญจ์อ้าปากจะถามต่อ
“สายแล้วๆ รีบไปจัดโต๊ะเถอะ เดี๋ยวคุณใหญ่กับเจ้าสัวจะลงมาแล้ว!”จันเร่ง
แม่ครัวนำอาหารออกมาตั้งบนโต๊ะ จัดดอกไม้ถ้วยและช้อนวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แก้วกัลยาสาวเท้าออกมาจากหลังบ้านหลังจากกวาดสวนช่วยลุงมีชัยเรียบร้อยแล้ว ร่างบางรีบมาช่วยแม่ในครัว
“แก้วเห็นนังนิ่มไหม มันต้องไปพาเจ้าสัวลงมาทานข้าว แล้วมันหายไปไหนไม่เห็นแต่เช้า!”จันถาม พลางชะเง้อมองหาสาวใช้อีกคน
“น้าคุณที่อยู่ห้องติดกับแก้วใช่ไหม?”
“ใช่ๆ เห็นมันบ้างไหม”
“เห็นจ้ะป้า แต่เมื่อเช้าน้าบอกว่าไม่ค่อยสบาย เห็นลุกมากินยาแล้วนอนต่อ”แก้วกัลยาตอบสีหน้างงๆ